UID: 40953

วันนี้ (20พ.ค.2564) เพจเฟซบุ๊ก เอิร์ธ พงศกร ขวัญเมือง - Earth Pongsakorn Kwanmuang โฆษกกรุงเทพมหานคร

วันนี้ (29 มี.ค.2564) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารกอง

เมื่อวันที่ 9 เม.ย.2568 โดนัลด์ ทรัมป์ ปธน.สหรัฐฯ โพสต์บนทรูธ โซเชียล ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเป็นร้อยละ 125 โดยให้มีผลทันที จากการที่จีนไม่เคารพต่อตลาดโลก และหวังว่าสักวันหนึ่งจีนจะตระหนักว่าการขูดรีดสหรัฐฯ หรือประเทศอื่น ๆ เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้และไม่ใช่แนวทางที่ยั่งยืน ในทางกลับกัน อีกมากกว่า 75 ประเทศติดต่อผู้แทนสหรัฐฯ เพื่อพยายามเจรจาหาทางออกในเรื่องการค้า ซึ่งประเทศเหล่านี้ไม่ได้ตอบโต้มาตรการของสหรัฐฯ แต่อย่างใด ผู้นำสหรัฐฯ จึงสั่งระงับการขึ้นภาษีเพิ่มเติม เป็นเวลา 90 วัน ให้มีผลทันทีเช่นกัน ท่าทีของผู้นำสหรัฐฯ มีขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้ภาษีสินค้าจีนร้อยละ 104 มีผลบังคับใช้ไปแล้ว และจีนประกาศตอบโต้โดยการขึ้นภาษีสินค้าอเมริกันเป็นร้อยละ 84 คือจากเดิมที่ขึ้นภาษีตอบโต้ร้อยละ 34 บวกเพิ่มอีกร้อยละ 50 ทำให้ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีสินค้าจีนอีกร้อยละ 21 จากเดิมร้อยละ 104 กลายเป็นร้อยละ 125 ดังกล่าว ทรัมป์ตอบคำถามผู้สื่อข่าวหลังขึ้นภาษีจีนรอบล่าสุด ระบุว่า มองไม่ออกว่าจะขึ้นภาษีจีนเพิ่มเติมอีก พร้อมแสดงท่าทีเปิดกว้างรับการเจรจากับจีน รวมถึงชื่นชม สี จิ้นผิง ปธน.จีน และจะพิจารณาถึงการหารือกับผู้นำจีน ที่เป็นคนฉลาดที่สุดคนหนึ่งในโลก ซึ่งเขาเชื่อว่าสุดท้ายแล้ว 2 ประเทศจะตกลงกันได้ด้วยดี การประกาศระงับมาตรการภาษีครั้งนี้ของทรัมป์ ซึ่งเป็นของจริง ไม่ใช่ข่าวลือเหมือนเมื่อวันก่อน ส่งให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งแรงทั้งกระดาน ไม่ถึง 24 ชั่วโมงหลังมาตรการภาษีต่างตอบแทนเพิ่งจะมีผลบังคับใช้ และแม้ว่าตลาดจะยังไม่มั่นใจในท่าทีทรัมป์ หรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา แต่นักลงทุนก็ใช้จังหวะนี้เข้าช้อนซื้อหุ้นที่ราคาร่วงไปก่อนหน้านี้ หลังจากนักลงทุนพากันเทขาย สรุปแล้วตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกแรงทั้งหมด ดัชนี Dow Jones บวกร้อยละ 7.8 S&P 500 บวกร้อยละ 9.5 และ Nasdaq บวกถึงร้อยละ 12.1 สภาวะตลาดที่กลับมาสดใสอีกครั้งเกิดขึ้นท่ามกลางคำถามถึงความกระจ่างในการผ่อนปรนมาตรการภาษีครั้งนี้ของทรัมป์ ที่บอกว่ามีผลเฉพาะประเทศที่ไม่คิดจะตอบโต้ แล้วจะรวมฝ่ายใดที่ตอบโต้ด้วยหรือไม่ Scott Bessent รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ยืนยันว่า แคนาดาและเม็กซิโก จะโดนภาษีร้อยละ 10 เช่นกัน และล่าสุดทำเนียบขาวยืนยันแล้วว่า สหภาพยุโรปเองก็รวมอยู่ด้วยเช่นกัน สรุปแล้วมีจีนเพียงชาติเดียวที่เป็นแกะดำ ในมุมมองของสหรัฐฯ ขณะที่สำนักข่าวซีซีทีวีของทางการจีน รายงานว่า กระทรวงพาณิชย์ยื่นหนังสือต่อองค์การการค้าโลกหรือ WTO เพื่อเกมส์ เอ็ ก โอคัดค้านการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งจีนระบุว่า เป็นการละเมิดกฎของ WTO และการเก็บภาษีสินค้าจีนเพิ่มอีกร้อยละ 50 ยิ่งตอกย้ำว่าท่าทีสหรัฐฯ เป็นการกลั่นแกล้ง ก่อนหน้านี้ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน เรียกร้องให้สหรัฐฯ หยุดพฤติกรรมที่เย่อหยิ่งและข่มเหงรังแก พร้อมทั้งระบุว่า หากต้องการแก้ไขปัญหาผ่านการพูดคุยและเจรจาอย่างแท้จริง สหรัฐฯ ควรแสดงท่าทีที่เคารพซึ่งกันและกันบนพื้นฐานของความเท่าเทียม และมองถึงประโยชน์ร่วมกันเสียก่อน แต่หาก ยังคงเพิกเฉยต่อผลประโยชน์ของทั้ง 2 ประเทศและประชาคมโลก และยืนกรานที่จะทำสงครามการค้าต่อไป จีนจะตอบโต้อย่างแน่นอน อ่านข่าวเพิ่ม : คนไทยในสหรัฐฯ ปรับตัวรับนโยบาย "ทรัมป์" ขึ้นภาษีนำเข้า จีนโต้กลับสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้า 84% มีผล 10 เม.ย. ไทม์ไลน์ 2 มหาอำนาจ "สหรัฐอเมริกา-จีน" งัดข้อตั้งกำแพงภาษี

เมื่อวันที่ 9 เม.ย.2568 โดนัลด์ ทรัมป์ ปธน.สหรัฐฯ โพสต์บนทรูธ โซเชียล ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจ