วันนี้ (20 ก.ค.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปัตตานี ออกประกาศ พบไวรัสโควิดแอ ป ฟรี ส ปิ น coin master
กรณีนายสามารถ ที่พักบ้านโจด อายุ 58 ปี ก่อเหตุยิงเสียชีวิต 3 คน ในพื้นที่บ้านฝายหิน ต.โนนม่วง อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู ก่อนหลบหนีไปทาง อ.นากลาง ขณะที่ตำรวจเร่งติดตามตัว วันนี้ (27 พ.ย.2567) ผู้สื่อ
นักการทูต นักการเมืองและผู้เชี่ยวชาญเสนอให้ภาครัฐเร่งปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อให้ไทยสามารถกลับมามีบทบาทนำในภูมิภาคอาเซียนได้อีกครั้ง ข้อเสนอดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างการสัมมนาออนไลน์หัวข้อ “บทบาทการทูตและการต่างประเทศไทยในปัจจุบัน” จัดขึ้นเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2564 เป็นตอนแรก จากทั้งหมด 5 ตอน โดยมูลนิธิสุรินทร์ พิศสุวรรณ ร่วมกับสถาบันนโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, ไทยพีบีเอส (Thai PBS) และ เอเชีย นิวส์ เน็ตเวิร์ค (Asia News Network) นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายจากความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งในต่างประเทศและภายในประเทศ อันเนื่องมาจากการแข่งขันระหว่างมหาอำนาจ จีน รัสเซีย และสหรัฐอเมริกา การถดถอยของระบบพหุนิยม กฎเกณฑ์ของระเบียบโลก รวมตลอดถึงการแข่งขันทางด้านเทคโนโลยี แต่ประเทศไทยไม่สามารถแสดงบทบาทในเวทีระหว่างประเทศได้ ศ.ดร.ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การต่างประเทศของไทยอยู่ในภาวะตกต่ำ ประเทศไทยไม่ได้รับความสนใจจากนานาชาติ ฐิตินันท์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกิจการระหว่างประเทศ กล่าวในการสัมมนา ในขณะที่ประเทศไทยมีบุคลากรที่มีทักษะทางการทูต แต่กลับไม่สามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีคุณค่าเหล่านั้นได้ ศ.ดร.ฐิตินันท์เน้นว่า การต่างประเทศไทยคือการใช้ทุนของไทยมาอธิบายต่อชาวโลกว่าทำไมไทยถึงเป็นแบบนี้ เราจะเห็นว่าตั้งแต่การรัฐประหารมา 2 ครั้ง ภายใน 2 ทศวรรษที่ผ่านมา เราใช้ทรัพยากรมากมายเพื่ออธิบายในเวทีโลกว่า ทำไมถึงต้องมีการยึดอำนาจ การต่างประเทศออกมาในลักษณะขอไปที อยู่ไปวันๆ ทั้งๆ ที่พลวัตรในภูมิภาคเรามันเชี่ยวมาก แต่ไทยกลับหลบ เอาตัวรอดไปวันๆ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ประเทศไทยไม่มีจุดยืนทางการเมืองระหว่างประเทศที่ชัดเจน ทำให้ไม่มีที่ยืนในเวทีโลก เขาใช้คำพูดที่เป็นที่นิยมกันมาก ในหมู่นักการทูตไทยรุ่นเก่าว่า การต่างประเทศของไทยไม่มี “กระดูกสันหลัง” ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา หลังการรัฐประหาร นโยบายต่างประเทศของไทยเป็นแบบตั้งรับ ขาดคุณค่าและเรื่องเล่าสำคัญ ในขณะที่พลวัตรของการเมืองโลกเปลี่ยนแปลงเร็วแต่ประเทศไทยกลับไม่สามารถตามความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นได้ นายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และรองประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวในการสัมมนาครั้งเดียวกันนี้ว่า ประเทศไทยจะต้องนิยามผลประโยชน์แห่งชาติเสียใหม่อย่างชัดเจน วิเคราะห์ความเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันทางอำนาจของโลกว่า เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของไทยและภูมิภาคนี้อย่างไร "การต่างประเทศถือเป็นเรื่องสำคัญมากที่สุดเรื่องหนึ่งของการเป็นรัฐบาลทุกรัฐบาล แต่ในตอนนี้กลับให้ความสำคัญน้อยมาก แต่ละกระทรวง ทบวง กรม ยังนิยามผลประโยชน์ของประเทศได้ไม่ชัด ยังมองไม่ออกว่าผลประโยชน์ของเราในแต่ละเรื่อง แต่ละประเทศคืออะไรกันแน่” นายเกียรติ ซึ่งเป็นอดีตผู้แทนการค้าไทยกล่าว ผศ.ดร.อรอร ภู่เจริญ ผู้อำนวยการสถาบันนโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีความเห็นต่างไปจากผู้ร่วมอภิปรายคนอื่นๆ เพราะมองว่า กิจการต่างประเทศไม่ได้จำกัดแอ ป ฟรี ส ปิ น coin masterอยู่เฉพาะการแสดงบทบาทของภาครัฐเท่านั้น เพราะภาครัฐกำลังลดความสำคัญลงมากในโลกยุคปัจจุบัน เธอเสนอให้มีการนิยามคำว่า “การต่างประเทศ” ใหม่ “การต่างประเทศ ไม่ได้มีแค่บทบาทของกระทรวงการต่างประเทศ มันเป็นบทบาทของทุกคน เมื่อเราไม่มีการนิยามตรงนี้ใหม่ เราก็ยิ่งแปลกแยกตัวเองออกมา ซึ่งจุดนี้มองว่าน่ากลัวที่สุด เราต้องมาคิดว่าเมื่อรัฐไม่ได้สำคัญแล้ว แล้วรัฐบาลที่รวมศูนย์แบบนี้จะไปต่อได้อย่างไร นอกจากรัฐที่หมดความสำคัญไปเรื่อยๆ นโยบายต่างประเทศต้องตีกว้างไปเลย มุมมองในเรื่องของการต่างประเทศต้องมีการพลิกเปลี่ยนกันใหม่” นายเทพชัย หย่อง จากไทยพีบีเอส เวิลด์ (Thai PBS World) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินรายการได้ตั้งคำถามสำคัญว่า ไทยควรแสดงบทบาทอย่างไรในอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัญหาวิกฤตการณ์พม่า ซึ่งเกิดขึ้นหลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ผู้ร่วมอภิปรายทั้งหมดเห็นว่า แม้ว่าอาเซียนไม่มีเอกภาพ และไทยเองก็มีความใกล้ชิดกับเมียนมามาก แต่ประเทศไทยควรจะแสดงบทบาทนำในอาเซียน และกระตือรือร้นที่จะช่วยคลี่คลายสถานการณ์เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน “ไทยน่าจะสามารถหาทางออกให้กับการเมืองภายในของเมียนมาได้ ในการทำอย่างไร ให้เป็นที่ยอมรับของประชาคมโลก เพราะถ้าเมียนมาไม่เป็นที่ยอมรับก็จะทำให้อาเซียนขาดเมียนมาไป” ศ.ดร.ฐิตินันท์ กล่าว ด้านนายสีหศักดิ์เห็นว่า ไทยยังขาดยุทธศาตร์ในการรับมือกับวิกฤตเมียนมา และมีบทบาทในอาเซียนน้อยเกินไปในการหาทางออก “สถานการณ์เมียนมาเป็นทั้งวิกฤตของเมียนมาเอง ของอาเซียน และของไทย นโยบายของเราต่อสถานการณ์เมียนมาไม่ได้มียุทธศาสตร์จริงๆ เรามองผลประโยชน์หรือประเด็นเฉพาะหน้าเท่านั้น” อดีตปลัดกระทรวงต่างประเทศ กล่าว เขาเสนอแนะว่า “เราต้องออกแรงมากกว่านี้ เราต้องคิดในแง่ของการเป็นด่านหน้า ในแง่ที่จะเป็นผู้นำ นำอาเซียนได้ แต่เรากลับแอบอยู่หลังอาเซียน ทั้งๆ ที่เรามีช่องทางติดต่อกับทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายทหารและฝ่ายต้องการประชาธิปไตย” ทั้งนายสีหศักดิ์ นายพิธาและ ผศ.ดร.อรอร เห็นพ้องกันว่า ประเทศไทยควรจะมีบทบาทนำในการให้ความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมแก่เมียนมา โดยการตั้งระเบียงมนุษยธรรม (humanitarian corridor) บริเวณชายแดนไทยเพราะประชาชนเมียนมาร์ไม่เพียงแต่เผชิญหน้ากับปัญหาทางด้านการเมืองเท่านั้น หากแต่ยังตกอยู่ในวิกฤตทางด้านเศรษฐกิจและปัญหาสาธารณสุขอันเนื่องมาจากการระบาดของโควิด-19 อีกด้วย ส่วนนายเกียรติเน้นว่า ไทยควรจะสามารถพูดปัญหาสิทธิมนุษยชนกับเมียนมาร์ได้ด้วย “สิ่งที่น่ากังวลของการต่างประเทศไทยของไทยก็คือ เราแสดงตัวเหมือนเราไม่มีค่านิยมหรือความเชื่อในเรื่องสิทธิมนุษยชน หลักการการไม่แทรกแซงมีไว้เพื่อเป็นข้อแก้ตัวในเรื่องบางเรื่องที่ไม่สำคัญ แต่เมื่อไหร่ที่ประเทศนั้นๆ ล้ำเส้นเกินกว่าค่านิยมของโลก เราต้องแทรกแซง” นายเกียรติกล่าว
สถานการณ์ในเยเมนเลวร้ายลง หลัง ปธน. เหตุการณ์ในเยเมน ชี้ชัดว่า ประธานาธิบดีเดินทางกลับประเทศเพื่อมาก
แอ ป ฟรี ส ปิ น coin master
วันนี้ (20 ก.ค.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปัตตานี ออกประกาศ พบไวรัสโควิดแอ ป ฟรี ส ปิ น coin master
กรณีนายสามารถ ที่พักบ้านโจด อายุ 58 ปี ก่อเหตุยิงเสียชีวิต 3 คน ในพื้นที่บ้านฝายหิน ต.โนนม่วง อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู ก่อนหลบหนีไปทาง อ.นากลาง ขณะที่ตำรวจเร่งติดตามตัว วันนี้ (27 พ.ย.2567) ผู้สื่อ
นักการทูต นักการเมืองและผู้เชี่ยวชาญเสนอให้ภาครัฐเร่งปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อให้ไทยสามารถกลับมามีบทบาทนำในภูมิภาคอาเซียนได้อีกครั้ง ข้อเสนอดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างการสัมมนาออนไลน์หัวข้อ “บทบาทการทูตและการต่างประเทศไทยในปัจจุบัน” จัดขึ้นเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2564 เป็นตอนแรก จากทั้งหมด 5 ตอน โดยมูลนิธิสุรินทร์ พิศสุวรรณ ร่วมกับสถาบันนโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, ไทยพีบีเอส (Thai PBS) และ เอเชีย นิวส์ เน็ตเวิร์ค (Asia News Network) นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายจากความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งในต่างประเทศและภายในประเทศ อันเนื่องมาจากการแข่งขันระหว่างมหาอำนาจ จีน รัสเซีย และสหรัฐอเมริกา การถดถอยของระบบพหุนิยม กฎเกณฑ์ของระเบียบโลก รวมตลอดถึงการแข่งขันทางด้านเทคโนโลยี แต่ประเทศไทยไม่สามารถแสดงบทบาทในเวทีระหว่างประเทศได้ ศ.ดร.ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การต่างประเทศของไทยอยู่ในภาวะตกต่ำ ประเทศไทยไม่ได้รับความสนใจจากนานาชาติ ฐิตินันท์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกิจการระหว่างประเทศ กล่าวในการสัมมนา ในขณะที่ประเทศไทยมีบุคลากรที่มีทักษะทางการทูต แต่กลับไม่สามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีคุณค่าเหล่านั้นได้ ศ.ดร.ฐิตินันท์เน้นว่า การต่างประเทศไทยคือการใช้ทุนของไทยมาอธิบายต่อชาวโลกว่าทำไมไทยถึงเป็นแบบนี้ เราจะเห็นว่าตั้งแต่การรัฐประหารมา 2 ครั้ง ภายใน 2 ทศวรรษที่ผ่านมา เราใช้ทรัพยากรมากมายเพื่ออธิบายในเวทีโลกว่า ทำไมถึงต้องมีการยึดอำนาจ การต่างประเทศออกมาในลักษณะขอไปที อยู่ไปวันๆ ทั้งๆ ที่พลวัตรในภูมิภาคเรามันเชี่ยวมาก แต่ไทยกลับหลบ เอาตัวรอดไปวันๆ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ประเทศไทยไม่มีจุดยืนทางการเมืองระหว่างประเทศที่ชัดเจน ทำให้ไม่มีที่ยืนในเวทีโลก เขาใช้คำพูดที่เป็นที่นิยมกันมาก ในหมู่นักการทูตไทยรุ่นเก่าว่า การต่างประเทศของไทยไม่มี “กระดูกสันหลัง” ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา หลังการรัฐประหาร นโยบายต่างประเทศของไทยเป็นแบบตั้งรับ ขาดคุณค่าและเรื่องเล่าสำคัญ ในขณะที่พลวัตรของการเมืองโลกเปลี่ยนแปลงเร็วแต่ประเทศไทยกลับไม่สามารถตามความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นได้ นายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และรองประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวในการสัมมนาครั้งเดียวกันนี้ว่า ประเทศไทยจะต้องนิยามผลประโยชน์แห่งชาติเสียใหม่อย่างชัดเจน วิเคราะห์ความเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันทางอำนาจของโลกว่า เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของไทยและภูมิภาคนี้อย่างไร "การต่างประเทศถือเป็นเรื่องสำคัญมากที่สุดเรื่องหนึ่งของการเป็นรัฐบาลทุกรัฐบาล แต่ในตอนนี้กลับให้ความสำคัญน้อยมาก แต่ละกระทรวง ทบวง กรม ยังนิยามผลประโยชน์ของประเทศได้ไม่ชัด ยังมองไม่ออกว่าผลประโยชน์ของเราในแต่ละเรื่อง แต่ละประเทศคืออะไรกันแน่” นายเกียรติ ซึ่งเป็นอดีตผู้แทนการค้าไทยกล่าว ผศ.ดร.อรอร ภู่เจริญ ผู้อำนวยการสถาบันนโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีความเห็นต่างไปจากผู้ร่วมอภิปรายคนอื่นๆ เพราะมองว่า กิจการต่างประเทศไม่ได้จำกัดแอ ป ฟรี ส ปิ น coin masterอยู่เฉพาะการแสดงบทบาทของภาครัฐเท่านั้น เพราะภาครัฐกำลังลดความสำคัญลงมากในโลกยุคปัจจุบัน เธอเสนอให้มีการนิยามคำว่า “การต่างประเทศ” ใหม่ “การต่างประเทศ ไม่ได้มีแค่บทบาทของกระทรวงการต่างประเทศ มันเป็นบทบาทของทุกคน เมื่อเราไม่มีการนิยามตรงนี้ใหม่ เราก็ยิ่งแปลกแยกตัวเองออกมา ซึ่งจุดนี้มองว่าน่ากลัวที่สุด เราต้องมาคิดว่าเมื่อรัฐไม่ได้สำคัญแล้ว แล้วรัฐบาลที่รวมศูนย์แบบนี้จะไปต่อได้อย่างไร นอกจากรัฐที่หมดความสำคัญไปเรื่อยๆ นโยบายต่างประเทศต้องตีกว้างไปเลย มุมมองในเรื่องของการต่างประเทศต้องมีการพลิกเปลี่ยนกันใหม่” นายเทพชัย หย่อง จากไทยพีบีเอส เวิลด์ (Thai PBS World) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินรายการได้ตั้งคำถามสำคัญว่า ไทยควรแสดงบทบาทอย่างไรในอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัญหาวิกฤตการณ์พม่า ซึ่งเกิดขึ้นหลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ผู้ร่วมอภิปรายทั้งหมดเห็นว่า แม้ว่าอาเซียนไม่มีเอกภาพ และไทยเองก็มีความใกล้ชิดกับเมียนมามาก แต่ประเทศไทยควรจะแสดงบทบาทนำในอาเซียน และกระตือรือร้นที่จะช่วยคลี่คลายสถานการณ์เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน “ไทยน่าจะสามารถหาทางออกให้กับการเมืองภายในของเมียนมาได้ ในการทำอย่างไร ให้เป็นที่ยอมรับของประชาคมโลก เพราะถ้าเมียนมาไม่เป็นที่ยอมรับก็จะทำให้อาเซียนขาดเมียนมาไป” ศ.ดร.ฐิตินันท์ กล่าว ด้านนายสีหศักดิ์เห็นว่า ไทยยังขาดยุทธศาตร์ในการรับมือกับวิกฤตเมียนมา และมีบทบาทในอาเซียนน้อยเกินไปในการหาทางออก “สถานการณ์เมียนมาเป็นทั้งวิกฤตของเมียนมาเอง ของอาเซียน และของไทย นโยบายของเราต่อสถานการณ์เมียนมาไม่ได้มียุทธศาสตร์จริงๆ เรามองผลประโยชน์หรือประเด็นเฉพาะหน้าเท่านั้น” อดีตปลัดกระทรวงต่างประเทศ กล่าว เขาเสนอแนะว่า “เราต้องออกแรงมากกว่านี้ เราต้องคิดในแง่ของการเป็นด่านหน้า ในแง่ที่จะเป็นผู้นำ นำอาเซียนได้ แต่เรากลับแอบอยู่หลังอาเซียน ทั้งๆ ที่เรามีช่องทางติดต่อกับทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายทหารและฝ่ายต้องการประชาธิปไตย” ทั้งนายสีหศักดิ์ นายพิธาและ ผศ.ดร.อรอร เห็นพ้องกันว่า ประเทศไทยควรจะมีบทบาทนำในการให้ความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมแก่เมียนมา โดยการตั้งระเบียงมนุษยธรรม (humanitarian corridor) บริเวณชายแดนไทยเพราะประชาชนเมียนมาร์ไม่เพียงแต่เผชิญหน้ากับปัญหาทางด้านการเมืองเท่านั้น หากแต่ยังตกอยู่ในวิกฤตทางด้านเศรษฐกิจและปัญหาสาธารณสุขอันเนื่องมาจากการระบาดของโควิด-19 อีกด้วย ส่วนนายเกียรติเน้นว่า ไทยควรจะสามารถพูดปัญหาสิทธิมนุษยชนกับเมียนมาร์ได้ด้วย “สิ่งที่น่ากังวลของการต่างประเทศไทยของไทยก็คือ เราแสดงตัวเหมือนเราไม่มีค่านิยมหรือความเชื่อในเรื่องสิทธิมนุษยชน หลักการการไม่แทรกแซงมีไว้เพื่อเป็นข้อแก้ตัวในเรื่องบางเรื่องที่ไม่สำคัญ แต่เมื่อไหร่ที่ประเทศนั้นๆ ล้ำเส้นเกินกว่าค่านิยมของโลก เราต้องแทรกแซง” นายเกียรติกล่าว
สถานการณ์ในเยเมนเลวร้ายลง หลัง ปธน. เหตุการณ์ในเยเมน ชี้ชัดว่า ประธานาธิบดีเดินทางกลับประเทศเพื่อมาก