วันนี้ (9 พ.ค.2566) นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ในน

วันนี้ (21 พ.ค.2565) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครอิสระ สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลในการสู้ศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. นายชัชชาติขึ้นรถแห่หาเสียงรอบเมื
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา งาน Tokyo Auto Salon 2023 และงาน Tokyo Outdoor Show ถูกจัดขึ้นในธีม “Toyota: Leaving no car lovers behind” ท่ามกลางการพัฒนารถยนต์รักษ์โลกของบริษัทต่าง ๆ หนึ่งในไฮไลต์ที่ได้รับความ
วันนี้ (30 ม.ค.2564) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า ตามที่กรมบัญชีกลาง ได้มีการตรวจสอบพบว่ามีผู้สูงอายุรับเงินเบี้ยยังชีพคนชรา และเงินบำนาญไปพร้อมๆกันซึ่งซ้ำซ้อนกันเป็นจำนวนกว่า 15,000 คนทั่วประเทศ ไม่เป็นไปตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2552 จึงมีหนังสือแจ้งไปยังกรมการปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อแจ้งให้ท้องถิ่นต่างๆทั่วประเทศตรวจสอบรายชื่อผู้สูงอายุในเขตอำนาจของตน เพื่อทวงคืนเงินทั้งหมดส่งกลับกรมบัญชีกลาง เพราะตามหลักกฎหมายถือว่า “เป็นลาภมิควรได้” จนกลายเป็นประเด็นปัญหาต่อผู้สูงอายุจำนวนมาก นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การมาเรียกเงินคืนจากผู้สูงอายุในขณะนี้ ถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย เนื่องจากตามหลักกฎหมายว่าด้วยเป็นลาภมิควรได้ ตาม ป.พ.พ.มาตรา 412 ระบุว่า “เมื่อบุคคลได้รับไว้โดยสุจริต จึงต้องคืนลาภมิควรได้เพียงส่วนที่ยังมีอยู่ในขณะเมื่อเรียกคืน” เท่านั้น และในมาตรา 419 ก็บัญญัติไว้ชัดเจนว่า “ในเรื่องลาภมิควรได้นั้น ท่านห้ามมิให้ฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนดปีหนึ่งนับแต่เวลาที่ฝ่ายผู้เสียหายรู้ว่าตนมีสิทธิเรียกคืน หรือเมื่อพ้นสิบปีนับแต่เวลาที่สิทธินั้นได้มีขึ้น” กรณีการจ่ายเบี้ยยังชีพให้กับผู้สูงอายุดังกล่าว เป็นการดำเนินการของรัฐบาลผู้เสียหาย คือ กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่เริ่มมีระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2552 ซึ่งมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค.2552 หรือกว่า 11 ปี โดยกระทรวงการคลัง เริ่มมีการตรวจพบปัญหาความซ้ำซ้อนดังกล่าวมาตั้งแต่เดือน พ.ย.2562 และต่อมากรมบัญชีกลาง ก็ได้มีหนังสือแจ้งไปยังกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นให้แจ้งจังหวัด อำเภอและท้องถิ่นต่างๆ ในการทวงถามการขอเงินคืนไปยังผู้สูงอายุต่างๆที่รับเงินซ้ำซ้อนดังกล่าว ซึ่งอาจเกินระยะเวลา 10 ปีตามที่กฎหมายกำหนดไปแล้ว อ่านข่าวเพิ่ม โคราชผู้สูงอายุ 610 คน ถูกเรียกเบี้ยยังชีพคืนย้อนหลัง นอกจากนั้นยังมีหหวย หุ้น จี จี้ลักฐานอีกว่านางนิโลบล แวววับศรี รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ก็ได้แถลงเองว่าเหตุผลที่เพิ่งมีการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว ทั้งที่การจ่ายเงินผู้สูงอายุเริ่มมาตั้งแต่ปี 2552 เพราะการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกระทรวงมหาดไทย กับกรมบัญชีกลาง เพิ่งการเชื่อมโยงอย่างสมบูรณ์เมื่อปี 2563 อีกทั้งมีแนวคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ 10850/2559 ระบุไว้ชัดเจนว่า “จำเลยได้รับเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญไว้ โดยสุจริตและนำไปใช้จ่ายหมดแล้วก่อนที่โจทก์จะเรียกคืน จำเลยจึงไม่ต้องคืนเงินดังกล่าวแก่โจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 412” ดังนั้นการที่กรมบัญชีกลางเรียกคืนเงินดังกล่าว จึงใช้อำนาจกระทำการโดยมิชอบด้วยกฎหมายนั้นเอง อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง ผู้สูงอายุ 13 คนที่โคราช ถูกเรียกคืนเบี้ยยังชีพย้อนหลัง คลังสั่งรื้อระเบียบการจ่ายเงินซ้ำซ้อน "เบี้ยสูงอายุ" หญิง 89 ปี ยันไม่เปิดรับบริจาค ขอผ่อน 20 เดือนคืนเบี้ยผู้สูงอายุ "อนุพงษ์" ยืนยันหาทางแก้จ่ายเงินซ้ำซ้อน "เงินบำนาญ-เบี้ยชรา"
วันนี้ (16 มี.ค.2564) นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยถึงมาตรฐานการดูแลผู้ได้รับกา
วันที่ 16 พ.ค.2564 ที่ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมห
กรณีมีการแชร์ข่าวในโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับเด็กที่มีอาการไข้ต่ำ ๆ แต่ต่อมามีอาการชักเกร็งและหัวใจหยุดเ
วันนี้ (30 ม.ค.2564) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า ตามที่กรมบัญชีกลาง ได้มีการตรวจสอบพบว่ามีผู้สูงอายุรับเงินเบี้ยยังชีพคนชรา และเงินบำนาญไปพร้อมๆกันซึ่งซ้ำซ้อนกันเป็นจำนวนกว่า 15,000 คนทั่วประเทศ ไม่เป็นไปตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2552 จึงมีหนังสือแจ้งไปยังกรมการปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อแจ้งให้ท้องถิ่นต่างๆทั่วประเทศตรวจสอบรายชื่อผู้สูงอายุในเขตอำนาจของตน เพื่อทวงคืนเงินทั้งหมดส่งกลับกรมบัญชีกลาง เพราะตามหลักกฎหมายถือว่า “เป็นลาภมิควรได้” จนกลายเป็นประเด็นปัญหาต่อผู้สูงอายุจำนวนมาก นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การมาเรียกเงินคืนจากผู้สูงอายุในขณะนี้ ถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย เนื่องจากตามหลักกฎหมายว่าด้วยเป็นลาภมิควรได้ ตาม ป.พ.พ.มาตรา 412 ระบุว่า “เมื่อบุคคลได้รับไว้โดยสุจริต จึงต้องคืนลาภมิควรได้เพียงส่วนที่ยังมีอยู่ในขณะเมื่อเรียกคืน” เท่านั้น และในมาตรา 419 ก็บัญญัติไว้ชัดเจนว่า “ในเรื่องลาภมิควรได้นั้น ท่านห้ามมิให้ฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนดปีหนึ่งนับแต่เวลาที่ฝ่ายผู้เสียหายรู้ว่าตนมีสิทธิเรียกคืน หรือเมื่อพ้นสิบปีนับแต่เวลาที่สิทธินั้นได้มีขึ้น” กรณีการจ่ายเบี้ยยังชีพให้กับผู้สูงอายุดังกล่าว เป็นการดำเนินการของรัฐบาลผู้เสียหาย คือ กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่เริ่มมีระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2552 ซึ่งมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค.2552 หรือกว่า 11 ปี โดยกระทรวงการคลัง เริ่มมีการตรวจพบปัญหาความซ้ำซ้อนดังกล่าวมาตั้งแต่เดือน พ.ย.2562 และต่อมากรมบัญชีกลาง ก็ได้มีหนังสือแจ้งไปยังกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นให้แจ้งจังหวัด อำเภอและท้องถิ่นต่างๆ ในการทวงถามการขอเงินคืนไปยังผู้สูงอายุต่างๆที่รับเงินซ้ำซ้อนดังกล่าว ซึ่งอาจเกินระยะเวลา 10 ปีตามที่กฎหมายกำหนดไปแล้ว อ่านข่าวเพิ่ม โคราชผู้สูงอายุ 610 คน ถูกเรียกเบี้ยยังชีพคืนย้อนหลัง นอกจากนั้นยังมีหหวย หุ้น จี จี้ลักฐานอีกว่านางนิโลบล แวววับศรี รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ก็ได้แถลงเองว่าเหตุผลที่เพิ่งมีการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว ทั้งที่การจ่ายเงินผู้สูงอายุเริ่มมาตั้งแต่ปี 2552 เพราะการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกระทรวงมหาดไทย กับกรมบัญชีกลาง เพิ่งการเชื่อมโยงอย่างสมบูรณ์เมื่อปี 2563 อีกทั้งมีแนวคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ 10850/2559 ระบุไว้ชัดเจนว่า “จำเลยได้รับเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญไว้ โดยสุจริตและนำไปใช้จ่ายหมดแล้วก่อนที่โจทก์จะเรียกคืน จำเลยจึงไม่ต้องคืนเงินดังกล่าวแก่โจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 412” ดังนั้นการที่กรมบัญชีกลางเรียกคืนเงินดังกล่าว จึงใช้อำนาจกระทำการโดยมิชอบด้วยกฎหมายนั้นเอง อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง ผู้สูงอายุ 13 คนที่โคราช ถูกเรียกคืนเบี้ยยังชีพย้อนหลัง คลังสั่งรื้อระเบียบการจ่ายเงินซ้ำซ้อน "เบี้ยสูงอายุ" หญิง 89 ปี ยันไม่เปิดรับบริจาค ขอผ่อน 20 เดือนคืนเบี้ยผู้สูงอายุ "อนุพงษ์" ยืนยันหาทางแก้จ่ายเงินซ้ำซ้อน "เงินบำนาญ-เบี้ยชรา"
วันนี้ (30 ม.ค.2564) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า ตามที่กรม