Home
|
ตรวจ สลาก 2 พ ค 2564

วันนี้ (9 ก.พ.2566) ความเคลื่อนไหว ส.ส.พรรคเศรษฐกิ

ตรวจ สลาก 2 พ ค 2564

วันนี้ (15 มิ.ย.2565) ที่ประชุมสภาสภาผู้แทนราษฎรมีมติรับร่าง ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลแพ่งและพาณิชย์ หรือ พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม เสนอโดยพรรคก้าวไกล สภาฯ มีมติรับหลักการ ด้วยคะแนนเสียง รับหลักการ 21

วันนี้ (18 มี.ค.2567) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีถูกออกหมายเรียกจาก สน.ทุ่งสองห้อง ที่นำหมายมาติดไว้หน้าบ้านพักเมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดเรื่องหมาย

วันนี้ (12 ต.ค.2565) รศ.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผอ.หลักสูตรปริญญาเอกสาขาการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) วิเคราะห์กระแส ส.ส.ย้ายพรรคที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ผ่านรายการ Newsroom Daily รายการออนไลน์ของไทยพีบีเอส โดยระบุว่า การเมืองไทยไม่ได้พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นสักเท่าไหร่ เพราะบรรดา ส.ส.ที่ย้ายพรรค เป็นพฤติกรรมแบบเดิมที่มีมาตั้งแต่ปี 2490 บรรดานักการเมืองโดยส่วนใหญ่มุ่งเล่นการเมืองเพื่อที่จะแสวงหาโอกาสเป็น ส.ส. และดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นหลัก จึงย่อมแสวงหาพรรคการเมืองที่จะนำพาให้บรรลุวัตถุประสงค์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่านักการเมืองที่มีหลักคิด มีอุดมการณ์ มีจุดยืนที่มั่นคงในสังคมไทย ยังมีไม่มากนัก รศ.พิชาย วิเคราะห์ถึงความนิยมของพรรคพลังประชารัฐว่า ขณะนี้พรรคพลังประชารัฐมีวิกฤต 2 อย่าง วิกฤตแรกคือความตกต่ำของคะแนนนิยม ซึ่งเชื่อมโยงกับความตกต่ำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และความตกต่ำของคะแนนนิยมของพรรคพลังประชารัฐเข้าด้วยกัน และวิกฤตนี้ยังสะสมมากับการบริหารประเทศของรัฐบาล ที่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม รวมทั้งปัญหาทุจริตคอร์รัปชันที่ไม่ดีขึ้น จึงส่งผลให้คะแนนนิยมตกต่ำ วิกฤตที่ 2 คือการช่วงชิงกันของแกนนำภายในพรรค ระหว่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเดิมที พล.อ.ประยุทธ์ สามารถควบคุมการนำภายในพรรคผ่าน พล.อ.ประวิตร ได้ทั้งหมด แต่เมื่อเวลาผ่านไป พล.อ.ประวิตร เป็นนักการเมืองมากขึ้น เป็นปกติที่จะมีความปรารถนาที่จะดำรงตำแหน่งสูงสุดทางการเมือง คือ นายกรัฐมนตรี จึงอาจมีความคิดว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้า ตัวเองอาจจะเป็นบุคคลหนึ่งที่ได้รับการเสนอชื่อในนามพรรค ทั้งนี้ ภายในพรรคพลังประชารัฐ ยังมีอีกกลุ่มที่ยังไม่มีความแน่นอนว่าจะอยู่กับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ นั่นคือ กลุ่มสามมิตร ซึ่งกลุ่มนี้จะคอยเฝ้าดูว่าพรรคพลังประชารัฐจะมีโอกาสได้เป็นรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ ถ้าประเมินแล้วว่ายาก ก็อาจจะไปอยู่พรรคอื่นหรืออาจจะไปตั้งพรรคใหม่ก็ได้ รศ.พิชาย ระบุว่าหากจะมีการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง โดยพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล มี 2 สูตรที่จะนำไปได้คือ สูตรที่ 1 พรรคเพื่อไทย ต้องรวมกับพรรคก้าวไกล พรรครวมประชาชาติ และพรรคเสรีรวมไทย ให้มีคะแนนรวมกันเกิน 376 เสียง ซึ่งพรรคเพื่อไทยพรรคเดียว ต้องดึงคะแนนมาให้ได้อย่างน้อย 280-300 เสียง จึงจะตั้งรัฐบาลได้ทันที สูตรที่ 2 พรรคเพื่อไทยมีโอกาสได้คะแนนเกิน 250 เสียง แต่เมื่อรวม 4 พรรค ยังไม่ถึง 276 เสียง สูตรนี้ต้องอาศัยบางพรรคที่ร่วมรัฐบาลปัจจุบัน และหากได้ ส.ว.ด้วย ก็จะยิ่งมีโอกาสที่จะเป็นรัฐบาลมากขึ้น สูตรนี้พรรคเพื่อไทยอาจจะได้คะแนนตรวจ สลาก 2 พ ค 2564เลย 230-250 เสียง ก็มีความเป็นไปได้ ที่จะดึงพรรคพลังประชารัฐที่มี พล.อ.ประวิตร เข้ามาเป็นพันธมิตรในการร่วมรัฐบาล เนื่องจาก พล.อ.ประวิตร สามารถคุมเสียง ส.ส.ได้ เมื่อ 2 พรรคนี้รวมกัน คะแนนจะได้เกิน 375 เสียงแน่นอน แต่ปมปัญหามีอยู่ว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ยังอยู่ จะมาจับมือกันก็น่าจะยาก เพราะพรรคเพื่อไทยคงจะไม่ยินดีมากนัก แต่ถ้าเป็น พล.อ.ประวิตร อาจจะมีการพูดคุยกันได้มากกว่า เพราะมีการถนอมน้ำใจไมตรีกันอยู่มากพอสมควร อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง "เพื่อไทย" ปฏิเสธข่าวดีลลับ "ธรรมนัส" นำ 14 ส.ส.เข้าพรรค จับตาดีลลับ ส.ส.เศรษฐกิจไทย ย้ายซบ "เพื่อไทย" บทวิเคราะห์ : 2 ป.ทำ พปชร.แตกรัง

วันนี้ (22 ต.ค.2565) ดาราหนุ่ม โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ จัดโครงการ “One Man and The river หนึ่งคนว่

วันนี้ (5 ม.ค.2566) นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ ผู้บริหารกองสลากพลัส หรือนอท เปิดเผยหลังจากที่กรมสอบสวน

วันนี้ (18 ก.ค.2566) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทหาร ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีเรียกรับเงินจากผู้

วันนี้ (12 ต.ค.2565) รศ.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผอ.หลักสูตรปริญญาเอกสาขาการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) วิเคราะห์กระแส ส.ส.ย้ายพรรคที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ผ่านรายการ Newsroom Daily รายการออนไลน์ของไทยพีบีเอส โดยระบุว่า การเมืองไทยไม่ได้พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นสักเท่าไหร่ เพราะบรรดา ส.ส.ที่ย้ายพรรค เป็นพฤติกรรมแบบเดิมที่มีมาตั้งแต่ปี 2490 บรรดานักการเมืองโดยส่วนใหญ่มุ่งเล่นการเมืองเพื่อที่จะแสวงหาโอกาสเป็น ส.ส. และดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นหลัก จึงย่อมแสวงหาพรรคการเมืองที่จะนำพาให้บรรลุวัตถุประสงค์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่านักการเมืองที่มีหลักคิด มีอุดมการณ์ มีจุดยืนที่มั่นคงในสังคมไทย ยังมีไม่มากนัก รศ.พิชาย วิเคราะห์ถึงความนิยมของพรรคพลังประชารัฐว่า ขณะนี้พรรคพลังประชารัฐมีวิกฤต 2 อย่าง วิกฤตแรกคือความตกต่ำของคะแนนนิยม ซึ่งเชื่อมโยงกับความตกต่ำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และความตกต่ำของคะแนนนิยมของพรรคพลังประชารัฐเข้าด้วยกัน และวิกฤตนี้ยังสะสมมากับการบริหารประเทศของรัฐบาล ที่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม รวมทั้งปัญหาทุจริตคอร์รัปชันที่ไม่ดีขึ้น จึงส่งผลให้คะแนนนิยมตกต่ำ วิกฤตที่ 2 คือการช่วงชิงกันของแกนนำภายในพรรค ระหว่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเดิมที พล.อ.ประยุทธ์ สามารถควบคุมการนำภายในพรรคผ่าน พล.อ.ประวิตร ได้ทั้งหมด แต่เมื่อเวลาผ่านไป พล.อ.ประวิตร เป็นนักการเมืองมากขึ้น เป็นปกติที่จะมีความปรารถนาที่จะดำรงตำแหน่งสูงสุดทางการเมือง คือ นายกรัฐมนตรี จึงอาจมีความคิดว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้า ตัวเองอาจจะเป็นบุคคลหนึ่งที่ได้รับการเสนอชื่อในนามพรรค ทั้งนี้ ภายในพรรคพลังประชารัฐ ยังมีอีกกลุ่มที่ยังไม่มีความแน่นอนว่าจะอยู่กับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ นั่นคือ กลุ่มสามมิตร ซึ่งกลุ่มนี้จะคอยเฝ้าดูว่าพรรคพลังประชารัฐจะมีโอกาสได้เป็นรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ ถ้าประเมินแล้วว่ายาก ก็อาจจะไปอยู่พรรคอื่นหรืออาจจะไปตั้งพรรคใหม่ก็ได้ รศ.พิชาย ระบุว่าหากจะมีการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง โดยพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล มี 2 สูตรที่จะนำไปได้คือ สูตรที่ 1 พรรคเพื่อไทย ต้องรวมกับพรรคก้าวไกล พรรครวมประชาชาติ และพรรคเสรีรวมไทย ให้มีคะแนนรวมกันเกิน 376 เสียง ซึ่งพรรคเพื่อไทยพรรคเดียว ต้องดึงคะแนนมาให้ได้อย่างน้อย 280-300 เสียง จึงจะตั้งรัฐบาลได้ทันที สูตรที่ 2 พรรคเพื่อไทยมีโอกาสได้คะแนนเกิน 250 เสียง แต่เมื่อรวม 4 พรรค ยังไม่ถึง 276 เสียง สูตรนี้ต้องอาศัยบางพรรคที่ร่วมรัฐบาลปัจจุบัน และหากได้ ส.ว.ด้วย ก็จะยิ่งมีโอกาสที่จะเป็นรัฐบาลมากขึ้น สูตรนี้พรรคเพื่อไทยอาจจะได้คะแนนตรวจ สลาก 2 พ ค 2564เลย 230-250 เสียง ก็มีความเป็นไปได้ ที่จะดึงพรรคพลังประชารัฐที่มี พล.อ.ประวิตร เข้ามาเป็นพันธมิตรในการร่วมรัฐบาล เนื่องจาก พล.อ.ประวิตร สามารถคุมเสียง ส.ส.ได้ เมื่อ 2 พรรคนี้รวมกัน คะแนนจะได้เกิน 375 เสียงแน่นอน แต่ปมปัญหามีอยู่ว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ยังอยู่ จะมาจับมือกันก็น่าจะยาก เพราะพรรคเพื่อไทยคงจะไม่ยินดีมากนัก แต่ถ้าเป็น พล.อ.ประวิตร อาจจะมีการพูดคุยกันได้มากกว่า เพราะมีการถนอมน้ำใจไมตรีกันอยู่มากพอสมควร อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง "เพื่อไทย" ปฏิเสธข่าวดีลลับ "ธรรมนัส" นำ 14 ส.ส.เข้าพรรค จับตาดีลลับ ส.ส.เศรษฐกิจไทย ย้ายซบ "เพื่อไทย" บทวิเคราะห์ : 2 ป.ทำ พปชร.แตกรัง

วันนี้ (12 ต.ค.2565) รศ.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผอ.หลักสูตรปริญญาเอกสาขาการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒน