ไม่ใช่เเค่น้ำไม่พอ อากาศร้อน โรคระบาด กำลังเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ต้นทุนการเลี้ยงหมูแพงขึ้น มีตัวอย่าง
วันนี้ (26 ก.ย.2565) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 หลังยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และยุบ ศบค. จากที่มีการปรับโควิด-19 เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวั
ไม่ใช่เเค่น้ำไม่พอ อากาศร้อน โรคระบาด กำลังเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ต้นทุนการเลี้ยงหมูแพงขึ้น มีตัวอย่างเกษตรกรในราชบุรี หันไปเลี้ยงหมูหลุมลดผลกระทบจากสภาพอากาศที่แปรปรวน นายสุพจน์ สิงห์โตศรี ประธานกลุ่มวิสาดู bein sports 1หกิจชุมชนกลุ่มหมูหลุมอินทรีย์ ต.ดอนแร่ อ.เมือง จ.ราชบุรี ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลทำให้ราคาจำหน่ายสุกรสูงขึ้นในช่วงนี้ เกิดจากสภาพอากาศที่ร้อน สุกรเติบโตช้า ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์มีการขยับราคา และความต้องการบริโภคเนื้อสุกรในต่างประเทศที่มีปัญหาโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร หรือ African Swine Fever (AFS) ทำให้ยอดการส่งออกเพิ่มขึ้น เเละจากสภาพอากาศที่ร้อนในช่วงนี้ ทำให้เกษตรกรหลายคน ปรับเปลี่ยนจากการเลี้ยงหมูเเบบคอกพื้นปูน มาเป็นหมูหลุมที่อยู่ในพื้นที่โปร่ง อากาศถ่ายเทได้ดี มีการบริหารจัดการพื้นที่ของสุกรอย่างเหมาะสม ทำให้หมูปรับได้ทุกสภาพอากาศ ขณะนี้การเลี้ยงหมูหลุมกำลังเป็นที่เเพร่หลาย เลี้ยงเเละชำเเหละเเพคขายด้วย โดยเกษตรกรรายย่อยได้รวมกลุ่มจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนกลุ่มหมูหลุมอินทรีย์ ต.ดอนแร่ มีสมาชิกรวมกว่า 20 ราย มีหมูหลุมในระบบมากกว่า 2,000 ตัว และเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนผู้เลี้ยงที่ขยับขนาดใหญ่ นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระบุว่า เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูกำลังประสบปัญหาน้ำไม่เพียงพอต่อการเลี้งหมู โดยเกษตรกรหลายพื้นที่ต้องซื้อน้ำจากแหล่งอื่นมาให้หมูกิน ใช้ทำความสะอาด และหล่อเลี้ยงระบบทำความเย็นในโรงเรือน ส่งผลทำให้ต้นทุนสูงการใช้น้ำสูงขึ้นมากกว่าเท่าตัว โดยเเต่ละวันผู้เลี้ยงหมูบางรายต้องจ่ายค่าน้ำหลักพันบาท สำหรับการเลี้ยงหมูโดยเฉลี่ยพ่อแม่พันธุ์สุกรใช้น้ำวันละ 130 ลิตรต่อตัว หมูขุนใช้น้ำวันละ 40 ลิตรต่อตัว ทำให้ปริมาณน้ำที่เกษตรกรกักเก็บสำรองไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งเริ่มไม่เพียงพอ นอกจากนี้ฤดูร้อนยิ่งเพิ่มความเสี่ยงการเกิด โรคกลุ่มอาการของระบบทางเดินหายใจและระบบสืบพันธุ์ หรือ โรค PRRS ที่ทำให้หมุอนุบาลและหมูขุนมีอัตราเสียหายเพิ่ม ขณะเดียวกัน เกษตรกรทั่วประเทศยังคงเฝ้าระวังควบคุมและป้องกันโรคทั้ง ASF และ PRRS เน้นการจัดการฟาร์มที่ได้มาตรฐาน ซึ่งจำเป็นต้องใช้ต้นทุนการป้องกันโรคเพิ่มกว่า 200-300 บาทต่อตัว และคาดว่าต้นทุนการเลี้ยงในขณะนี้สูงกว่า ประมาณการที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ที่คาดว่าอยู่ที่ 77.49 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ราคาเฉลี่ยสุกรมีชีวิตตามประกาศของสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติอยู่ที่ 79-80 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเกษตรกรได้กำไรลดลง
นายอรรถพล เจริญชันษา รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้แจ้งไปยังหัวหน้าหน่วยงานทั้งในส่วนกลางและภูมิภาคทั่วประเทศ ว่า ขอให้เร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ที่ได้รับผลกระทบจากการแต่งต