วันนี้ (31 ส.ค.2567) แกนนำพรรคประชาชน ลงพื้นที่ อ.

นายถวิล เปลี่ยนศรี เข้ายื่นหนังสือร้องเรียน ต่อ ก.พ.ค.ร้องนายกรัฐมนตรีใช้อำนาจในการแต่งตั้งโยกย้ายไม่เป็นไปตามระบบคุณธรรม ขณะที่เห็นด้วยกับข้าราชการสภาความมั่นคงแห่งชาติที่อยากให้ตำแหน่งเลขาธิการ ต้อง
วันนี้ (22 เม.ย.2566) เวลา 16.00 น. เกิดฝนตกและพายุลูกเห็บ 3 ตำบลคือ ต.ยั้งเมิน ต.สะเมิงเหนือ ต.แม่สาบ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ ซึ่ง อปท.ในพื้นที่อยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย ต่อมา เวลา 17.00 น. เกิดลูก
เว็บไซต์มิวเซียมสยาม (Museum Siam) โดยพระมหาอิสระ ชัยภักดี ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ตีความ "บัณเฑาะก์" เป็นกะเทย บวชพระได้ไหม? อย่างน่าสนใจว่า สังคมส่วนใหญ่มักเริ่มต้นประเด็นที่บุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQ+ ไม่สามารถอุปสมบทเป็นพระสงฆ์ได้ โดยนำเอาข้อความในพระไตรปิฎกมาเป็นที่ตั้งว่า นั่นหมายถึง "ห้ามบัณเฑาะก์บวช" หากบวชแล้วก็ต้องให้สึก แต่เมื่อพิจารณาคำว่า "บัณเฑาะก์" นั้นหมายถึงใคร กินความแค่ไหน หรือมีการตีความไว้ว่าอย่างไรบ้าง ข้อมูลจากคัมภีร์อรรถกถา ซึ่งเป็นคัมภีร์ที่พระมหาเถระ ได้ร่วมกันพิจารณาขยายความถึงข้ออรรถ ข้อธรรมต่างๆ อธิบายเพื่อให้เข้าใจได้ง่าย จะพบว่าในคัมภีร์สมันตปาสาทิกา ในข้อว่า "บัณเฑาะก์" พระอรรถกถาจารย์อธิบายขยายความแยกออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่ อรรถกากล่าวว่า "อาสิตตบัณเฑาะก์" และ "อุสุยยบัณเฑาะก์" สามารถบวชได้ "ปักขบัณเฑาะก์" สามารถบวชได้ในวันที่ไม่มีกำหนัด ส่วน "โอปักกมิยบัณเฑาะก์" และ "นปุงสกัปบัณเฑาะก์" นั้นไม่สามารถบวชได้ การอนุญาตให้บัณเฑาะก์บวช พระอรรถกถาจารย์ หมายความว่า ต้องเป็นบัณเฑาะก์ก่อนที่จะเข้ารับการอุปสมบท เมื่อบัณเฑาะก์ผู้นั้นมีความประสงค์ที่จะเลือกเพศสภาพแห่งความเป็นชาย ละทิ้งกริยาอาการแห่งหญิง ตั้งใจที่จะมาอุปสมบทบำเพ็ญภาวนา ก็สามารถที่จะกระทำได้ แต่เมื่อบวชแล้วต้องบังคับข่มใจสละ ความประพฤติเ918kiss slot gameยู ฟ่า ออนไลน์ดิมนั้นออกเสีย คือเมื่อเลือกที่จะบวชแล้ว ถือได้ว่าเป็นการเลือกเพศสภาพแห่งความเป็นชายของตน ข่มจิตใจอาการแห่งความเป็นหญิงไม่ให้ฟุ้งซ่านขึ้น การอธิบายของพระอรรถกถาจารย์นี้ สะท้อนให้เห็นถึงการเปิดโอกาสของพระพุทธศาสนา ส่วนประเภทที่ห้ามบวชนั้นล้วนมีปัญหาเกี่ยวกับเพศกำเนิดทางกายภาพที่บกพร่อง ในส่วนของผู้ทำการบวชให้ ได้แก่ ประชุมสงฆ์อันมีพระอุปัชฌาย์เป็นประธาน พระอุปัชฌาย์นี้ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบกุลบุตรผู้ที่เข้ามาขออุปสมบทว่าสามารถบวชได้หรือไม่ ในขั้นตอนนี้พระอุปัชฌาย์จะถามอันตรายิกธรรมกับนาคท่ามกลางหมู่สงฆ์ หนึ่งในนั้นมีข้อหนึ่งถามว่า พระอุปัชฌาย์จึงจะอุปสมบทให้ ในขั้นตอนนี้จึงถือเป็นการคัดกรอง สอบถามความแน่ใจและย้ำเตือนบุคคลที่จะเข้ามาอุปสมบทถึงการเลือกและยอมรับการปฏิบัติอย่างสมณเพศ ถึงจุดนี้คงได้คำตอบแล้วว่า "บัณเฑาะก์" สามารถบวชได้หรือไม่ แต่สิ่งที่ควรพิจารณามากกว่าคือ เมื่อบวชแล้วจะประพฤติตนอย่างไรมากกว่า กระแสความเชื่อเรื่องบาปบุญกุศลจากอดีต ยังคงส่งต่อสู่ปัจจุบัน อาจเกิดช่องทางสร้างความเชื่อที่หลากหลายได้ ในขณะเดียวกัน เมื่อพุทธศาสนาเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจเข้ามาประพฤติปฏิบัติ ตามความศรัทธาของตนแล้ว พระภิกษุสามเณรนั้นควรจะต้องยกระดับประคับประคองจิตใจ ให้ไม่ก้าวล่วงพระธรรมวินัยด้วยเช่นกัน จีวร เป็นเครื่องแบบ (Uniform) ที่ย้ำเตือนให้ภิกษุต้องระมัดระวังในการประพฤติปฏิบัติตน ต้องข่มกลั้นจิตใจ ต้านทานต่อกระแสโลก กระแสความต้องการของตน 13 เหตุขัดขวางที่คู่พระผู้สวดจะถามผู้อุปสมบทในพิธี ส่วนใหญ่มีที่มาจากเหตุในอดีตที่ทำให้หมู่คณะภิกษุสงฆ์ต้องมัวหมอง ซึ่งในพระไตรปิฎกและอรรถกถาแสดงไว้ ได้แก่ 5 คำถามแรกนี้ ผู้อุปสมบทต้องตอบว่า นตฺถิ ภนฺเต (นัตถิ ภันเต) ซึ่งแปลว่า ไม่ ในอดีตนั้นมีคนเป็นโรคมาขอบวช เพื่อให้หมอเทวดา ชีวกโกมารภัจจ์ รักษา (ปกติหมอเทวดาจะรักษาเฉพาะกษัตริย์ กับภิกษุสงฆ์เท่านั้น) พอรักษาหายแล้วก็สึก ไม่ได้ตั้งใจมาบวชเพื่อศึกษาพระธรรมของพระพุทธเจ้า ส่วน 8 ข้อหลังต้องตอบว่า อาม ภนฺเต (อามะ ภันเต) แปลว่า ใช่ครับ ที่มา : มิวเซียมสยาม
เว็บไซต์มิวเซียมสยาม (Museum Siam) โดยพระมหาอิสระ ชัยภักดี ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ตีความ "บัณเฑาะก์" เป็
กลุ่มวิจัยด้านวิศวกรรมหุ่นยนต์จากประเทศญี่ปุ่นได้พัฒนาแขนขาหุ่นยนต์คล้ายกับแมงมุมประกอบด้วยแขนกลทั้ง
ความเดิม #EP01 : เปิดเผยให้เห็นงบประมาณทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้าง โครงการเสาไฟฟ้าประติ
เว็บไซต์มิวเซียมสยาม (Museum Siam) โดยพระมหาอิสระ ชัยภักดี ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ตีความ "บัณเฑาะก์" เป็นกะเทย บวชพระได้ไหม? อย่างน่าสนใจว่า สังคมส่วนใหญ่มักเริ่มต้นประเด็นที่บุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQ+ ไม่สามารถอุปสมบทเป็นพระสงฆ์ได้ โดยนำเอาข้อความในพระไตรปิฎกมาเป็นที่ตั้งว่า นั่นหมายถึง "ห้ามบัณเฑาะก์บวช" หากบวชแล้วก็ต้องให้สึก แต่เมื่อพิจารณาคำว่า "บัณเฑาะก์" นั้นหมายถึงใคร กินความแค่ไหน หรือมีการตีความไว้ว่าอย่างไรบ้าง ข้อมูลจากคัมภีร์อรรถกถา ซึ่งเป็นคัมภีร์ที่พระมหาเถระ ได้ร่วมกันพิจารณาขยายความถึงข้ออรรถ ข้อธรรมต่างๆ อธิบายเพื่อให้เข้าใจได้ง่าย จะพบว่าในคัมภีร์สมันตปาสาทิกา ในข้อว่า "บัณเฑาะก์" พระอรรถกถาจารย์อธิบายขยายความแยกออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่ อรรถกากล่าวว่า "อาสิตตบัณเฑาะก์" และ "อุสุยยบัณเฑาะก์" สามารถบวชได้ "ปักขบัณเฑาะก์" สามารถบวชได้ในวันที่ไม่มีกำหนัด ส่วน "โอปักกมิยบัณเฑาะก์" และ "นปุงสกัปบัณเฑาะก์" นั้นไม่สามารถบวชได้ การอนุญาตให้บัณเฑาะก์บวช พระอรรถกถาจารย์ หมายความว่า ต้องเป็นบัณเฑาะก์ก่อนที่จะเข้ารับการอุปสมบท เมื่อบัณเฑาะก์ผู้นั้นมีความประสงค์ที่จะเลือกเพศสภาพแห่งความเป็นชาย ละทิ้งกริยาอาการแห่งหญิง ตั้งใจที่จะมาอุปสมบทบำเพ็ญภาวนา ก็สามารถที่จะกระทำได้ แต่เมื่อบวชแล้วต้องบังคับข่มใจสละ ความประพฤติเ918kiss slot gameยู ฟ่า ออนไลน์ดิมนั้นออกเสีย คือเมื่อเลือกที่จะบวชแล้ว ถือได้ว่าเป็นการเลือกเพศสภาพแห่งความเป็นชายของตน ข่มจิตใจอาการแห่งความเป็นหญิงไม่ให้ฟุ้งซ่านขึ้น การอธิบายของพระอรรถกถาจารย์นี้ สะท้อนให้เห็นถึงการเปิดโอกาสของพระพุทธศาสนา ส่วนประเภทที่ห้ามบวชนั้นล้วนมีปัญหาเกี่ยวกับเพศกำเนิดทางกายภาพที่บกพร่อง ในส่วนของผู้ทำการบวชให้ ได้แก่ ประชุมสงฆ์อันมีพระอุปัชฌาย์เป็นประธาน พระอุปัชฌาย์นี้ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบกุลบุตรผู้ที่เข้ามาขออุปสมบทว่าสามารถบวชได้หรือไม่ ในขั้นตอนนี้พระอุปัชฌาย์จะถามอันตรายิกธรรมกับนาคท่ามกลางหมู่สงฆ์ หนึ่งในนั้นมีข้อหนึ่งถามว่า พระอุปัชฌาย์จึงจะอุปสมบทให้ ในขั้นตอนนี้จึงถือเป็นการคัดกรอง สอบถามความแน่ใจและย้ำเตือนบุคคลที่จะเข้ามาอุปสมบทถึงการเลือกและยอมรับการปฏิบัติอย่างสมณเพศ ถึงจุดนี้คงได้คำตอบแล้วว่า "บัณเฑาะก์" สามารถบวชได้หรือไม่ แต่สิ่งที่ควรพิจารณามากกว่าคือ เมื่อบวชแล้วจะประพฤติตนอย่างไรมากกว่า กระแสความเชื่อเรื่องบาปบุญกุศลจากอดีต ยังคงส่งต่อสู่ปัจจุบัน อาจเกิดช่องทางสร้างความเชื่อที่หลากหลายได้ ในขณะเดียวกัน เมื่อพุทธศาสนาเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจเข้ามาประพฤติปฏิบัติ ตามความศรัทธาของตนแล้ว พระภิกษุสามเณรนั้นควรจะต้องยกระดับประคับประคองจิตใจ ให้ไม่ก้าวล่วงพระธรรมวินัยด้วยเช่นกัน จีวร เป็นเครื่องแบบ (Uniform) ที่ย้ำเตือนให้ภิกษุต้องระมัดระวังในการประพฤติปฏิบัติตน ต้องข่มกลั้นจิตใจ ต้านทานต่อกระแสโลก กระแสความต้องการของตน 13 เหตุขัดขวางที่คู่พระผู้สวดจะถามผู้อุปสมบทในพิธี ส่วนใหญ่มีที่มาจากเหตุในอดีตที่ทำให้หมู่คณะภิกษุสงฆ์ต้องมัวหมอง ซึ่งในพระไตรปิฎกและอรรถกถาแสดงไว้ ได้แก่ 5 คำถามแรกนี้ ผู้อุปสมบทต้องตอบว่า นตฺถิ ภนฺเต (นัตถิ ภันเต) ซึ่งแปลว่า ไม่ ในอดีตนั้นมีคนเป็นโรคมาขอบวช เพื่อให้หมอเทวดา ชีวกโกมารภัจจ์ รักษา (ปกติหมอเทวดาจะรักษาเฉพาะกษัตริย์ กับภิกษุสงฆ์เท่านั้น) พอรักษาหายแล้วก็สึก ไม่ได้ตั้งใจมาบวชเพื่อศึกษาพระธรรมของพระพุทธเจ้า ส่วน 8 ข้อหลังต้องตอบว่า อาม ภนฺเต (อามะ ภันเต) แปลว่า ใช่ครับ ที่มา : มิวเซียมสยาม
วันนี้ (26 ธ.ค.2567) เวลาประมาณ 20.00 น. นายพัฒนพล มินทะขิน หรือ "ดีเจแมน" หรือดีเจแมน เดินทางออกจาก