วันนี้(7 ม.ค. 64) สถานการณ์โควิด -19 ที่แพร่ระบาดรอบ 2 ส่งผลกระทบต่อหลายภาคธุรกิจและกลุ่มคนในสังคม เช่นเดียวกับกลุ่มคนไร้บ้าน คนจนเมือง ที่กำลังขาดรายได้ ไม่มีที่อยู่ และเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 ท
เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2564 นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ครั้งที่ 2/2564 ได้หารือและขอความเห็นชอบต่อแนวปฏิบัติด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ เ
เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2564 นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ครั้งที่ 2/2564 ได้หารือและขอความเห็นชอบต่อแนวปฏิบัติด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ เพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 เนื่องจากยังพบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นและมีผู้เสียชีวิตต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอายุ 20-59 ปี คิดเป็นร้อยละ 82.7 ประกอบกับขณะนี้ข้อมูลที่เผยแพร่เกี่ยวกับผลจากการฉีดวัคซีน COVID-19 ทำให้ประชาชนหลายกลุ่มขาดความเชื่อมั่น และมีความกังวลใจในการรับวัคซีน โดยเฉพาะ 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มหญิงที่ใช้การคุมกำเนิดชนิดที่มีฮอร์โมน 2.กลุ่มคนไข้นรีเวชที่ใช้ฮอร์โมนในการรักษา 3.กลุ่ม Transgender ที่ใช้ฮอร์โมนเพศหญิง และ 4.กลุ่มชาย-หญิงวัยทอง ที่ใช้ฮอร์โมนทดแทน รมช.สาธารณสุข ระบุอีกว่า ก่อนการประชุมครั้งนี้ กรมอนามัยได้หารือและจัดทำแนวปฏิบัติด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยปลิ้งค์โหลดเกมส์น่ะค่ะ https //tm.918kiss.com/ระชุมร่วมกับราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีน COVID-19 สมาคมอนามัยการเจริญพันธุ์ (ไทย) กรมควบคุมโรค มหาวิทยาลัยมหิดล สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี และองค์การเภสัชกรรม ซึ่งได้ข้อสรุปตามที่เสนอคณะกรรมการพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติพิจารณาและเห็นชอบ ดังนี้ นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ขอให้ประชาชน 4 กลุ่มดังกล่าว เชื่อมั่นว่าวัคซีนที่ได้รับอนุมัติให้ใช้ในภาวะฉุกเฉิน ได้ผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบโดยผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา ซึ่งบางรายอาจเกิดอาการไม่พึงประสงค์บ้าง แต่ส่วนใหญ่เป็นอาการเล็กน้อย สำหรับยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนที่มีอยู่ในปัจจุบัน มีทั้งแบบที่เป็นยาเม็ด ยาฉีด ยาฝังที่ใต้ผิวหนัง และแผ่นแปะที่ผิวหนัง แต่วิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ ยาเม็ดแบบกินชนิดที่มีฮอร์โมนรวม เพราะนอกจากจะมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการตั้งครรภ์แล้ว ยังมีผลข้างเคียงน้อย ซึ่งได้รับการวิจัยและพัฒนาด้านความปลอดภัยมาอย่างต่อเนื่องนานกว่า 50 ปี ดังนั้น หากยังมีความกังวลใจและต้องการหยุดการใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมน ควรใช้วิธีการคุมกำเนิดอื่น ๆ มาทดแทนเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ ได้แก่ ยาเม็ดหรือยาฉีดคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเพียงอย่างเดียว ห่วงอนามัย ยาฝังคุมกำเนิด และถุงยางอนามัย ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำในการปรับเปลี่ยนวิธีการคุมกำเนิดด้วย ข่าวที่เกี่ยวข้อง “หญิงท้อง-ให้นมลูก” ฉีดวัคซีนโควิดได้-พิจารณาตามความเสี่ยง
วันนี้ (17 พ.ค.2565) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำปี 2566 ตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ได้เห็นชอบแผน
ความชัดเจนเรื่องหนึ่งในการประชุมสภาฯ นัดแรก เลือกประธานและรองประธานสภาฯ เมื่อวันที่ 4 ก.ค.2566 คือ น