ความคืบหน้าการติดตามตัวช้างป่า "พลายหนูซิง" ซึ่งได้รับบาดเจ็บในพื้นที่ ต.ทุ่งพระยา อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย.2564 วันนี้ (18 พ.ย.2564) สพ.ญ.สุนิตา วิงวอน สัตวแพทย์ ประจำสำนักบริหา
วันนี้ (4 เม.ย.2568) เฟซบุ๊ก NuNa Silpa-archa ของ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา แจ้งข่าวเศร้า "ลูกช้างวาสนา" จ
ในแต่ละวันเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์บริการ การแพทย์ฉุกเฉิน กรุงเทพมหานคร (ศูนย์เอราวัณ) ต้องรับสายโทรศัพท์จากทั้งผู้ที่ติดเชื้อ COVID-19 และกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมพร้อมรับตัวเพื่อส่ง
เดือน มี.ค.ของทุกปี เป็นเดือนที่ทั่วโลกร่วมรณรงค์ต้านภัยมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ จึงออกมาแนะนำเกี่ยวกับมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงเป็นมะเร็งที่พบบ่อยในคนไทย นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ปัจจุบันมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงในประเทศไทยพบมากเป็นอันดับ 3 ในเพศชาย และอันดับสองในเพศหญิง (จากสถิติของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ) ที่น่ากังวลคืออัตราการเกิดโรคมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยทุก ๆ วันมีคนไข้เสียชีวิตจากโรคร้ายนี้เฉลี่ยวันละ 15 คน หรือปีละ 5,476 คน และมีผู้ป่วยรายใหม่วันละ 44 คน หรือปีละ 15,939 คน ทั้งนี้ มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงมีสาเหตุการเกิดโรคที่หลากหลาย แต่ปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในปัจจุบันคือการรับประทานอาหาร โดยเฉพาะอาหารกลุ่มเนื้อแดง ได้แก่ เนื้อวัว เนื้อหมูที่ผ่านการแปรรูป หรือปรุงด้วยความร้อนสูงเป็นเวลานานเช่นการปิ้งย่างจนไหม้เกรียม และมีมันสูง รับประทานอาหารกากใยน้อย การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ นอกจากนี้มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงยังเกิดในคนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงจากการมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง คนที่เคยตรวจพบติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่แบบอะดีโนมา หรือทำการรักษาโรคฟัง ผล บอลลำไส้อักเสบเรื้อรัง ขณะที่ พญ.หทัยวรรณ ม่วงตาด แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมมะเร็งระบบทางเดินอาหารและตับ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยทั่วไปโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงมีอุบัติการณ์เพิ่มสูงในกลุ่มอายุ 50 ปีขึ้นไป ดังนั้นการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งชนิดนี้ในช่วงอายุดังกล่าวจึงสามารถป้องกัน หรือช่วยให้ตรวจพบมะเร็งระยะเริ่มต้นได้มาก ปัจจุบันตรวจคัดกรองด้วยวิธีการตรวจหาเลือดแฝงในอุจจาระ (Fecal Immunochemical Test: FIT) เป็นวิธีการตรวจที่สะดวก ง่ายและปลอดภัย ประชาชนอายุ 50-70 ปี สามารถรับอุปกรณ์และน้ำยาเก็บตัวอย่างได้ที่สถานพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อนำไปเก็บอุจจาระด้วยตนเองที่บ้าน แล้วนำส่งเจ้าหน้าที่เพื่อทำการวิเคราะห์ผล กรณีที่ได้รับผลผิดปกติผู้ป่วยจะได้รับการตรวจวินิจฉัยต่อด้วยการส่องกล้องลำไส้ใหญ่เพิ่มเติม ส่วนในกลุ่มที่มีอาการผิดปกติ อาทิ ระบบขับถ่ายแปรปรวนเช่นท้องผูกสลับท้องเสีย ถ่ายเป็นมูกเลือด เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ซีดเรื้อรัง ควรรีบเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยเพิ่มเติม การรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงแบ่งการรักษาตามระยะการดำเนินโรค โดยในกลุ่มผู้ป่วยระยะเริ่มแรกนั้นสามารถทำการรักษาโดยการส่องกล้องทางเดินอาหารแบบตัดติ่งเนื้องอกแบบชิ้นเดียว ผู้ป่วยไม่มีแผลผ่าตัดทางหน้าท้อง ในกรณีที่มีการลุกลามมากขึ้นบางกรณีสามารถรักษาโดยการผ่าตัดส่องกล้องแบบแผลเล็กเพื่อทำการตัดลำไส้ใหญ่ไส้ตรงและต่อมน้ำเหลืองข้างเคียง และทำการตัดต่อลำไส้ใหญ่ซึ่งเป็นการรักษาที่ปลอดภัยและเป็นมาตรฐาน ผู้ป่วยบางรายสามารถหลีกเลี่ยงการมีช่องถ่ายอุจจาระทางหน้าท้อง (ทวารเทียม) ถาวรได้ รวมถึงการรักษาร่วมได้แก่ การให้ยาเคมีบำบัด การฉายแสง นำก่อนผ่าตัดหรือหลังผ่าตัด ซึ่งทำให้เพิ่มโอกาสการหายของโรคและลดอัตราการกลับเป็นซ้ำได้ ทั้งนี้แม้ตัวโรคมีการลุกลามหรือแพร่กระจายไป การรักษาโดยการให้ยาเคมีร่วมกับยาเคมีพุ่งเป้า หรือภูมิคุ้มกันบำบัดช่วยชะลอการดำเนินของโรค ผู้ป่วยสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีระดับหนึ่งได้ในระยะเวลานั้น การดูแลร่างกายให้มีภูมิคุ้มกันต่อโรคมะเร็งที่ดีสามารถช่วยทำให้ห่างไกลจากมะเร็งได้ เริ่มที่การรับประทานอาหาร 5 หมู่ การออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงอาหารเนื้อแดงแปรรูป ปิ้งย่างจนไหม้เกรียม แอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ ควบคุมน้ำหนักไม่ให้อ้วน และทำให้มีสุขภาพแข็งแรงมากขึ้น จะช่วยให้ห่างไกลทั้งจากโรคร้ายนี้และโรคไม่ติดต่อเรื้อรังอื่น ๆ
เดือน มี.ค.ของทุกปี เป็นเดือนที่ทั่วโลกร่วมรณรงค์ต้านภัยมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ จึงออกมาแนะนำเกี่ยวกับมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงเป็นมะเร็งที่พบบ่อยในคนไทย นพ.วีรวุฒิ อิ
- ฟัง ผล บอล
- joker mvp line
- โจ้ ก เก้อ ส ล้อ ต โจ้ ก เก้อ ส ล้อ ต
- 1️918kiss ios 2020 download
- จีจีคาสิโนu23
- แมน ยู ดู สด