“กิตติรัตน์” ชี้ตลาดหุ้นผันผวนตามตลาดเอเซีย มั่นใจ

วันนี้ (22 ก.พ.2565) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า หลังจากวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ประกาศรับรองให้โดเนทสค์และลูฮันสค์ ดินแดนทางตะวันออกของยูเครนเป็นเอกราช และสั่งเคลื่อนกำลังพล ซึ่งรัสเซี
แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะยังไม่ตอบรับ ไม่ปฏิเสธ ว่าจะเข้าร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ แม้ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ จะออกตัวว่า รวมไทยสร้างชาติไม่ใช่พร
กรณีศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาให้กรุงเทพมหานคร และบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) ให้ร่วมกันชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 ช่วงสะพานตากสิน-วงเวียนใหญ่-บางหว้า และช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง และส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงแบริ่ง- สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต วันนี้ (30 ก.ค.2567) นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า รู้สึกดีใจ และเป็นชัยชนะให้กับตัวเองที่ต่อสู้มาโดยไม่ยอมแพ้ จนได้รับความเป็นธรรมจากศาลปกครองสูงสุด ซึ่งต้องใช้เวลากว่า 3 ปี ในการพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่า ทำงานอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง เชื่อว่าเพราะลูกหนี้เข้าใจ สัญญาไม่มีอะไรผิด การจัดซื้อจัดจ้างไม่มีอะไรผิด ในฐานะประธานบีทีเอสกรุ๊ป ทำอะไรตรงไปตรงมา อ่านข่าว ศาลสั่ง กทม.-กรุงเทพธนาคม จ่ายหนี้ BTS สายสีเขียว 1.2 หมื่นล้าน นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) นายคีรี กล่าวว่า เบื้องต้นได้ทราบข่าวจากสื่อว่า กทม.พร้อมจ่ายหนี้ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด จำนวนกว่า 11,755 ล้านบาท แต่อยากให้ กทม.คำนึงถึงยอดหนี้ในส่วนที่เหลือด้วย เนื่องจากดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นทุกวันเฉลี่ยวันละ 7 ล้านบาท สำหรับหนี้ค่าจ้างเดินรถ และซ่อมบำรุงสิ้นสุด ณ วันที่ 25 ก.ค.นี้ มีจำนวนกว่า 39,402 ล้านบาท แบ่งเค่าย พี จีป็น 1.ยอดหนี้ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ให้กทม.และเคทีร่วมกันชำระให้กับบีทีเอสเป็นเงินจำนวนกว่า 11,755 ล้านบาท 2.ยอดหนี้ที่บีทีเอสได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 22 พ.ย.2565 ให้กทม. และเคที ชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงให้กับบีทีเอสของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในเส้นทางส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 เป็นเงินจำนวนกว่า 11,811 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง 3.ยอดหนี้ค่าจ้างงานเดินรถและซ่อมบำรุงของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในเส้นทางส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565 ถึง มิถุนายน 2567 ที่ยังค้างชำระ เป็นเงินจำนวนกว่า 13,513 ล้านบาท และ 4. ค่าจ้างงานเดินรถและซ่อมบำรุงของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในเส้นทางส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ในอนาคต ตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงสิ้นสุดสัมปทาน ปี พ.ศ. 2585 ที่จะหมดอายุสัญญาสัมปทาน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บีทีเอส จึงยังไม่มีแนวทางยื่นฟ้องเพิ่มเติม โดยเชื่อว่า กทม. และเคที จะชำระหนี้ตามกำหนด เพราะวันนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าสัญญางานจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงนั้นเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หากดำเนินการจ่ายล่าช้า ก็จะทำให้ดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นทุกวัน และน่าจะทำให้หนี้ส่วนนี้เพิ่มขึ้นถึง 4 หมื่นล้านบาท ส่วนความเป็นไปได้ในการเจรจาขยายสัมปทานเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว เพื่อแลกกับภาระหนี้ที่เกิดขึ้นนั้น นายคีรี ระบุว่า ยังไม่มีการเจรจาในเรื่องนี้ เชื่อว่า กทม. น่าจะอยู่ในขั้นตอนของการศึกษารูปแบบ เพื่อบริหารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว สายหลัก คือ สายสุขุมวิท หมอชิต–อ่อนนุช และสายสีลม สนามกีฬาแห่งชาติ–สะพานตากสิน ที่กำลังจะหมดสัญญากับบีทีเอสในปี 2572 หาก กทม. จะเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP ก็สามารถดำเนินการได้ แต่หากได้เอกชนรายใหม่เข้ามาร่วมทุน ก็ต้องดำเนินการตามสัญญาสัมปทานที่มีอยู่ โดยจะต้องจ้าง BTS เดินรถตลอดแนวเส้นทางกว่า 60 กิโลเมตร จนครบกำหนดอายุสัญญาสัมปทานในปี 2585
วันนี้ (24 มิ.ย.2567) การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2024 เป็นเกมนัดสุดท้ายของกลุ่ม
วันนี้ (9 ก.ย.2567) ทีมข่าวไทยพีบีเอส ลงพื้นที่บ้านห้วยแกลบ ต.ชนแดน อ.สองแคว จ.น่าน หลังมีผู้ร้องเรี
กรณีศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาให้กรุงเทพมหานคร และบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) ให้ร่วมกันชำระห
กรณีศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาให้กรุงเทพมหานคร และบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) ให้ร่วมกันชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 ช่วงสะพานตากสิน-วงเวียนใหญ่-บางหว้า และช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง และส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงแบริ่ง- สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต วันนี้ (30 ก.ค.2567) นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า รู้สึกดีใจ และเป็นชัยชนะให้กับตัวเองที่ต่อสู้มาโดยไม่ยอมแพ้ จนได้รับความเป็นธรรมจากศาลปกครองสูงสุด ซึ่งต้องใช้เวลากว่า 3 ปี ในการพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่า ทำงานอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง เชื่อว่าเพราะลูกหนี้เข้าใจ สัญญาไม่มีอะไรผิด การจัดซื้อจัดจ้างไม่มีอะไรผิด ในฐานะประธานบีทีเอสกรุ๊ป ทำอะไรตรงไปตรงมา อ่านข่าว ศาลสั่ง กทม.-กรุงเทพธนาคม จ่ายหนี้ BTS สายสีเขียว 1.2 หมื่นล้าน นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) นายคีรี กล่าวว่า เบื้องต้นได้ทราบข่าวจากสื่อว่า กทม.พร้อมจ่ายหนี้ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด จำนวนกว่า 11,755 ล้านบาท แต่อยากให้ กทม.คำนึงถึงยอดหนี้ในส่วนที่เหลือด้วย เนื่องจากดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นทุกวันเฉลี่ยวันละ 7 ล้านบาท สำหรับหนี้ค่าจ้างเดินรถ และซ่อมบำรุงสิ้นสุด ณ วันที่ 25 ก.ค.นี้ มีจำนวนกว่า 39,402 ล้านบาท แบ่งเค่าย พี จีป็น 1.ยอดหนี้ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ให้กทม.และเคทีร่วมกันชำระให้กับบีทีเอสเป็นเงินจำนวนกว่า 11,755 ล้านบาท 2.ยอดหนี้ที่บีทีเอสได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 22 พ.ย.2565 ให้กทม. และเคที ชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงให้กับบีทีเอสของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในเส้นทางส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 เป็นเงินจำนวนกว่า 11,811 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง 3.ยอดหนี้ค่าจ้างงานเดินรถและซ่อมบำรุงของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในเส้นทางส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565 ถึง มิถุนายน 2567 ที่ยังค้างชำระ เป็นเงินจำนวนกว่า 13,513 ล้านบาท และ 4. ค่าจ้างงานเดินรถและซ่อมบำรุงของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในเส้นทางส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ในอนาคต ตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงสิ้นสุดสัมปทาน ปี พ.ศ. 2585 ที่จะหมดอายุสัญญาสัมปทาน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บีทีเอส จึงยังไม่มีแนวทางยื่นฟ้องเพิ่มเติม โดยเชื่อว่า กทม. และเคที จะชำระหนี้ตามกำหนด เพราะวันนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าสัญญางานจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงนั้นเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หากดำเนินการจ่ายล่าช้า ก็จะทำให้ดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นทุกวัน และน่าจะทำให้หนี้ส่วนนี้เพิ่มขึ้นถึง 4 หมื่นล้านบาท ส่วนความเป็นไปได้ในการเจรจาขยายสัมปทานเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว เพื่อแลกกับภาระหนี้ที่เกิดขึ้นนั้น นายคีรี ระบุว่า ยังไม่มีการเจรจาในเรื่องนี้ เชื่อว่า กทม. น่าจะอยู่ในขั้นตอนของการศึกษารูปแบบ เพื่อบริหารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว สายหลัก คือ สายสุขุมวิท หมอชิต–อ่อนนุช และสายสีลม สนามกีฬาแห่งชาติ–สะพานตากสิน ที่กำลังจะหมดสัญญากับบีทีเอสในปี 2572 หาก กทม. จะเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP ก็สามารถดำเนินการได้ แต่หากได้เอกชนรายใหม่เข้ามาร่วมทุน ก็ต้องดำเนินการตามสัญญาสัมปทานที่มีอยู่ โดยจะต้องจ้าง BTS เดินรถตลอดแนวเส้นทางกว่า 60 กิโลเมตร จนครบกำหนดอายุสัญญาสัมปทานในปี 2585
เมื่อวันที่ 2 พ.ศ.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี