Home
|
เยอรมัน ดิวิชั่น 3

วันนี้ (18 ก.ย.2564) นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถ

เยอรมัน ดิวิชั่น 3

"ทั่วถิ่นการเมือง" ไปที่ สนามเลือกตั้งภาคเหนือ ประจักษ์ มะวงศ์สา อยู่ในพื้นที่ จ.พิษณุโลก มีความเคลื่อนไหวในสนามเลือกตั้งนี้ จากการพูดคุยกับว่าผู้สมัคร จากหลายพรรค และภาคธุรกิจ ในหลากหลายมุมมองโดยเฉพา

กปภ.เตรียมจำกัดเวลาจ่ายน้ำใน 10 สาขาทั่วประเทศ จากปัญหาภัยแล้งน้ำต้นทุนในเขื่อนใหญ่ที่มีน้อย และปัญหาน้ำเค็ม ทำให้การประปาส่วนภูมิภาคบางสาขา จำเป็นต้องจ่ายน้ำประปาเป็นช่วงเวลา เพื่อทำให้ประชาชนมีน้ำใช

นับแต่รับตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ปี 2552 ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จนถึงเหตุการณ์รัฐประหาร 2557 ในฐานะประธานที่ปรึกษา คสช. เป็นรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงกลาโหม ถือเป็นช่วงเวลาพีคสุด ของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ"ลุงป้อม" ที่แผ่อำนาจและมากมีบารมี แม้จะมีบทบาทเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และร่วมหัวจมท้ายกับรัฐนาวา พล.อ.ประยุทธ์ หรือ "ลุงตู่" นานถึง 8 ปี พล.อ.ประวิตร ก็ไม่เคยเขียนจดหมาย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ภาพจำและความถนัด คือเมื่อถูกซักถามจากสื่อคือ คำตอบที่ว่า "ไม่รู้ ไม่ทราบ" แต่หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศแยกวง และไปสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ก่อนที่ในเวลาต่อมา จะรับตำแหน่งประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ของพรรค แถมยังพาลูกพรรคฯส่วนหนึ่งจากพรรคพลังประชารัฐ ย้ายตามไปด้วย ไม่นาน ฝั่ง"ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เปิดเกมกันตัวเองออกมาจากการเป็นหุ้นส่วน หรือสมรู้ร่วมคิดหลายเรื่องกับ พล.อ.ประยุทธ์ โดยเขียนจดหมายเปิดใจฉบับแรกสื่อสารกับสังคม มีหลายถ้อยความสำคัญที่ต้องขีดเส้นใต้ระหว่างบรรทัด คือ "คสช. ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการเมือง เพราะเป็นทหารอาชีพมาทั้งชีวิต" และ..."ตัดสินใจตเยอรมัน ดิวิชั่น 3ั้งพรรคพลังประชารัฐเพื่อสู้ศึกเลือกตั้ง เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ให้กลับมาเป็นนายกฯตามที่เจ้าตัวปรารถนา" จากนั้น จดหมายเปิดใจได้ทยอยโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กต่อเป็นตอนๆ ทั้งเรื่องทำไมต้อง "ก้าวผ่านความขัดแย้ง" ตามด้วย "จิตวิญญาณในความจงรักภักดี " และ "ก้าวสู่วิถีประชาธิปไตย" อีก 2 บท เบ็ดเสร็จรวม 5 ฉบับ พล.อ.ประวิตร เคยออกตัวในจดหมายว่าเป็นคนพูดน้อย พูดไม่เก่ง แต่ย้ำชัดไม่เกี่ยวข้องเหตุการณ์รัฐประหาร และร่ายยาวในจดหมายฉบับต่อๆมาว่า "อนุรักษ์นิยมและเสรีนิยม" คือ กับดัก..."และฝ่ายอำนาจนิยม ไม่มีทางชนะฝ่ายประชาธิปไตย การกล่าวถึง "อำนาจพิเศษ และชนชั้นอีลิท" ส่อนัยให้เห็นว่า พล.อ.ประวิตร พร้อมจะสลัดขั้วเข้ากับฝ่ายเสรีประชาธิปไตย เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้งเพื่อประสานให้คนในระบอบประชาธิปไตยเข้าไปมีส่วนร่วมในการนำพาประเทศ อย่างจริงจัง และย้ำว่า "ผมทำได้และทำได้ดีกว่าใคร" จดหมายน้อยของ"บิ๊กป้อม" จึงมีอะไรมากกว่า "การชิ่งหนี" ให้พ้นจากวงจรอำนาจพิเศษ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 31 ม.ค.2567 นายวรกันต์ อายุ 19 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหารา

ท่าเทียบเรืออ่าวโละซามะ ตั้งอยู่ด้านหลังอ่าวมาหยา เขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา - หมู่เกาะพีพี ต.อ

วันนี้ (11 ก.ย.2567) กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหน

นับแต่รับตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ปี 2552 ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จนถึงเหตุการณ์รัฐประหาร 2557 ในฐานะประธานที่ปรึกษา คสช. เป็นรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงกลาโหม ถือเป็นช่วงเวลาพีคสุด ของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ"ลุงป้อม" ที่แผ่อำนาจและมากมีบารมี แม้จะมีบทบาทเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และร่วมหัวจมท้ายกับรัฐนาวา พล.อ.ประยุทธ์ หรือ "ลุงตู่" นานถึง 8 ปี พล.อ.ประวิตร ก็ไม่เคยเขียนจดหมาย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ภาพจำและความถนัด คือเมื่อถูกซักถามจากสื่อคือ คำตอบที่ว่า "ไม่รู้ ไม่ทราบ" แต่หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศแยกวง และไปสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ก่อนที่ในเวลาต่อมา จะรับตำแหน่งประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ของพรรค แถมยังพาลูกพรรคฯส่วนหนึ่งจากพรรคพลังประชารัฐ ย้ายตามไปด้วย ไม่นาน ฝั่ง"ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เปิดเกมกันตัวเองออกมาจากการเป็นหุ้นส่วน หรือสมรู้ร่วมคิดหลายเรื่องกับ พล.อ.ประยุทธ์ โดยเขียนจดหมายเปิดใจฉบับแรกสื่อสารกับสังคม มีหลายถ้อยความสำคัญที่ต้องขีดเส้นใต้ระหว่างบรรทัด คือ "คสช. ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการเมือง เพราะเป็นทหารอาชีพมาทั้งชีวิต" และ..."ตัดสินใจตเยอรมัน ดิวิชั่น 3ั้งพรรคพลังประชารัฐเพื่อสู้ศึกเลือกตั้ง เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ให้กลับมาเป็นนายกฯตามที่เจ้าตัวปรารถนา" จากนั้น จดหมายเปิดใจได้ทยอยโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กต่อเป็นตอนๆ ทั้งเรื่องทำไมต้อง "ก้าวผ่านความขัดแย้ง" ตามด้วย "จิตวิญญาณในความจงรักภักดี " และ "ก้าวสู่วิถีประชาธิปไตย" อีก 2 บท เบ็ดเสร็จรวม 5 ฉบับ พล.อ.ประวิตร เคยออกตัวในจดหมายว่าเป็นคนพูดน้อย พูดไม่เก่ง แต่ย้ำชัดไม่เกี่ยวข้องเหตุการณ์รัฐประหาร และร่ายยาวในจดหมายฉบับต่อๆมาว่า "อนุรักษ์นิยมและเสรีนิยม" คือ กับดัก..."และฝ่ายอำนาจนิยม ไม่มีทางชนะฝ่ายประชาธิปไตย การกล่าวถึง "อำนาจพิเศษ และชนชั้นอีลิท" ส่อนัยให้เห็นว่า พล.อ.ประวิตร พร้อมจะสลัดขั้วเข้ากับฝ่ายเสรีประชาธิปไตย เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้งเพื่อประสานให้คนในระบอบประชาธิปไตยเข้าไปมีส่วนร่วมในการนำพาประเทศ อย่างจริงจัง และย้ำว่า "ผมทำได้และทำได้ดีกว่าใคร" จดหมายน้อยของ"บิ๊กป้อม" จึงมีอะไรมากกว่า "การชิ่งหนี" ให้พ้นจากวงจรอำนาจพิเศษ

นับแต่รับตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ปี 2552 ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จนถึงเหตุการณ์รัฐประหาร