วันนี้ (30 ก.ย.2565) ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์เฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics ระบุว่า จากฐานข้อมูลรหัสพันธุกรรมโควิดโลก “GISAID” พบโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2.75.2 ในประเทศไทยเ

สิงคโปร์ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันให้ยกเลิกกฎหมายความมั่นคงภายใน หลังจากมาเลเซียประกาศจะยกเลิกกฎหมายนี้ รวมทั้งจะผ่อนปรนกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการประท้วง และการรายงานข่าวของสื่อมวลชน กลุ่มสิทธิมนุษยชน และกลุ่มฝ่ายค้านระบุว่าสิงคโปร์จำเป็นต้องยกเลิกกฎหมายความมั่นคงภายใน หรือ ไอเอสเอ ซึ่งอนุญาตให้มีการควบคุมตัวโดยปราศจากการไต่สวนได้ และนักวิจารณ์มองว่ากฎหมายนี้เป็นเครื่องมือในการกำจัดผู้ที่แข็งข้อต่อรัฐบาล สิงคโปร์ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันนี้ หลังจากนายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ประเทศเพื่อนบ้านได้ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าจะยกเลิกกฎหมายไอเอสเอ และจะผ่อนปรนกฎหมายอื่นๆ ที่ถูกมองว่าเป็นการจำกัดสิทธิพลเมือง รวมถึงกฎเกณฑ์ในการประท้วงและการต่อใบอนุญาตของสื่อมวลชน แต่สิงคโปร์ยังคงยืนกรานที่จะคงไอเอสเอไว้ต่อไป เพื่อรักษาความเป็นเอกภาพของสังคม เดิมที กฎหมายนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้จัดการกับกองโจรคอมมิวนิสต์ในสมัยที่ทั้งสิงคโปร์ และมาเลเซียตกอยู่ภายใต้อาณานิคมของอังกฤษในช่วงทศวรรษที่ 1960 ต่อมาสิงคโปร์เป็นอิสระจากมาเลเซียในปี 2508 และทั้ง 2 ประเทศยังบังคับใช้กฎหมายนี้ต่อไป รัฐมนตรีมหาดไทยของสิงคโปร์ระบุในแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ว่า ไอเอสเอถูกใช้เพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามที่เกี่ยวข้องกับบ่อนทำลายประเทศ ความรุนแรงด้านเชื้อชาติและศาสนา การก่อการร้าย และสายลับ แต่ไม่ได้ใช้เพื่อกำจัดผู้แข็งข้อทางการเมือง และไม่เคยมีใครถูกควบคุมตัวเพราะเหตุผลความเชื่อทางการเมือง โดยผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อการร้ายอิสลาม 3 คน ซึ่งถูกส่งตัวกลับมาดำเนินคดีที่สเกม ออนไลน์ เครดิต ฟรีิงคโปร์ ก็กำลังถูกควบคุมตัวด้วยกฎหมายนี้ ขณะที่ผลการสำรวจความคิดเห็น และเว็บไซต์ทางการเมืองอิสระต่างๆเริ่มเรียกร้องให้มีการยกเลิกกฎหมายนี้ โดยเห็นว่าสิงคโปร์จะพัฒนาด้านสิทธิมนุษยชน์อย่างก้าวกระโดด หากเลียนแบบมาเลเซียในการยกเลิกกฎหมายนี้ กลุ่มสิทธิมนุษยชน และกลุ่มฝ่ายค้านระบุว่าสิงคโปร์จำเป็นต้องยกเลิกกฎหมายความมั่นคงภายใน หรือ ไอเอสเอ ซึ่งอนุญาตให้มีการควบคุมตัวโดยปราศจากการไต่สวนได้ และนักวิจารณ์มองว่ากฎหมายนี้เป็นเครื่องมือในการกำจัดผู้ที่แข็งข้อต่อรัฐบาล สิงคโปร์ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันนี้ หลังจากนายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ประเทศเพื่อนบ้านได้ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าจะยกเลิกกฎหมายไอเอสเอ และจะผ่อนปรนกฎหมายอื่นๆ ที่ถูกมองว่าเป็นการจำกัดสิทธิพลเมือง รวมถึงกฎเกณฑ์ในการประท้วงและการต่อใบอนุญาตของสื่อมวลชน แต่สิงคโปร์ยังคงยืนกรานที่จะคงไอเอสเอไว้ต่อไป เพื่อรักษาความเป็นเอกภาพของสังคม เดิมที กฎหมายนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้จัดการกับกองโจรคอมมิวนิสต์ในสมัยที่ทั้งสิงคโปร์ และมาเลเซียตกอยู่ภายใต้อาณานิคมของอังกฤษในช่วงทศวรรษที่ 1960 ต่อมาสิงคโปร์เป็นอิสระจากมาเลเซียในปี 2508 และทั้ง 2 ประเทศยังบังคับใช้กฎหมายนี้ต่อไป รัฐมนตรีมหาดไทยของสิงคโปร์ระบุในแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ว่า ไอเอสเอถูกใช้เพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามที่เกี่ยวข้องกับบ่อนทำลายประเทศ ความรุนแรงด้านเชื้อชาติและศาสนา การก่อการร้าย และสายลับ แต่ไม่ได้ใช้เพื่อกำจัดผู้แข็งข้อทางการเมือง และไม่เคยมีใครถูกควบคุมตัวเพราะเหตุผลความเชื่อทางการเมือง โดยผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อการร้ายอิสลาม 3 คน ซึ่งถูกส่งตัวกลับมาดำเนินคดีที่สิงคโปร์ ก็กำลังถูกควบคุมตัวด้วยกฎหมายนี้ ขณะที่ผลการสำรวจความคิดเห็น และเว็บไซต์ทางการเมืองอิสระต่างๆเริ่มเรียกร้องให้มีการยกเลิกกฎหมายนี้ โดยเห็นว่าสิงคโปร์จะพัฒนาด้านสิทธิมนุษยชน์อย่างก้าวกระโดด หากเลียนแบบมาเลเซียในการยกเลิกกฎหมายนี้

ความเคลื่อนไหวกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แพ้โหวตนายกรัฐมนตรีรอบแรก เนื่องจากได้รับเสียง 324 เสียงทำให้ยังไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ในโลกออนไลน์กระแสการเมืองยังคงเดือด แฮชแท็กล่

สิงคโปร์ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันให้ยกเลิกกฎหมายความมั่นคงภายใน หลังจากมาเลเซียประกาศจะยกเลิกกฎหมายนี้ รว

นิยายชีวิต โดย : Ahmad Fikri Noor
เรื่องและภาพโดย : Ahmad Fikri Noor
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” ได้ที่นี่..