Home
|
เข้า เล่น superslotเล่น เกม สล็อต โร ม่า

Bandung dan sekitarnya. Hari ini, cuaca di Bandung

เข้า เล่น superslotเล่น เกม สล็อต โร ม่า

วันนี้ (8 พ.ย.2566) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีเจ้าหน้าที่ระดมกำลังติดตามจับกุมนายเชาวลิต ทองด้วง หรือ "เสี่ยแป้ง" ที่หลบหนีการควบคุมขณะตัวรักษาตัวใน รพ. ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ปิดเส้นทางและปิดป่าเทื

วันนี้ (13 พ.ย.2566) เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน สภ.เมืองระยอง เข้าตรวจสอบ ร่องรอยนิ้วมือแฝง ตามจุดต่างๆ ที่คนร้ายก่อเหตุขโมยตัดชิ้นส่วนพระพุทธรูปทองเหลือง ซึ่งตั้งประดิษฐานอยู่ บริเวณศาลาปฏิบัติธรรม จุ

วันนี้ (15 ธ.ค.2566) จากกรณีกรมราชทัณฑ์ออกระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566 ซึ่งประกาศ ณ วันที่ 6 ธ.ค.2566 ทำให้สังคมตั้งคำถามและเกิดความกังวลว่า จะเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือไม่ ต่อมาวันที่ 12 ธ.ค.2566 กรมราชทัณฑ์ได้ชี้แจงว่า ระเบียบดังกล่าว ออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 7 และมาตรา 33 แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 และกฎกระทรวงกำหนดสถานที่คุมขัง พ.ศ.2563 รวมถึงข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กรณีปัญหาในการดำเนินงานด้านกระบวนการยุติธรรม ที่พบจากการดำเนินโครงการตรวจเยี่ยมสถานที่เสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนเพื่อแก้ไขปัญหาความแออัดของเรือนจำ นั้น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ขอเรียนว่า ข้อเสนอแนะที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2562 กสม. เสนอให้คณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แก้ไขปัญหาความแออัดของเรือนจำ ซึ่งไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากลขององค์การสหประชาชาติ โดยการ (1) ใช้นโยบายกระบวนการยุติธรรมทางเลือก เช่น การเบี่ยงเบนคดีอาญาออกจากกระบวนการยุติธรรมกระแสหลัก (Diversion from Criminal Justice Process)(2) การแยกสถานที่คุมขังระหว่างผู้ต้องขังเด็ดขาดกับผู้ต้องขังระหว่างพิจารณา(3) กำหนดสถานที่ควบคุมผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดีและผู้ถูกกักขังแทนค่าปรับ โดยกำหนดสถานที่อื่นเพื่อการควบคุมตัวนอกเหนือจากการควบคุมตัวในเรือนจำ และต่อมา กสม. ได้มีหนังสือลงวันที่ 25 ก.พ.25เข้า เล่น superslotเล่น เกม สล็อต โร ม่า65 ถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อเน้นย้ำให้กรมราชทัณฑ์ กำหนดสถานที่ที่เหมาะสมกับผู้ต้องขังแต่ละประเภท เพื่อแก้ไขปัญหาความแออัดของเรือนจำ อันเนื่องมาจากการไม่แยกประเภทผู้ต้องขัง กสม. ยังได้ประชุมหารือกับ รมว.ยุติธรรม เมื่อเดือน ก.พ.และมี.ค.2566 ที่ผ่านมา เกี่ยวกับการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง สิทธิของผู้ต้องหาหรือจำเลยระหว่างการพิจารณาคดีตามหลักสันนิษฐานว่าบุคคลทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์ (Presumption of Innocence) ที่ได้รับการรับรองไว้ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 29 วรรคสอง ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อ 11 (1) และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights: ICCPR) ข้อ 14 วรรคสอง การแยกคุมขังผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดีกับผู้ต้องขังเด็ดขาด การแก้ไขกฎกระทรวงออกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 89/1 การติดอุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Monitoring) หรือกำไล EM และการกำหนดสถานที่คุมขังอื่นสำหรับผู้ต้องขังในคดีความแตกต่างทางความคิดหรือความเห็นต่าง ซึ่งยังไม่มีการพิพากษาว่าเป็นผู้กระทำความผิด กสม.ขอเน้นย้ำกติกา ICCPR ข้อ 10 ที่กำหนดให้ผู้ต้องหาต้องได้รับการจำแนกออกจากผู้ต้องโทษ และต้องได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างออกไปให้เหมาะสมกับสถานะที่ไม่ใช่ผู้ต้องโทษ นอกจากนี้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และกติกา ICCPR ยังกำหนดไว้ว่า บุคคลทั้งปวงย่อมเสมอกันในกฎหมาย และมีสิทธิที่จะได้รับความคุ้มครองเท่าเทียมกันตามกฎหมาย โดยปราศจากการเลือกปฏิบัติใด ๆ ดังนั้น สิทธิของผู้ต้องขังทุกคนต้องเสมอภาค เท่าเทียม และไม่ถูกเลือกปฏิบัติ ไม่ว่าจะมีสถานะใด ๆ อ่านข่าวอื่นๆ สหภาพยุโรปเปิดเจรจารับ "ยูเครน-มอลโดวา" เป็นสมาชิก "พิธา" วิเคราะห์ผลงานรัฐบาลเศรษฐา 100 วัน ผ่านกรอบ 5 คิด WHO เผยผลทดลองวัคซีนโควิด "XBB.1.5 โมโนวาเลนต์" รับมือโอไมครอนหลายสายพันธุ์

วันนี้ (3 เม.ย.2567) ร.ต.อ.ทรัพย์ทวีเกียรติ กันแต่ง รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองบางขลัง อ.สวรรคโลก จ.สุโ

วันนี้ (15 ธ.ค.2566) จากกรณีกรมราชทัณฑ์ออกระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถาน

วันนี้ (6 ก.ย.2567) เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ร่ว

วันนี้ (15 ธ.ค.2566) จากกรณีกรมราชทัณฑ์ออกระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566 ซึ่งประกาศ ณ วันที่ 6 ธ.ค.2566 ทำให้สังคมตั้งคำถามและเกิดความกังวลว่า จะเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือไม่ ต่อมาวันที่ 12 ธ.ค.2566 กรมราชทัณฑ์ได้ชี้แจงว่า ระเบียบดังกล่าว ออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 7 และมาตรา 33 แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 และกฎกระทรวงกำหนดสถานที่คุมขัง พ.ศ.2563 รวมถึงข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กรณีปัญหาในการดำเนินงานด้านกระบวนการยุติธรรม ที่พบจากการดำเนินโครงการตรวจเยี่ยมสถานที่เสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนเพื่อแก้ไขปัญหาความแออัดของเรือนจำ นั้น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ขอเรียนว่า ข้อเสนอแนะที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2562 กสม. เสนอให้คณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แก้ไขปัญหาความแออัดของเรือนจำ ซึ่งไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากลขององค์การสหประชาชาติ โดยการ (1) ใช้นโยบายกระบวนการยุติธรรมทางเลือก เช่น การเบี่ยงเบนคดีอาญาออกจากกระบวนการยุติธรรมกระแสหลัก (Diversion from Criminal Justice Process)(2) การแยกสถานที่คุมขังระหว่างผู้ต้องขังเด็ดขาดกับผู้ต้องขังระหว่างพิจารณา(3) กำหนดสถานที่ควบคุมผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดีและผู้ถูกกักขังแทนค่าปรับ โดยกำหนดสถานที่อื่นเพื่อการควบคุมตัวนอกเหนือจากการควบคุมตัวในเรือนจำ และต่อมา กสม. ได้มีหนังสือลงวันที่ 25 ก.พ.25เข้า เล่น superslotเล่น เกม สล็อต โร ม่า65 ถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อเน้นย้ำให้กรมราชทัณฑ์ กำหนดสถานที่ที่เหมาะสมกับผู้ต้องขังแต่ละประเภท เพื่อแก้ไขปัญหาความแออัดของเรือนจำ อันเนื่องมาจากการไม่แยกประเภทผู้ต้องขัง กสม. ยังได้ประชุมหารือกับ รมว.ยุติธรรม เมื่อเดือน ก.พ.และมี.ค.2566 ที่ผ่านมา เกี่ยวกับการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง สิทธิของผู้ต้องหาหรือจำเลยระหว่างการพิจารณาคดีตามหลักสันนิษฐานว่าบุคคลทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์ (Presumption of Innocence) ที่ได้รับการรับรองไว้ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 29 วรรคสอง ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อ 11 (1) และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights: ICCPR) ข้อ 14 วรรคสอง การแยกคุมขังผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดีกับผู้ต้องขังเด็ดขาด การแก้ไขกฎกระทรวงออกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 89/1 การติดอุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Monitoring) หรือกำไล EM และการกำหนดสถานที่คุมขังอื่นสำหรับผู้ต้องขังในคดีความแตกต่างทางความคิดหรือความเห็นต่าง ซึ่งยังไม่มีการพิพากษาว่าเป็นผู้กระทำความผิด กสม.ขอเน้นย้ำกติกา ICCPR ข้อ 10 ที่กำหนดให้ผู้ต้องหาต้องได้รับการจำแนกออกจากผู้ต้องโทษ และต้องได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างออกไปให้เหมาะสมกับสถานะที่ไม่ใช่ผู้ต้องโทษ นอกจากนี้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และกติกา ICCPR ยังกำหนดไว้ว่า บุคคลทั้งปวงย่อมเสมอกันในกฎหมาย และมีสิทธิที่จะได้รับความคุ้มครองเท่าเทียมกันตามกฎหมาย โดยปราศจากการเลือกปฏิบัติใด ๆ ดังนั้น สิทธิของผู้ต้องขังทุกคนต้องเสมอภาค เท่าเทียม และไม่ถูกเลือกปฏิบัติ ไม่ว่าจะมีสถานะใด ๆ อ่านข่าวอื่นๆ สหภาพยุโรปเปิดเจรจารับ "ยูเครน-มอลโดวา" เป็นสมาชิก "พิธา" วิเคราะห์ผลงานรัฐบาลเศรษฐา 100 วัน ผ่านกรอบ 5 คิด WHO เผยผลทดลองวัคซีนโควิด "XBB.1.5 โมโนวาเลนต์" รับมือโอไมครอนหลายสายพันธุ์

วันนี้ (17 ต.ค.66) พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล