PelatihTottenham HotspurAngelos Ange Postecoglu me
7 สิงหาคม 2025 - 03:43
KomikaErnest Prakasamengapresiasi Timnas Indonesia
7 สิงหาคม 2025 - 03:43

วันนี้ (19 เม.ย.2567) ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส ศูนย์ข่าวภาคใต้ และชาวบ้าน จ.นครศรีธรรมราช ได้เข้าตรวจสอบบน ถ.สิรินครอุทิศ เส้นทางเชื่อมต่อระหว่าง ถ.พัฒนาการคูขวาง ต.ศาลามีชัย อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ไปจร

วันนี้ (17 ม.ค.2564) นายทาโร โคโนะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ญี่ปุ่นจะเริ่มฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยบุคลากรทางการแพทย์ไม่ต่ำกว่า 40,000 คน จะได้รับวัคซีนเป็นกลุ

ผบ.ทร.ยืนยันความจำเป็นจัดซื้อเรือดำน้ำ หลังรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสั่งชะลอโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี โดยได้สั่งให้กองทัพเรือไปสร้างความเข้าใจกับสาธารณชนให้มากขึ้น ล่าสุดผู้บัญชาการทหารเรือ สั่งยืนยันถึงความจำเป็นในการซื้อเรือดำน้ำที่จะสามารถปกป้องและป้องกันประเทศทางทะเลได้ ผบ.ทร.ยืนยันความจำเป็นจัดซื้อเรือดำน้ำ วานนี้ (16 ก.ค.2558) พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวว่า ได้สั่งให้ พล.ร.อ.ณรงค์พล ณ บางช้าง ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือในฐานะประธานคณะกรรมการโครงการจัดหาเรือดำน้ำทำเอกสารชี้แจงต่อส1️หวย ลาว 19 ส ค 63าธารณชนและสื่อมวลชนเพื่อให้เกิดความเข้าใจถึงความจำเป็นและความคุ้มค่าในการจัดซื้อเรือดำน้ำเพราะเรือดำน้ำเป็นผลประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับมากกว่า เพราะเป็นอาวุธที่มีศักยภาพสูงในการป้องกันทางทะเล ทั้งอ่าวไทยและอันดามัน โดยเฉพาะพื้นที่อ่าวไทยที่มีพื้นที่กว่า 300,000 ตารางไมล์ พล.ร.อ.ไกรสร ได้กล่าวถึงผลการศึกษาของกองทัพเรือที่พบว่า ผลประโยชน์ทางทะเลของไทยมีมูลค่ามากกว่าถึง 24 ล้านล้านบาทต่อปี ซึ่งเมื่อเทียบกับเรือดำน้ำที่จะซื้อจำนวน 3 ลำ มูลค่า 36,000 ล้านบาทและสามารถใช้งานได้ถึง 30 ปีแล้ว ถือว่าคุ้มค่ามากที่สุด ส่วนงบประมาณในการจัดซื้อเรือดำน้ำ พล.ร.อ.ไกรสร ชี้แจงว่า ทางกองทัพเรือได้งบประมาณประจำปี 40,000 ล้านบาท หากซื้อเรือดำน้ำก็จะเจียดงบประมาณบางส่วนมาจัดซื้อโดยผ่อนชำระเป็นรายปี ซึ่งจะไม่กระทบต่องบประมาณกลางของรัฐบาล ทั้งนี้อยากให้เชื่อใจถึงหลักความจำเป็น โดยกองทัพเรือจะทำสิ่งที่อยู่ในความรับผิดชอบ แต่ถ้าไม่ให้จัดซื้อก็ไม่เป็นไร ถือว่าได้ทำในสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวย้ำเป็นครั้งที่ 2 ต่อโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำเข้าประจำการของกองทัพเรือว่า ต้องศึกษาเพิ่มเติมให้รอบด้าน และสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน เพื่อให้ทุกฝ่ายเกิดความเข้าใจและเห็นถึงความจำเป็น ก่อนดำเนินการจัดซื้อ แต่ พล.อ.ประวิตร ก็ไม่ปฏิเสธว่าจะยกเลิกและไม่ยืนยันว่าจะเดินหน้าต่อไปหรือไม่ หากแต่ระบุว่า กองทัพเรือต้องพยายามต่อไปเพราะหากเกิดความเข้าใจตรงกันแล้วก็น่าจะสามารถดำเนินการได้ เพราะการจัดซื้อมีขั้นตอนและผูกพันงบประมาณ ด้วยการทยอยจ่ายเงิน เป็นระยะเวลา 10 ปี ไม่เบิกจ่ายครั้งเดียว การจัดซื้อเรือดำน้ำเพื่อประจำการในกองทัพเรือถูกบรรจุในแผนพัฒนากองทัพเรือ ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา แต่เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการคัดเลือกแบบที่มี พล.ร.อ.ณรงค์พล ณ บางช้าง ผู้ช่วยผบ.ทร.เป็นประธาน และกรรมการรวม 17 คน ได้มีมติเลือกเรือดำน้ำจากจีน หลังศึกษารายละเอียดข้อดีข้อเสีย ของเรือดำน้ำจาก 5 ประเทศ คือ จีน เกาหลีใต้ รัสเซีย เยอรมนี และสวีเดน โดยมีแผนจัดซื้อจำนวน 3 ลำ และมีรายงานว่าเป็น รุ่น Yuan Class S26T ที่มีขนาดระวางขับน้ำ 2,600 ตัน จะต้องใช้งบประมาณ 36,000 ล้านบาท วานนี้ (16 ก.ค.2558) พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวว่า ได้สั่งให้ พล.ร.อ.ณรงค์พล ณ บางช้าง ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือในฐานะประธานคณะกรรมการโครงการจัดหาเรือดำน้ำทำเอกสารชี้แจงต่อสาธารณชนและสื่อมวลชนเพื่อให้เกิดความเข้าใจถึงความจำเป็นและความคุ้มค่าในการจัดซื้อเรือดำน้ำเพราะเรือดำน้ำเป็นผลประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับมากกว่า เพราะเป็นอาวุธที่มีศักยภาพสูงในการป้องกันทางทะเล ทั้งอ่าวไทยและอันดามัน โดยเฉพาะพื้นที่อ่าวไทยที่มีพื้นที่กว่า 300,000 ตารางไมล์ พล.ร.อ.ไกรสร ได้กล่าวถึงผลการศึกษาของกองทัพเรือที่พบว่า ผลประโยชน์ทางทะเลของไทยมีมูลค่ามากกว่าถึง 24 ล้านล้านบาทต่อปี ซึ่งเมื่อเทียบกับเรือดำน้ำที่จะซื้อจำนวน 3 ลำ มูลค่า 36,000 ล้านบาทและสามารถใช้งานได้ถึง 30 ปีแล้ว ถือว่าคุ้มค่ามากที่สุด ส่วนงบประมาณในการจัดซื้อเรือดำน้ำ พล.ร.อ.ไกรสร ชี้แจงว่า ทางกองทัพเรือได้งบประมาณประจำปี 40,000 ล้านบาท หากซื้อเรือดำน้ำก็จะเจียดงบประมาณบางส่วนมาจัดซื้อโดยผ่อนชำระเป็นรายปี ซึ่งจะไม่กระทบต่องบประมาณกลางของรัฐบาล ทั้งนี้อยากให้เชื่อใจถึงหลักความจำเป็น โดยกองทัพเรือจะทำสิ่งที่อยู่ในความรับผิดชอบ แต่ถ้าไม่ให้จัดซื้อก็ไม่เป็นไร ถือว่าได้ทำในสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวย้ำเป็นครั้งที่ 2 ต่อโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำเข้าประจำการของกองทัพเรือว่า ต้องศึกษาเพิ่มเติมให้รอบด้าน และสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน เพื่อให้ทุกฝ่ายเกิดความเข้าใจและเห็นถึงความจำเป็น ก่อนดำเนินการจัดซื้อ แต่ พล.อ.ประวิตร ก็ไม่ปฏิเสธว่าจะยกเลิกและไม่ยืนยันว่าจะเดินหน้าต่อไปหรือไม่ หากแต่ระบุว่า กองทัพเรือต้องพยายามต่อไปเพราะหากเกิดความเข้าใจตรงกันแล้วก็น่าจะสามารถดำเนินการได้ เพราะการจัดซื้อมีขั้นตอนและผูกพันงบประมาณ ด้วยการทยอยจ่ายเงิน เป็นระยะเวลา 10 ปี ไม่เบิกจ่ายครั้งเดียว การจัดซื้อเรือดำน้ำเพื่อประจำการในกองทัพเรือถูกบรรจุในแผนพัฒนากองทัพเรือ ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา แต่เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการคัดเลือกแบบที่มี พล.ร.อ.ณรงค์พล ณ บางช้าง ผู้ช่วยผบ.ทร.เป็นประธาน และกรรมการรวม 17 คน ได้มีมติเลือกเรือดำน้ำจากจีน หลังศึกษารายละเอียดข้อดีข้อเสีย ของเรือดำน้ำจาก 5 ประเทศ คือ จีน เกาหลีใต้ รัสเซีย เยอรมนี และสวีเดน โดยมีแผนจัดซื้อจำนวน 3 ลำ และมีรายงานว่าเป็น รุ่น Yuan Class S26T ที่มีขนาดระวางขับน้ำ 2,600 ตัน จะต้องใช้งบประมาณ 36,000 ล้านบาท

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ในฐานะรัฐมนตรียุติธรรม และดูแลกำกับ 2 หน่วยงานสำคัญ อย่างดีเอสไอ และกรมราชทัณฑ์ ดูจะมีเรื่องราวข่าวคราวเกิดขึ้นบ่อย ตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ดีเอสไอ โดนตั้งแต่เรื่องหมูเถื่อน กร

ผบ.ทร.ยืนยันความจำเป็นจัดซื้อเรือดำน้ำ หลังรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโ