Home
|
แค่ สมัคร รับ เงิน ฟรีmagix pg slot

วานนี้ (1 พ.ค.2565) ศูนย์ประสานงานรับบริจาคอวัยวะ

แค่ สมัคร รับ เงิน ฟรีmagix pg slot

วันนี้ (26 ก.ย.2566) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ในฐานะอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในวันที่ 16 ต.ค.นี้ จะมีการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี เพื่อเลือกหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค ส่วนหัวหน้าพร

คลิปภาพขณะครูชายโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร เดินเข้าไปล็อกคอนักเรียนชาย อายุ 13 ปี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จากทางด้านหลัง และกระชากลงจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ จนล้มหงายหลัง เหตุการณ์เกิดขึ

เมื่อวันจันทร์ที่ 3 เมษายน ค.ศ. 2023 ที่ผ่านมา ทางองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ (National Aeronautics and Space Administration - NASA) หรือ นาซา ได้เปิดตัวรายชื่อนักบินอวกาศที่จะเดินทางไปสำรวจดวงจันทร์ภายใต้ภารกิจ “อาร์ทิมิส 2” (Artemis-II) หลังจากที่องค์การนาซาได้ประสบความสำเร็จด้านการทดสอบระบบจรวดขนส่งและยานอวกาศแบบไร้คนขับไปยังดวงจันทร์ ในภารกิจ "อาร์ทิมิส 1" (Artemis I) เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ. 2022 แล้ว โดยนักบินอวกาศที่ได้รับเลือกเข้ามาปฏิบัติภารกิจอาร์ทิมิส 2 นี้ จะกลายเป็นมนุษย์กลุ่มแรกที่จะได้เดินทางออกไปสู่อวกาศห้วงลึก (Deep Space) ซึ่งอยู่เลยวงโคจรของโลกออแค่ สมัคร รับ เงิน ฟรีmagix pg slotกไปเป็นครั้งแรกในรอบ 52 ปี นับตั้งแต่ภารกิจอะพอลโล 17 (Apollo 17) ได้ลงจอดบนดวงจันทร์เป็นครั้งสุดท้ายในปี ค.ศ. 1972 แต่ทว่าภารกิจอาร์ทิมิสนั้นจะเป็นเพียงแค่การส่งยานอวกาศไปโคจรรอบดวงจันทร์และกลับมายังโลกเท่านั้น เพื่อทดสอบระบบและเตรียมการสำหรับนักบินอวกาศอีกกลุ่มหนึ่งที่จะไปเหยียบพื้นผิวดวงจันทร์จริง ๆ ในภารกิจอาร์ทิมิส 3 (Artemis-III) ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังจากภารกิจอาร์ทิมิส 2 ประมาณ 1-2 ปี ส่วนแผนการของภารกิจอาร์ทิมิส 2 นั้น ประกอบไปด้วยการใช้จรวด Space Launch System หรือ SLS สำหรับส่งยานอวกาศโอไรออน (Orion) ขึ้นไปโคจรรอบดวงจันทร์เฉกเช่นเดียวกับภารกิจอาร์ทิมิส 1 เพียงแต่มีการเพิ่มนักบินอวกาศทั้ง 4 คนเข้าไปในภารกิจเพื่อทดสอบระบบของตัวยานโอไรออนขณะที่อยู่ในอวกาศเท่านั้น ซึ่งคาดการณ์ว่าตัวยานจะใช้เวลาราว 10 วันในการปฏิบัติภารกิจ นักบินอวกาศทั้ง 4 คนประกอบไปด้วยนักบินอวกาศผู้มากประสบการณ์ที่เคยผ่านการทำภารกิจนอกโลกมาบ้างแล้ว มีทั้งเพศชายและเพศหญิง ผิวขาวและผิวดำ จึงทำให้ภารกิจอาร์ทิมิส 2 เป็นภารกิจแรกของโลกที่มีผู้หญิงและคนผิวดำจะได้เดินทางไปยังดวงจันทร์ ซึ่งรายชื่อลูกเรือทั้งหมดได้แก่ "รีด ไวส์แมน" ได้ขึ้นไปทำภารกิจในอวกาศเป็นครั้งแรกในตำแหน่งวิศวกรการบินของสถานีอวกาศนานาชาติ (International Space Station - ISS) ในภารกิจ Expedition 41 ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมจนถึงพฤศจิกายน ปี ค.ศ. 2014 ในช่วงเวลานั้น รีด ไวส์แมน และลูกเรือในกลุ่มได้ทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์มากกว่า 300 รายการ ไม่ว่าจะด้านการแพทย์หรือ ด้านอื่น ๆ ก็ตาม ซึ่งเขาได้ทำการบันทึกการค้นคว้ามากกว่า 82 ชั่วโมงสำเร็จในระยะเวลาเพียงสัปดาห์เดียว รวมถึงได้มีโอกาสไปทำภารกิจนอกตัวยานหรือสเปซวอล์ก (Space Walk) กว่า 13 ชั่วโมง แต่ก่อนที่เขาจะมาเป็นนักบินอวกาศนั้นเขาได้รับเลือกให้เข้าร่วมสถาบันฝึกฝนนักบินของนาวิกโยธินสหรัฐฯ (U.S. Naval Test Pilot School) จากความสามารถที่โดดเด่น หลังจากนั้นเขาก็ได้ประจำตำแหน่งเป็นนาวิกโยธินและนักบินทดสอบที่ประจำการในทวีปอเมริกาใต้ จนกระทั่งได้เป็นหนึ่งในฝูงบินขับไล่หมายเลข 103 (Strike Fighter Squadron 103) ที่ท่าอากาศยานโอเชียนาใน รัฐเวอร์จิเนีย รีด ไวส์แมน เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งขององค์การนาซาในปี ค.ศ. 2009 ซึ่งเขาเป็น 1 ในสมาชิกทั้ง 9 คนของชั้นเรียนนักบินอวกาศรุ่นที่ 20 ของนาซาก่อนจะสำเร็จการศึกษาในปี ค.ศ. 2011 และได้รับตำแหน่งเป็นวิศวกรการบินสำหรับภารกิจ Expedition 41 รวมถึงยังได้รับตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการสำหรับภารกิจนีโม 21 (NEEMO 21) ที่เน้นไปที่การสำรวจพื้นมหาสมุทร ก่อนที่เขาจะเลื่อนขั้นเป็นผู้บัญชาการในภารกิจอาร์ทิมิส 2 ด้วยในวัย 47 ปี "วิคเตอร์ โกลเวอร์" อดีตกัปตันกองทัพเรือสหรัฐฯ เชื้อชาติแอฟริกัน วัย 46 ปี ได้รับเลือกให้เป็นนักบินอวกาศผู้ควบคุมยานในภารกิจอาร์ทิมิส 2 ซึ่งเขาได้เข้าร่วมมาทำงานกับองค์การนาซา เมื่อครั้งที่เขายังดำรงตำแหน่งในฐานะสมาชิกสมาคมนิติบัญญัติประจำวุฒิสภาของสหรัฐอเมริกา ปี ค.ศ. 2013 โดยภารกิจแรกที่เขาได้รับในฐานะนักบินอวกาศนั้น ก็คือหน้าที่กัปตันผู้ควบคุมยานอวกาศครูว์ดรากอน (Crew Dragon) ของ SpaceX และรองผู้บังคับบัญชาการภายใต้ภารกิจเดียวกัน เพื่อพาตัวเขาและเพื่อนนักบินคนอื่น ๆ เดินทางไปประจำการอยู่บนสถานีอวกาศนานาชาติเป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือน ซึ่งในขณะที่เขาอยู่บนสถานีฯ นั้นเขาก็ได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นวิศวกรเป็นหลัก ก่อนที่ วิคเตอร์ โกลเวอร์ จะเดินทางกลับมาสู่พื้นผิวโลกเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ปี ค.ศ. 2021 ซึ่งภารกิจนี้ถือเป็นภารกิจครั้งที่สองที่นักบินอวกาศได้เดินทางไปสถานีอวกาศนานาชาติด้วยยานพาหนะของ SpaceX แต่หากพูดถึงประสบการณ์ของเขาก่อนหน้าที่จะเป็นนักบินอวกาศแล้ว ก็เรียกได้ว่าโชกโชนไม่แพ้กัน ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 2001 เมื่อ วิคเตอร์ กลายเป็นหนึ่งในนักบินของฝูงบินวีเอฟเอ 34 (Strike Fighter Squadron VFA-34) ฝูงบินสำคัญที่ร่วมปฏิบัติการขนส่งกองกำลังสนับสนุนในสงครามปลดแอกอิรัก หลังจากนั้นเขาก็รับเลือกให้ไปเข้าเรียน ณ โรงเรียนฝึกกัปตันกองทัพอากาศสหรัฐฯ (Air Force Test Pilot School) ซึ่งทำให้เขาสามารถควบคุมอากาศยานประเภทต่าง ๆ ได้มากกว่า 30 ชนิด ก่อนที่เขาจะกลายเป็นกัปตันผู้คัดเลือกนักบิน และผู้ฝึกอบรมทางด้านศาสตร์การบินของเครื่องบินเจ็ทอยู่ 2-3 ปี จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2012 ที่เขาได้รับเลือกเป็นสมาชิกสมาคมนิติบัญญัติตามที่กล่าวไปข้างต้น ถือได้ว่า วิคเตอร์ โกลเวอร์ คืออัจฉริยะแห่งวงการอวกาศเลยก็ว่าได้ นักบินอวกาศหญิงวัย 44 ปีอย่าง "คริสตินา ค็อค" นั้น ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในนักบินอวกาศของนาซาภายในปี ค.ศ. 2013 เช่นเดียวกันกับ วิคเตอร์ โกลเวอร์ ซึ่งเธอได้รับหน้าที่เป็นวิศวกรการบินบนสถานีอวกาศนานาชาติ สำหรับภารกิจ Expedition 59, 60 และ 61 มิหนำซ้ำเธอเป็นยังนักบินอวกาศหญิงคนแรกที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนอวกาศได้นานที่สุดในประวัติศาสตร์ถึง 328 วัน และยังเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้ออกไปทำภารกิจนอกตัวสถานีฯ อีกด้วย อย่างไรก็ดี จุดเริ่มต้นของ คริสติน่า ค็อค นั้น อาจจะแตกต่างจากนักบินอวกาศท่านอื่น ๆ ไปสักหน่อย เพราะเธอนั้นมีอาชีพเป็นวิศวกรไฟฟ้าประจำศูนย์การบินก็อดดาร์ด (Goddard Space Flight Center - GSFC) ของนาซา ซึ่งเป็นสถานที่ที่เธอได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจสู่อวกาศของนาซา หลังจากนั้นเธอได้กลายมาเป็นผู้ช่วยนักวิจัยประจำโครงการสำรวจขั้วโลกใต้ของสหรัฐฯ เธอได้อาศัยอยู่ที่ขั้วโลกใต้อยู่เป็นปี ก่อนจะกลับมาสู่โครงการพัฒนาอุปกรณ์สำหรับวิทยาการทางอวกาศในฐานะวิศวกรไฟฟ้าที่มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ (Johns Hopkins University) พร้อมกับทำงานทางไกลไปกลับที่สถานีพาล์มเมอร์ (Palmer Station) ณ ขั้วโลกใต้ และที่สถานีซัมมิท (Summit Station) บนเกาะกรีนแลนด์ใกล้ขั้วโลกเหนือ ช่วงฤดูหนาว จึงทำให้ต่อมาเธอได้รับตำแหน่งเป็นวิศวกรพื้นที่ในเมืองเมือง Utqiagvik หรือ เมือง Barrow รัฐอะแลสกา ประเทศสหรัฐอเมริกา และกลายเป็นผู้บัญชาการสถานีของศูนย์วิจัยอเมริกันซาโมอา (American Samoa Observatory) ในปี ค.ศ. 2012 ซึ่งในช่วงนี้เองเธอก็ได้ฝึกพัฒนาเทคนิคการบรรยายและได้เป็นอาสาสมัครด้านการศึกษาให้กับสถาบันต่าง ๆ อีกด้วย ภายหลังที่เธอได้ร่วมในโครงการการศึกษาของนาซาที่ศูนย์การบินก็อดดาร์ดในปี ค.ศ. 2001 และได้ทำงานในองค์การนาซาหลังจากนั้น เธอก็ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสมาชิกของชั้นเรียนนักบินอวกาศรุ่นที่ 21 จากทั้งหมด 8 คน ก่อนที่จะสำเร็จการฝึกฝนในปี ค.ศ. 2015 และได้รับมอบหมายภารกิจสู่อวกาศเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 2018 เพื่อทำภารกิจแสนยาวนานบนสถานีอวกาศนานาชาติ จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2023 เธอก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจอาร์ทิมิส 2 ซึ่งถือว่าเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเธอ ชายชาวแคนาดาคนแรกที่กำลังจะได้ทะยานสู่ดวงจันทร์อย่าง "เจเรมี แฮนเซน" นั้นเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจอาร์ทิมิส 2 ในวัย 47 ปี ซึ่งเส้นทางสู่อวกาศของเขานั้นเรียกได้ว่าเริ่มต้นตั้งแต่ที่เขาอายุได้เพียง 12 ปีเพียงเท่านั้น จากการที่เขาได้เข้าร่วมโครงการสนับสนุนเยาวชน ของกองทัพอากาศแคนาดา ก่อนจะได้รับใบอนุญาตนักบินส่วนบุคคลด้วยอายุแค่ 17 ปีเพียงเท่านั้น ซึ่งการฝึกฝนด้านการบินของเขาได้นำไปสู่การยอมรับจากราชวิทยาลัยการทหารแซงต์ฌอน (Royal military College Saint-Jean) ที่รัฐควิเบก ประเทศแคนาดา อนึ่งการที่ เจเรมี แฮนเซน สามารถพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง และมีความมั่นใจในความสามารถของตนเองนั้น ได้ทำให้เขาได้เข้ารับการฝึกในกองทัพแคนาดา และได้จบการศึกษาจากราชวิทยาลัยการทหารแคนาดาในสาขาวิทยาศาสตร์อวกาศ หลังจากนั้นเขาก็สำเร็จการฝึกสำหรับฝูงบินซีเอฟ 18 (CF-18) และได้รับตำแหน่งเป็นกัปตันในฝูงบินหมายเลข 441 และ 409 ก่อนที่จะได้รับเลือกไปฝึกฝนในโครงการการนักบินอวกาศในปี ค.ศ. 2009 ซึ่งเป็นรุ่นที่ 20 ของนาซา และสำเร็จการศึกษาในปี ค.ศ. 2011 ซึ่งเขาได้ทำงานที่ศูนย์ควบคุมภารกิจระหว่างพื้นดินกับสถานีอวกาศนานาชาติ และในปี ค.ศ. 2013 เขาได้เข้าร่วมโครงการ CAVES ขององค์การอวกาศยุโรป (European Space Agency) บนเกาะซาร์ดิเนีย ประเทศอิตาลี เพื่อฝึกฝนการใช้ชีวิตในอวกาศด้วยการอยู่อาศัยในที่พักใต้ดินแคบ ๆ ถึง 6 วัน ท้ายที่สุดแล้ว เจเรมี แฮนเซน ได้กลายมาเป็นหนึ่งแรงบันดาลใจของเยาวชนในประเทศแคนาดา จากการแสดงในงานแอร์โชว์ด้วยการขับเครื่องบินเจ็ทขับไล่รุ่นเก๋าอย่าง ฮอว์กวัน เอฟ 86 (Hawk One F-86) ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องบินรบยุคเก่าที่ดีที่สุดที่เคยร่วมรบในสงครามเกาหลี และเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในภารกิจนีโม 19 เหมือนกันกับภารกิจนีโม 21 ที่ รีด ไวส์แมน ได้เข้าร่วมในภายหลัง และทั้งหมดนี้ก็เรื่องราวของลูกเรือทั้ง 4 คนในจะเดินทางไปยังดวงจันทร์ในภารกิจอาร์ทิมิส 2 ซึ่งนับเป็นก้าวเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ครั้งต่อไปที่จะนำพามวลมนุษย์ไปสู่ดวงดาว ที่มาข้อมูล: NASAที่มาภาพ: NASA“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech

เมื่อวันจันทร์ที่ 3 เมษายน ค.ศ. 2023 ที่ผ่านมา ทางองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ (Nationa

มาซาทาดะ อิชิอิ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ตัดสินใจเรียก "วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ" กองกลางจาก การท่าเรือ

เมื่อวันที่ 12 ก.พ.2568 ชุดสืบสวน สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี นำหมายจับของศาลจังหวัดฮอดเพื่อจับกุมตัว นาย

เมื่อวันจันทร์ที่ 3 เมษายน ค.ศ. 2023 ที่ผ่านมา ทางองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ (National Aeronautics and Space Administration - NASA) หรือ นาซา ได้เปิดตัวรายชื่อนักบินอวกาศที่จะเดินทางไปสำรวจดวงจันทร์ภายใต้ภารกิจ “อาร์ทิมิส 2” (Artemis-II) หลังจากที่องค์การนาซาได้ประสบความสำเร็จด้านการทดสอบระบบจรวดขนส่งและยานอวกาศแบบไร้คนขับไปยังดวงจันทร์ ในภารกิจ "อาร์ทิมิส 1" (Artemis I) เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ. 2022 แล้ว โดยนักบินอวกาศที่ได้รับเลือกเข้ามาปฏิบัติภารกิจอาร์ทิมิส 2 นี้ จะกลายเป็นมนุษย์กลุ่มแรกที่จะได้เดินทางออกไปสู่อวกาศห้วงลึก (Deep Space) ซึ่งอยู่เลยวงโคจรของโลกออแค่ สมัคร รับ เงิน ฟรีmagix pg slotกไปเป็นครั้งแรกในรอบ 52 ปี นับตั้งแต่ภารกิจอะพอลโล 17 (Apollo 17) ได้ลงจอดบนดวงจันทร์เป็นครั้งสุดท้ายในปี ค.ศ. 1972 แต่ทว่าภารกิจอาร์ทิมิสนั้นจะเป็นเพียงแค่การส่งยานอวกาศไปโคจรรอบดวงจันทร์และกลับมายังโลกเท่านั้น เพื่อทดสอบระบบและเตรียมการสำหรับนักบินอวกาศอีกกลุ่มหนึ่งที่จะไปเหยียบพื้นผิวดวงจันทร์จริง ๆ ในภารกิจอาร์ทิมิส 3 (Artemis-III) ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังจากภารกิจอาร์ทิมิส 2 ประมาณ 1-2 ปี ส่วนแผนการของภารกิจอาร์ทิมิส 2 นั้น ประกอบไปด้วยการใช้จรวด Space Launch System หรือ SLS สำหรับส่งยานอวกาศโอไรออน (Orion) ขึ้นไปโคจรรอบดวงจันทร์เฉกเช่นเดียวกับภารกิจอาร์ทิมิส 1 เพียงแต่มีการเพิ่มนักบินอวกาศทั้ง 4 คนเข้าไปในภารกิจเพื่อทดสอบระบบของตัวยานโอไรออนขณะที่อยู่ในอวกาศเท่านั้น ซึ่งคาดการณ์ว่าตัวยานจะใช้เวลาราว 10 วันในการปฏิบัติภารกิจ นักบินอวกาศทั้ง 4 คนประกอบไปด้วยนักบินอวกาศผู้มากประสบการณ์ที่เคยผ่านการทำภารกิจนอกโลกมาบ้างแล้ว มีทั้งเพศชายและเพศหญิง ผิวขาวและผิวดำ จึงทำให้ภารกิจอาร์ทิมิส 2 เป็นภารกิจแรกของโลกที่มีผู้หญิงและคนผิวดำจะได้เดินทางไปยังดวงจันทร์ ซึ่งรายชื่อลูกเรือทั้งหมดได้แก่ "รีด ไวส์แมน" ได้ขึ้นไปทำภารกิจในอวกาศเป็นครั้งแรกในตำแหน่งวิศวกรการบินของสถานีอวกาศนานาชาติ (International Space Station - ISS) ในภารกิจ Expedition 41 ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมจนถึงพฤศจิกายน ปี ค.ศ. 2014 ในช่วงเวลานั้น รีด ไวส์แมน และลูกเรือในกลุ่มได้ทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์มากกว่า 300 รายการ ไม่ว่าจะด้านการแพทย์หรือ ด้านอื่น ๆ ก็ตาม ซึ่งเขาได้ทำการบันทึกการค้นคว้ามากกว่า 82 ชั่วโมงสำเร็จในระยะเวลาเพียงสัปดาห์เดียว รวมถึงได้มีโอกาสไปทำภารกิจนอกตัวยานหรือสเปซวอล์ก (Space Walk) กว่า 13 ชั่วโมง แต่ก่อนที่เขาจะมาเป็นนักบินอวกาศนั้นเขาได้รับเลือกให้เข้าร่วมสถาบันฝึกฝนนักบินของนาวิกโยธินสหรัฐฯ (U.S. Naval Test Pilot School) จากความสามารถที่โดดเด่น หลังจากนั้นเขาก็ได้ประจำตำแหน่งเป็นนาวิกโยธินและนักบินทดสอบที่ประจำการในทวีปอเมริกาใต้ จนกระทั่งได้เป็นหนึ่งในฝูงบินขับไล่หมายเลข 103 (Strike Fighter Squadron 103) ที่ท่าอากาศยานโอเชียนาใน รัฐเวอร์จิเนีย รีด ไวส์แมน เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งขององค์การนาซาในปี ค.ศ. 2009 ซึ่งเขาเป็น 1 ในสมาชิกทั้ง 9 คนของชั้นเรียนนักบินอวกาศรุ่นที่ 20 ของนาซาก่อนจะสำเร็จการศึกษาในปี ค.ศ. 2011 และได้รับตำแหน่งเป็นวิศวกรการบินสำหรับภารกิจ Expedition 41 รวมถึงยังได้รับตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการสำหรับภารกิจนีโม 21 (NEEMO 21) ที่เน้นไปที่การสำรวจพื้นมหาสมุทร ก่อนที่เขาจะเลื่อนขั้นเป็นผู้บัญชาการในภารกิจอาร์ทิมิส 2 ด้วยในวัย 47 ปี "วิคเตอร์ โกลเวอร์" อดีตกัปตันกองทัพเรือสหรัฐฯ เชื้อชาติแอฟริกัน วัย 46 ปี ได้รับเลือกให้เป็นนักบินอวกาศผู้ควบคุมยานในภารกิจอาร์ทิมิส 2 ซึ่งเขาได้เข้าร่วมมาทำงานกับองค์การนาซา เมื่อครั้งที่เขายังดำรงตำแหน่งในฐานะสมาชิกสมาคมนิติบัญญัติประจำวุฒิสภาของสหรัฐอเมริกา ปี ค.ศ. 2013 โดยภารกิจแรกที่เขาได้รับในฐานะนักบินอวกาศนั้น ก็คือหน้าที่กัปตันผู้ควบคุมยานอวกาศครูว์ดรากอน (Crew Dragon) ของ SpaceX และรองผู้บังคับบัญชาการภายใต้ภารกิจเดียวกัน เพื่อพาตัวเขาและเพื่อนนักบินคนอื่น ๆ เดินทางไปประจำการอยู่บนสถานีอวกาศนานาชาติเป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือน ซึ่งในขณะที่เขาอยู่บนสถานีฯ นั้นเขาก็ได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นวิศวกรเป็นหลัก ก่อนที่ วิคเตอร์ โกลเวอร์ จะเดินทางกลับมาสู่พื้นผิวโลกเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ปี ค.ศ. 2021 ซึ่งภารกิจนี้ถือเป็นภารกิจครั้งที่สองที่นักบินอวกาศได้เดินทางไปสถานีอวกาศนานาชาติด้วยยานพาหนะของ SpaceX แต่หากพูดถึงประสบการณ์ของเขาก่อนหน้าที่จะเป็นนักบินอวกาศแล้ว ก็เรียกได้ว่าโชกโชนไม่แพ้กัน ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 2001 เมื่อ วิคเตอร์ กลายเป็นหนึ่งในนักบินของฝูงบินวีเอฟเอ 34 (Strike Fighter Squadron VFA-34) ฝูงบินสำคัญที่ร่วมปฏิบัติการขนส่งกองกำลังสนับสนุนในสงครามปลดแอกอิรัก หลังจากนั้นเขาก็รับเลือกให้ไปเข้าเรียน ณ โรงเรียนฝึกกัปตันกองทัพอากาศสหรัฐฯ (Air Force Test Pilot School) ซึ่งทำให้เขาสามารถควบคุมอากาศยานประเภทต่าง ๆ ได้มากกว่า 30 ชนิด ก่อนที่เขาจะกลายเป็นกัปตันผู้คัดเลือกนักบิน และผู้ฝึกอบรมทางด้านศาสตร์การบินของเครื่องบินเจ็ทอยู่ 2-3 ปี จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2012 ที่เขาได้รับเลือกเป็นสมาชิกสมาคมนิติบัญญัติตามที่กล่าวไปข้างต้น ถือได้ว่า วิคเตอร์ โกลเวอร์ คืออัจฉริยะแห่งวงการอวกาศเลยก็ว่าได้ นักบินอวกาศหญิงวัย 44 ปีอย่าง "คริสตินา ค็อค" นั้น ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในนักบินอวกาศของนาซาภายในปี ค.ศ. 2013 เช่นเดียวกันกับ วิคเตอร์ โกลเวอร์ ซึ่งเธอได้รับหน้าที่เป็นวิศวกรการบินบนสถานีอวกาศนานาชาติ สำหรับภารกิจ Expedition 59, 60 และ 61 มิหนำซ้ำเธอเป็นยังนักบินอวกาศหญิงคนแรกที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนอวกาศได้นานที่สุดในประวัติศาสตร์ถึง 328 วัน และยังเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้ออกไปทำภารกิจนอกตัวสถานีฯ อีกด้วย อย่างไรก็ดี จุดเริ่มต้นของ คริสติน่า ค็อค นั้น อาจจะแตกต่างจากนักบินอวกาศท่านอื่น ๆ ไปสักหน่อย เพราะเธอนั้นมีอาชีพเป็นวิศวกรไฟฟ้าประจำศูนย์การบินก็อดดาร์ด (Goddard Space Flight Center - GSFC) ของนาซา ซึ่งเป็นสถานที่ที่เธอได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจสู่อวกาศของนาซา หลังจากนั้นเธอได้กลายมาเป็นผู้ช่วยนักวิจัยประจำโครงการสำรวจขั้วโลกใต้ของสหรัฐฯ เธอได้อาศัยอยู่ที่ขั้วโลกใต้อยู่เป็นปี ก่อนจะกลับมาสู่โครงการพัฒนาอุปกรณ์สำหรับวิทยาการทางอวกาศในฐานะวิศวกรไฟฟ้าที่มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ (Johns Hopkins University) พร้อมกับทำงานทางไกลไปกลับที่สถานีพาล์มเมอร์ (Palmer Station) ณ ขั้วโลกใต้ และที่สถานีซัมมิท (Summit Station) บนเกาะกรีนแลนด์ใกล้ขั้วโลกเหนือ ช่วงฤดูหนาว จึงทำให้ต่อมาเธอได้รับตำแหน่งเป็นวิศวกรพื้นที่ในเมืองเมือง Utqiagvik หรือ เมือง Barrow รัฐอะแลสกา ประเทศสหรัฐอเมริกา และกลายเป็นผู้บัญชาการสถานีของศูนย์วิจัยอเมริกันซาโมอา (American Samoa Observatory) ในปี ค.ศ. 2012 ซึ่งในช่วงนี้เองเธอก็ได้ฝึกพัฒนาเทคนิคการบรรยายและได้เป็นอาสาสมัครด้านการศึกษาให้กับสถาบันต่าง ๆ อีกด้วย ภายหลังที่เธอได้ร่วมในโครงการการศึกษาของนาซาที่ศูนย์การบินก็อดดาร์ดในปี ค.ศ. 2001 และได้ทำงานในองค์การนาซาหลังจากนั้น เธอก็ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสมาชิกของชั้นเรียนนักบินอวกาศรุ่นที่ 21 จากทั้งหมด 8 คน ก่อนที่จะสำเร็จการฝึกฝนในปี ค.ศ. 2015 และได้รับมอบหมายภารกิจสู่อวกาศเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 2018 เพื่อทำภารกิจแสนยาวนานบนสถานีอวกาศนานาชาติ จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2023 เธอก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจอาร์ทิมิส 2 ซึ่งถือว่าเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเธอ ชายชาวแคนาดาคนแรกที่กำลังจะได้ทะยานสู่ดวงจันทร์อย่าง "เจเรมี แฮนเซน" นั้นเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจอาร์ทิมิส 2 ในวัย 47 ปี ซึ่งเส้นทางสู่อวกาศของเขานั้นเรียกได้ว่าเริ่มต้นตั้งแต่ที่เขาอายุได้เพียง 12 ปีเพียงเท่านั้น จากการที่เขาได้เข้าร่วมโครงการสนับสนุนเยาวชน ของกองทัพอากาศแคนาดา ก่อนจะได้รับใบอนุญาตนักบินส่วนบุคคลด้วยอายุแค่ 17 ปีเพียงเท่านั้น ซึ่งการฝึกฝนด้านการบินของเขาได้นำไปสู่การยอมรับจากราชวิทยาลัยการทหารแซงต์ฌอน (Royal military College Saint-Jean) ที่รัฐควิเบก ประเทศแคนาดา อนึ่งการที่ เจเรมี แฮนเซน สามารถพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง และมีความมั่นใจในความสามารถของตนเองนั้น ได้ทำให้เขาได้เข้ารับการฝึกในกองทัพแคนาดา และได้จบการศึกษาจากราชวิทยาลัยการทหารแคนาดาในสาขาวิทยาศาสตร์อวกาศ หลังจากนั้นเขาก็สำเร็จการฝึกสำหรับฝูงบินซีเอฟ 18 (CF-18) และได้รับตำแหน่งเป็นกัปตันในฝูงบินหมายเลข 441 และ 409 ก่อนที่จะได้รับเลือกไปฝึกฝนในโครงการการนักบินอวกาศในปี ค.ศ. 2009 ซึ่งเป็นรุ่นที่ 20 ของนาซา และสำเร็จการศึกษาในปี ค.ศ. 2011 ซึ่งเขาได้ทำงานที่ศูนย์ควบคุมภารกิจระหว่างพื้นดินกับสถานีอวกาศนานาชาติ และในปี ค.ศ. 2013 เขาได้เข้าร่วมโครงการ CAVES ขององค์การอวกาศยุโรป (European Space Agency) บนเกาะซาร์ดิเนีย ประเทศอิตาลี เพื่อฝึกฝนการใช้ชีวิตในอวกาศด้วยการอยู่อาศัยในที่พักใต้ดินแคบ ๆ ถึง 6 วัน ท้ายที่สุดแล้ว เจเรมี แฮนเซน ได้กลายมาเป็นหนึ่งแรงบันดาลใจของเยาวชนในประเทศแคนาดา จากการแสดงในงานแอร์โชว์ด้วยการขับเครื่องบินเจ็ทขับไล่รุ่นเก๋าอย่าง ฮอว์กวัน เอฟ 86 (Hawk One F-86) ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องบินรบยุคเก่าที่ดีที่สุดที่เคยร่วมรบในสงครามเกาหลี และเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในภารกิจนีโม 19 เหมือนกันกับภารกิจนีโม 21 ที่ รีด ไวส์แมน ได้เข้าร่วมในภายหลัง และทั้งหมดนี้ก็เรื่องราวของลูกเรือทั้ง 4 คนในจะเดินทางไปยังดวงจันทร์ในภารกิจอาร์ทิมิส 2 ซึ่งนับเป็นก้าวเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ครั้งต่อไปที่จะนำพามวลมนุษย์ไปสู่ดวงดาว ที่มาข้อมูล: NASAที่มาภาพ: NASA“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech

วันนี้ (18 ต.ค.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ที่ผ่านมา พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ