วันนี้ (28 ส.ค.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาจนถึงช่วงเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่กู้pg sl🦩🏆ot 🏖️โปร โม ช🧜♀️🍐🌈🎤ั🍧่ น.
ตำรวจจีน😍-ไต้หวันทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ต🎪🌭ำรวจจีน และไต้หวันประสานความร่วมมือบุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั่วทวีปเอเชีย ที่ประเมินว่าสร้🎢างความเสียหายมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาท ตำรวจจีน-ไต้หวั🐙🈵🌽นทลายแก๊งคอล🧚♀️เซ็นเ
ทอล์กออฟเดอะทาวน์ข้ามคืนหลัง นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง ประกาศกลางเวทีในงานสัมมนาหนึ่งว่า รัฐบาลมีแนวคิดปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เป็น 15% และปรับภาษีเงินได้นิติบุคคล 15% ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ขรมทั้งเมืองว่า รัฐบาลเพื่อไทย ถังแตกจนต้องใช้วิธีนี้รีดภาษีประชาชนเลยหรือ ล่าสุดนายพิชัยออกมาแก้เกี้ยวว่า ยังอยู่แค่ขั้นตอนการศึกษาเท่านั้น เนื่องจากหลายประเทศมีการปรับขึ้นภาษี ขณะที่ไทยยังคงใช้ฐานการเก็บภาษีอยู่ที่ 7% แม้ที่ผ่านมา ครม.เคยมีมติปรับขึ้นจาก 7% เป็น 10% ยังต้องขอกลับมติมาใช้ 7% เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าใช่จ่ายของประชาชน จึงต้องศึกษาข้อดี-ข้อเสียก่อน นาย พิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรมว.คลัง นาย พิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรมว.คลัง การโยนหินถามทาง แทบหาทางกลับบ้านไม่ถูก ในภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ คนตกงานจำนวนไม่น้อย หลังบริษัทเลิกจ้างเพื่อลดค่าใช้จ่าpg slot โปร โม ชั่ น.ย ไม่เพียงส่งผลสะเทือนต่อนโบายของรัฐบาลเท่านั้น แต่ "แพทองธาร ชินวัตร" นายกรัฐมนตรีก็ไม่พ💡ร้อมจะรับเผือกร้อนไว้ในมือ โดยโบ้ยว่า ให้เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีคลังพิจารณา ข้อมูลจากสำนักปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ระบุว่า ไทย เริ่มมีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มครั้งแรกในปี พ.ศ.2535 ตามกฎหมายที่ออกไว้ครั้งแรก การจัดเก็บภาษีของไทย คือ 10% ไม่ใช่ 7% แบบที่จ่ายทุกวันนี้ โดยภาษีมูลค่าเพิ่ม 10% แบ่งออกเป็น ภาษีมูลค่าเพิ่มที่เก็บจริง 9% ภาษีท้องถิ่น 1% ส่วนเหตุผลที่เก็บเพียง 7% จากตั้งไว้ที่ 10% เนื่องจากมีการออกพระราชกฤษฎีกาลดอัตราภาษีเพื่อภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน ทำให้ภาษีมูลค่าเพิ่มที่เก็บจริง ลดจาก 9% เหลือ 6.3% ส่วนภาษีท้องถิ่น ลดจาก 1% เหลือ 0.7% รวมกันเป็นภาษีมูลค่าเพิ่มที่ใช้กัน 7% และใช้มาจนถึงปัจจุบัน คนไทยจึงคุ้นชินกับตัวเลข ภาษี 7% กระทั่งเข้าสู่รัฐบาลเพื่อไทย 2 ที่มีแผนจะปรับโครงสร้างภาษี 15-15-15 อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลเดินหน้าเก็บภาษีจริง ผลกระทบที่จะเกิดขึ้น นอกจากค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันที่เพิ่มขึ้นแล้ว ราคาสินค้าและบริการจะต้องปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากภาษีเพิ่มขึ้นเป็น 15% ประชาชนต้องจ่ายเงินเพิ่ม สำหรับสินค้าจำเป็น เช่น อาหาร น้ำมัน หรือบริการสาธารณูปโภค ซึ่งกลุ่มรายได้น้อยได้รับผลกระทบหนักสุด ด้วยว่า รายได้ส่วนใหญ่ต้องใช้ไปกับสินค้าและบริการพื้นฐาน เมื่อการบริโภคลดลงประชาชนลดการใช้จ่ายในสินค้าฟุ่มเฟือยหรือบริการที่ไม่จำเป็น ก็จะส่งผลกระทบเป็นห่วงโซ่ไปยังภาคธุรกิจ ที่ต้องปรับราคาสินค้าและบริการให้สอดคล้องกับภาษี ส่งผลให้ยอดขายลดลง ผู้ประกอบการรายย่อยอาจเสียเปรียบในการแข่งขัน ผู้บริโภคลดความต้องการสินค้าและบริการ ส่งผลกระทบต่อรายได้ของธุรกิจ เลวร้ายสุดอาจถึงขึ้นปิดกิจการเพราะไปต่อไม่ไหว ในขณะที่ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม เมื่อการบริโภคภายในประเทศที่ลดลงส่งผลกระทบต่ออัตราการเติบโตของเศรษฐกิจชะลอตัวลง ธุรกิจบางส่วนอาจต้องปิดตัวลงหรือลดขนาดกิจการ ความเหลื่อมล้ำทางสังคมเพิ่มขึ้น หากรัฐบาลไม่มีมาตรการช่วยเหลือ เช่น การลดภาษีสินค้าจำเป็น หรือให้สวัสดิการเพิ่มเติม คนรายได้น้อยจะได้รับผลกระทบมากกว่า นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้อำนวยการสถาบันยุทธศาสตร์การค้า มหาวิทยาลัยหอ การค้าไทย กล่าวกับ "ไทยพีบีเอสออนไลน์" ว่า การเสนอขึ้นภาษีเป็น 15 กระทรวงการคลังต้องมอง 2 มุม ประเด็นแรก ไทยมีรายได้หลักจาก "ภาษี" ทุกครั้งที่ใช้จ่ายจะถูกหักภาษีทันที่ 7% ดังนั้นการเพิ่มภาษีจาก 7% เป็น 10% ทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้น สามารถนำไปจัดสรรในการพัฒนาโครงการต่าง ๆ ตามนโยบาย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างรายได้ของภาครัฐ นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้อำนวยการสถาบันยุทธศาสตร์การค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้อำนวยการสถาบันยุทธศาสตร์การค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เช่นนั้นประเทศไทยควรขึ้นภาษีหรือไม่ ? ผอ.ยุทธศาสตร์การค้า กล่าวว่า ในอดีตไทยมีภาษี ที่ 10% และหลังจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจรัฐบาลมีการปรับลดภาษีลง เหลือ 7% เพื่อกระตุ้นการบริโภคภาคประชาชน หลังจากนั้นไทยไม่เคยขึ้นภาษี เป็นการต่อภาษี 7% มาทุกปี เพราะในแต่ละปีจะมีการขออนุมัติใช้อัตราภาษีที่ 7% ทำให้คนไทยจำว่าภาษีของไทย หลังจากที่ไทย ยืนภาษีที่ 7% มายาวนาน รัฐบาลปัจจุบันก็กลับมาทบทวนว่าถึงเวลาที่จะขึ้นภาษีเพื่อหารายได้เข้ารัฐ แต่แทนที่จะปรับจาก 7% เป็น 10% ก็ขึ้นไปที่15% แบบก้าวกระโดด ในมุมมอง ควรกลับไปที่ 10% เพื่อทดสอบระบบว่า เงินเฟ้อจะพุ่งสูงหรือไม่ กระทบกับค่าครองชีพของคนไทยอย่างไรบ้าง เพราะผลกระทบที่จะเกิดขึ้นทั้งภาคประชาชนและธุรกิจ เนื่องจากการปรับภาษีจาก 7% เป็น 10% อาจจะดีและไม่ดีในมุมมองเดียวกัน ผู้ประกอบการ แม้การขึ้นภาษีจะเป็นผลดีกับธุรกิจ แต่ในแง่ของประชาชนหากสินค้าราคาแพงขึ้นเขา🧜♀️อาจจะชะลอการใช้จ่ายก็อาจจะกระทบภาคธุรกิจ อาจจะมีการชะลอในช่วงแรก แต่ถ้าทุกอย่างปรับตัวได้ก็คงจะเป็นเหมือนกับชินชา สำหรับกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษี คงหนีไม่พ้น กลุ่มมนุษย์เงินเดือน และกลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อย โดยเฉพาะกลุ่มที่รากหญ้ามีเงินเดือนน้อย จะมีโอกาสในการเข้าถึงสินค้าต่าง ๆ ยากขึ้น และได้รับกระทบมากสุด เพราะอาจจะเข้าไม่ถึงบางสินค้าที่จากเดิมเคยเข้าถึง ส่วนมนุษย์เงินเดือน กระทบในแง่ของรายได้เท่าเดิมไม่ได้ปรับตามฐานภาษีที่เพิ่มขึ้น เช่น เงินในกระเป๋ามี 100 บาท หักภาษี 7% เหลือเงินในกระเป๋า 93 บาท แต่ถ้าขึ้นภาษี 15% เงินในกระเป๋าเหลือ 85 บาท นั้นหมายความว่าเงินในกระเป๋าลดลงแต่รายจ่ายเพิ่มขึ้น ผอ.สถาบันยุทธศาสตร์การค้า ฯชี้ว่า ส่วนข้อเสนอจัดเก็บภาษีคนรวยนั้น ภาครัฐต้องศึกษาอย่างจริงจังว่า จะเก็บภาษีคนรวยอย่างไร และแบบไหนเรียกว่าคนรวย ต้อง "นิยาม" คำว่า "คนรวย" ให้ชัด ในต่างประเทศการเก็บภาษีคนรวยก็ยังไม่ชัดเจน เช่น นาย ก🌬️. มีธุรกิจพันล้าน แต่ว่าธุรกิจนาย ก. มีหนี้สินอยู่ หรือหุ้นในบริษัทใหญ่ขาดทุนตลอด คำถามคือ นาย ก. รวยหรือ จน แต่นาย ก. มีเงินใช้ ดังนั้น รัฐบาลจะต้องกำหนดฐานภาษี หรือรายได้ว่าคนรวยแบบอย่างไรก็ต้องมาดี defend กัน ซึ่งต้องศึกษาว่า อะไรคือ รวย-จน ส่วนแนวคิดลดภาษีน🎻ิติบุคคลเหลือ 15% ของกระทรวงคลัง แน่นอนว่า เป็นผลดีต่อภาคธุรกิจเต็ม ๆ หากธุรกิจไหนที่เข้าสู่ระบบภาษีจากเดิมต้องเสีย 30% แต่หากมีรายได้เกินก็เสียภาษีเพียง 15% ทำให้ต้นทุนสินค้าลดลง ซึ่งธุรกิจก็ต้องลดราคาสินค้าก็จะไปถัวกับการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม 15% ที่ผู้บริโภคจะต้อง แต่คำถาม คือ มีบริษัทไหนเข้าสู่ระบบบ้าง สินค้าส่วนใหญ่ ที่ผลิตออกมาอยู่ในระบบมากน้อยแค่ไหน คือ คำถามที่จะเกิดตามมา นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ ประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โพส เฟซบุ๊กระบุถึง แนวคิดที่ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง ซึ่งตรงกับที่ นายทักษิณ ชินวัตร ที่เคยแย้มในเวทีหาเสียง อบจ.ที่ผ่านมาถึงการ ขึ้นภาษีแวตเป็น 15-25%, ลดภาษีนิติบุคคล 20% เหลือ 15%, ดันจีดีพีปี 2568 โต 5%, ทำงบขาดดุลกระตุ้นลงทุน, ให้แบงก์ชาติลดดอกเบี้ย, ทำค่าเงินบาทให้อ่อนดันส่งออก นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ ประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ ประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ ถ้าเป็นแนวคิดจริง เห็นว่าเป็นการปรับภาษีเพื่อคนรวยมากกว่าคนจน เพราะการขึ้นภาษีแวตจะกระทบคนจนกว้างขวาง รัฐบาลแจกเงินฟรีอุดหนุนการบริโภคแบบมือเติบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จนกระทั่งมาถึงวันนี้ คงตาสว่างแล้วว่า ทำให้กระเป๋าฉีก จึงต้องสาละวนหารายได้เพิ่ม เพื่อมาฉุดรั้งไม่ให้ขาดดุลงบประมาณปีนี้และปีต่อ ๆไปดิ่งลงเหว ผมเตือนว่าการขึ้นภาษีแวตจะกระทบคนจนอย่างกว้างขวาง ทั้งจากปัญหาชักหน้าไม่ถึงหลังที่รุนแรงขึ้น และจะนำไปสู่เงินเฟ้อ ยิ่งจะทำให้ความหวังที่แบงก์ชาติจะลดดอกเบี้ยเลือนลางรวมทั้งเมื่อกำลังซื้อประชาชนลดลง อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจที่รัฐบาลพยายามจะกระตุ้นให้ตัวเลขสูงขึ้น ก็จะกลับแผ่วลง อดีตขุนคลัง ระบุอีกว่า การปรับลดภาษีนิติบุคคลเพื่อคนรวย คุณทักษิณเคยพูดบนเวทีว่า ไทยจำเป็นต้องลดภ😇าษีนิติบุคคลเพื่อแข่งขันกับประเทศอื่น โดยลดลงไปเท่ากับอัตราของประเทศในกลุ่มพัฒนาแล้ว OECD แนวคิดว่าไทยต้องลดภาษีนิติบุคคลให้เท่ากับประเทศพัฒนาแล้ว เพื่อจูงใจให้นักลงทุนต่างประเทศมาลงทุนในไทยนั้น จะถูกต้อง ก็ต่อเมื่อไทยมีสภาพเศรษฐกิจสังคมเท่ากับปร🌺ะเทศเหล่านั้น ที่มา:https://www.facebook.com/share/p/1ERpRCNZ3g/?mibextid=WC7FNe มีข้อมูลระบุว่า ประเทศที่มีอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) อยู่ที่ประมาณ 15% คือ นิวซีแลนด์ (New Zealand) ภาษีมูลค่าเพิ่มเรียกว่า GST (Goods and Services Tax) ซึ่งอยู่ที่ 15%, แอฟริกาใต้ (South Africa) มี VAT อัตรา 15%, มอลตา (Malta) ภาษีมูลค่าเพิ่มในมอลตาอยู่ที่ 15% สำหรับบางบริการ เช่น การท่องเที่ยว, เซเชลส์ (Seychelles) มีอัตรา VAT 15% แต่ทั้งนี้ อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มในแต่ละประเทศอาจมีข้อยกเว้นหรืออัตราที่ลดลงสำหรับสินค้าและบริการบางประเภท เช่น อาหาร ยา หรือบริการด้านสุขภาพ ส่วนประเทศที่มีการเก็บภาษีต่ำกว่า 7% เช่น แคนาดา (Canada) อัตราภาษี GST (Goods and Services Tax): 5%, ญี่ปุ่น (Japan) อัตราภาษี VAT หรือ Consumption Tax: 5% (ก่อนปี 2014) ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 10% แต่สำหรับสินค้าและบริการบางประเภท เช่น อาหาร จะยังเก็บในอัตรา 8%, ซาอุดีอาระเบีย (Saudi Arabia) อัตรา VAT: 5% (เริ่มใช้ในปี 2018) เพิ่มเป็น 15% ในปี 2020 เพื่อเพิ่มรายได้รัฐบาล, สิงคโปร์ (Singapore) อัตรา GST: 7% (แต่จะเพิ่มเป็น 8% ในปี 2023 และ 9% ในปี 2024) และไต้หวัน (Taiwan) อัตราภาษี VAT: 5% นับจากนี้คงต้องรอดูทิศทางของรัฐบาลแพทองธารว่าจะเดินหน้าขึ้นภาษี 15% หรือยอมถอยไปตั้งหลักใหม่ แล้วแสวงหารายได้ทางอื่นแทน เพราะการปรับขึ้นภาษี 15% ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ของคนไทยทั้งประเทศ และอาจส่งผลให้รัฐบาลอาจจะอยู่ไม่ครบเทอม อ่านข่าว: ศูนย์วิจัยกรุงศรีฯ ชี้การค้าโลกเผชิญรุนแรง คาดเศรษฐกิจไทยโต2.9% “ไทย” มิตรแท้ทุกประเทศ “สหรัฐฯ” ขุมทรัพย์ ขยายส่งออกไทย ศึกสิบทิศ “ข้าวไทย” 2568 “สต็อก” โลกล้น เขย่าธุรกิจวงการค้า
วันนี้ (2 เม.ย.2567) ที่ศาลอาญา🦄 ถนน🥩🌙รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบ🐏🚨🐙🈵🌽าลเข🐼้ายื่นคำร้องขอออก
กรณีสื่อสังคมออนไลน์ แห่ชื่🏆นชมนักเรียนที่ยื่นแฟ้มสะส🤩🥥มผล🎋💥🌌🔞🅾️งาน หรือ พอ🧁ร์ตฟอลิโอ (Portfolio) ติด 15 คณะ ข
Tags:
pg slot โปร โม ชั่ น.-"รอมฎอน 2567" เดือนแäห่งความศักดิæ์สิทธิ์ของชาวมุสลิม
วันนี้ (28 ส.ค.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาจนถึงช่วงเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่กู้pg sl🦩🏆ot 🏖️โปร โม ช🧜♀️🍐🌈🎤ั🍧่ น.
ตำรวจจีน😍-ไต้หวันทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ต🎪🌭ำรวจจีน และไต้หวันประสานความร่วมมือบุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั่วทวีปเอเชีย ที่ประเมินว่าสร้🎢างความเสียหายมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาท ตำรวจจีน-ไต้หวั🐙🈵🌽นทลายแก๊งคอล🧚♀️เซ็นเ
ทอล์กออฟเดอะทาวน์ข้ามคืนหลัง นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง ประกาศกลางเวทีในงานสัมมนาหนึ่งว่า รัฐบาลมีแนวคิดปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เป็น 15% และปรับภาษีเงินได้นิติบุคคล 15% ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ขรมทั้งเมืองว่า รัฐบาลเพื่อไทย ถังแตกจนต้องใช้วิธีนี้รีดภาษีประชาชนเลยหรือ ล่าสุดนายพิชัยออกมาแก้เกี้ยวว่า ยังอยู่แค่ขั้นตอนการศึกษาเท่านั้น เนื่องจากหลายประเทศมีการปรับขึ้นภาษี ขณะที่ไทยยังคงใช้ฐานการเก็บภาษีอยู่ที่ 7% แม้ที่ผ่านมา ครม.เคยมีมติปรับขึ้นจาก 7% เป็น 10% ยังต้องขอกลับมติมาใช้ 7% เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าใช่จ่ายของประชาชน จึงต้องศึกษาข้อดี-ข้อเสียก่อน นาย พิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรมว.คลัง นาย พิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรมว.คลัง การโยนหินถามทาง แทบหาทางกลับบ้านไม่ถูก ในภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ คนตกงานจำนวนไม่น้อย หลังบริษัทเลิกจ้างเพื่อลดค่าใช้จ่าpg slot โปร โม ชั่ น.ย ไม่เพียงส่งผลสะเทือนต่อนโบายของรัฐบาลเท่านั้น แต่ "แพทองธาร ชินวัตร" นายกรัฐมนตรีก็ไม่พ💡ร้อมจะรับเผือกร้อนไว้ในมือ โดยโบ้ยว่า ให้เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีคลังพิจารณา ข้อมูลจากสำนักปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ระบุว่า ไทย เริ่มมีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มครั้งแรกในปี พ.ศ.2535 ตามกฎหมายที่ออกไว้ครั้งแรก การจัดเก็บภาษีของไทย คือ 10% ไม่ใช่ 7% แบบที่จ่ายทุกวันนี้ โดยภาษีมูลค่าเพิ่ม 10% แบ่งออกเป็น ภาษีมูลค่าเพิ่มที่เก็บจริง 9% ภาษีท้องถิ่น 1% ส่วนเหตุผลที่เก็บเพียง 7% จากตั้งไว้ที่ 10% เนื่องจากมีการออกพระราชกฤษฎีกาลดอัตราภาษีเพื่อภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน ทำให้ภาษีมูลค่าเพิ่มที่เก็บจริง ลดจาก 9% เหลือ 6.3% ส่วนภาษีท้องถิ่น ลดจาก 1% เหลือ 0.7% รวมกันเป็นภาษีมูลค่าเพิ่มที่ใช้กัน 7% และใช้มาจนถึงปัจจุบัน คนไทยจึงคุ้นชินกับตัวเลข ภาษี 7% กระทั่งเข้าสู่รัฐบาลเพื่อไทย 2 ที่มีแผนจะปรับโครงสร้างภาษี 15-15-15 อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลเดินหน้าเก็บภาษีจริง ผลกระทบที่จะเกิดขึ้น นอกจากค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันที่เพิ่มขึ้นแล้ว ราคาสินค้าและบริการจะต้องปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากภาษีเพิ่มขึ้นเป็น 15% ประชาชนต้องจ่ายเงินเพิ่ม สำหรับสินค้าจำเป็น เช่น อาหาร น้ำมัน หรือบริการสาธารณูปโภค ซึ่งกลุ่มรายได้น้อยได้รับผลกระทบหนักสุด ด้วยว่า รายได้ส่วนใหญ่ต้องใช้ไปกับสินค้าและบริการพื้นฐาน เมื่อการบริโภคลดลงประชาชนลดการใช้จ่ายในสินค้าฟุ่มเฟือยหรือบริการที่ไม่จำเป็น ก็จะส่งผลกระทบเป็นห่วงโซ่ไปยังภาคธุรกิจ ที่ต้องปรับราคาสินค้าและบริการให้สอดคล้องกับภาษี ส่งผลให้ยอดขายลดลง ผู้ประกอบการรายย่อยอาจเสียเปรียบในการแข่งขัน ผู้บริโภคลดความต้องการสินค้าและบริการ ส่งผลกระทบต่อรายได้ของธุรกิจ เลวร้ายสุดอาจถึงขึ้นปิดกิจการเพราะไปต่อไม่ไหว ในขณะที่ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม เมื่อการบริโภคภายในประเทศที่ลดลงส่งผลกระทบต่ออัตราการเติบโตของเศรษฐกิจชะลอตัวลง ธุรกิจบางส่วนอาจต้องปิดตัวลงหรือลดขนาดกิจการ ความเหลื่อมล้ำทางสังคมเพิ่มขึ้น หากรัฐบาลไม่มีมาตรการช่วยเหลือ เช่น การลดภาษีสินค้าจำเป็น หรือให้สวัสดิการเพิ่มเติม คนรายได้น้อยจะได้รับผลกระทบมากกว่า นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้อำนวยการสถาบันยุทธศาสตร์การค้า มหาวิทยาลัยหอ การค้าไทย กล่าวกับ "ไทยพีบีเอสออนไลน์" ว่า การเสนอขึ้นภาษีเป็น 15 กระทรวงการคลังต้องมอง 2 มุม ประเด็นแรก ไทยมีรายได้หลักจาก "ภาษี" ทุกครั้งที่ใช้จ่ายจะถูกหักภาษีทันที่ 7% ดังนั้นการเพิ่มภาษีจาก 7% เป็น 10% ทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้น สามารถนำไปจัดสรรในการพัฒนาโครงการต่าง ๆ ตามนโยบาย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างรายได้ของภาครัฐ นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้อำนวยการสถาบันยุทธศาสตร์การค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้อำนวยการสถาบันยุทธศาสตร์การค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เช่นนั้นประเทศไทยควรขึ้นภาษีหรือไม่ ? ผอ.ยุทธศาสตร์การค้า กล่าวว่า ในอดีตไทยมีภาษี ที่ 10% และหลังจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจรัฐบาลมีการปรับลดภาษีลง เหลือ 7% เพื่อกระตุ้นการบริโภคภาคประชาชน หลังจากนั้นไทยไม่เคยขึ้นภาษี เป็นการต่อภาษี 7% มาทุกปี เพราะในแต่ละปีจะมีการขออนุมัติใช้อัตราภาษีที่ 7% ทำให้คนไทยจำว่าภาษีของไทย หลังจากที่ไทย ยืนภาษีที่ 7% มายาวนาน รัฐบาลปัจจุบันก็กลับมาทบทวนว่าถึงเวลาที่จะขึ้นภาษีเพื่อหารายได้เข้ารัฐ แต่แทนที่จะปรับจาก 7% เป็น 10% ก็ขึ้นไปที่15% แบบก้าวกระโดด ในมุมมอง ควรกลับไปที่ 10% เพื่อทดสอบระบบว่า เงินเฟ้อจะพุ่งสูงหรือไม่ กระทบกับค่าครองชีพของคนไทยอย่างไรบ้าง เพราะผลกระทบที่จะเกิดขึ้นทั้งภาคประชาชนและธุรกิจ เนื่องจากการปรับภาษีจาก 7% เป็น 10% อาจจะดีและไม่ดีในมุมมองเดียวกัน ผู้ประกอบการ แม้การขึ้นภาษีจะเป็นผลดีกับธุรกิจ แต่ในแง่ของประชาชนหากสินค้าราคาแพงขึ้นเขา🧜♀️อาจจะชะลอการใช้จ่ายก็อาจจะกระทบภาคธุรกิจ อาจจะมีการชะลอในช่วงแรก แต่ถ้าทุกอย่างปรับตัวได้ก็คงจะเป็นเหมือนกับชินชา สำหรับกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษี คงหนีไม่พ้น กลุ่มมนุษย์เงินเดือน และกลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อย โดยเฉพาะกลุ่มที่รากหญ้ามีเงินเดือนน้อย จะมีโอกาสในการเข้าถึงสินค้าต่าง ๆ ยากขึ้น และได้รับกระทบมากสุด เพราะอาจจะเข้าไม่ถึงบางสินค้าที่จากเดิมเคยเข้าถึง ส่วนมนุษย์เงินเดือน กระทบในแง่ของรายได้เท่าเดิมไม่ได้ปรับตามฐานภาษีที่เพิ่มขึ้น เช่น เงินในกระเป๋ามี 100 บาท หักภาษี 7% เหลือเงินในกระเป๋า 93 บาท แต่ถ้าขึ้นภาษี 15% เงินในกระเป๋าเหลือ 85 บาท นั้นหมายความว่าเงินในกระเป๋าลดลงแต่รายจ่ายเพิ่มขึ้น ผอ.สถาบันยุทธศาสตร์การค้า ฯชี้ว่า ส่วนข้อเสนอจัดเก็บภาษีคนรวยนั้น ภาครัฐต้องศึกษาอย่างจริงจังว่า จะเก็บภาษีคนรวยอย่างไร และแบบไหนเรียกว่าคนรวย ต้อง "นิยาม" คำว่า "คนรวย" ให้ชัด ในต่างประเทศการเก็บภาษีคนรวยก็ยังไม่ชัดเจน เช่น นาย ก🌬️. มีธุรกิจพันล้าน แต่ว่าธุรกิจนาย ก. มีหนี้สินอยู่ หรือหุ้นในบริษัทใหญ่ขาดทุนตลอด คำถามคือ นาย ก. รวยหรือ จน แต่นาย ก. มีเงินใช้ ดังนั้น รัฐบาลจะต้องกำหนดฐานภาษี หรือรายได้ว่าคนรวยแบบอย่างไรก็ต้องมาดี defend กัน ซึ่งต้องศึกษาว่า อะไรคือ รวย-จน ส่วนแนวคิดลดภาษีน🎻ิติบุคคลเหลือ 15% ของกระทรวงคลัง แน่นอนว่า เป็นผลดีต่อภาคธุรกิจเต็ม ๆ หากธุรกิจไหนที่เข้าสู่ระบบภาษีจากเดิมต้องเสีย 30% แต่หากมีรายได้เกินก็เสียภาษีเพียง 15% ทำให้ต้นทุนสินค้าลดลง ซึ่งธุรกิจก็ต้องลดราคาสินค้าก็จะไปถัวกับการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม 15% ที่ผู้บริโภคจะต้อง แต่คำถาม คือ มีบริษัทไหนเข้าสู่ระบบบ้าง สินค้าส่วนใหญ่ ที่ผลิตออกมาอยู่ในระบบมากน้อยแค่ไหน คือ คำถามที่จะเกิดตามมา นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ ประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โพส เฟซบุ๊กระบุถึง แนวคิดที่ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง ซึ่งตรงกับที่ นายทักษิณ ชินวัตร ที่เคยแย้มในเวทีหาเสียง อบจ.ที่ผ่านมาถึงการ ขึ้นภาษีแวตเป็น 15-25%, ลดภาษีนิติบุคคล 20% เหลือ 15%, ดันจีดีพีปี 2568 โต 5%, ทำงบขาดดุลกระตุ้นลงทุน, ให้แบงก์ชาติลดดอกเบี้ย, ทำค่าเงินบาทให้อ่อนดันส่งออก นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ ประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ ประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ ถ้าเป็นแนวคิดจริง เห็นว่าเป็นการปรับภาษีเพื่อคนรวยมากกว่าคนจน เพราะการขึ้นภาษีแวตจะกระทบคนจนกว้างขวาง รัฐบาลแจกเงินฟรีอุดหนุนการบริโภคแบบมือเติบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จนกระทั่งมาถึงวันนี้ คงตาสว่างแล้วว่า ทำให้กระเป๋าฉีก จึงต้องสาละวนหารายได้เพิ่ม เพื่อมาฉุดรั้งไม่ให้ขาดดุลงบประมาณปีนี้และปีต่อ ๆไปดิ่งลงเหว ผมเตือนว่าการขึ้นภาษีแวตจะกระทบคนจนอย่างกว้างขวาง ทั้งจากปัญหาชักหน้าไม่ถึงหลังที่รุนแรงขึ้น และจะนำไปสู่เงินเฟ้อ ยิ่งจะทำให้ความหวังที่แบงก์ชาติจะลดดอกเบี้ยเลือนลางรวมทั้งเมื่อกำลังซื้อประชาชนลดลง อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจที่รัฐบาลพยายามจะกระตุ้นให้ตัวเลขสูงขึ้น ก็จะกลับแผ่วลง อดีตขุนคลัง ระบุอีกว่า การปรับลดภาษีนิติบุคคลเพื่อคนรวย คุณทักษิณเคยพูดบนเวทีว่า ไทยจำเป็นต้องลดภ😇าษีนิติบุคคลเพื่อแข่งขันกับประเทศอื่น โดยลดลงไปเท่ากับอัตราของประเทศในกลุ่มพัฒนาแล้ว OECD แนวคิดว่าไทยต้องลดภาษีนิติบุคคลให้เท่ากับประเทศพัฒนาแล้ว เพื่อจูงใจให้นักลงทุนต่างประเทศมาลงทุนในไทยนั้น จะถูกต้อง ก็ต่อเมื่อไทยมีสภาพเศรษฐกิจสังคมเท่ากับปร🌺ะเทศเหล่านั้น ที่มา:https://www.facebook.com/share/p/1ERpRCNZ3g/?mibextid=WC7FNe มีข้อมูลระบุว่า ประเทศที่มีอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) อยู่ที่ประมาณ 15% คือ นิวซีแลนด์ (New Zealand) ภาษีมูลค่าเพิ่มเรียกว่า GST (Goods and Services Tax) ซึ่งอยู่ที่ 15%, แอฟริกาใต้ (South Africa) มี VAT อัตรา 15%, มอลตา (Malta) ภาษีมูลค่าเพิ่มในมอลตาอยู่ที่ 15% สำหรับบางบริการ เช่น การท่องเที่ยว, เซเชลส์ (Seychelles) มีอัตรา VAT 15% แต่ทั้งนี้ อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มในแต่ละประเทศอาจมีข้อยกเว้นหรืออัตราที่ลดลงสำหรับสินค้าและบริการบางประเภท เช่น อาหาร ยา หรือบริการด้านสุขภาพ ส่วนประเทศที่มีการเก็บภาษีต่ำกว่า 7% เช่น แคนาดา (Canada) อัตราภาษี GST (Goods and Services Tax): 5%, ญี่ปุ่น (Japan) อัตราภาษี VAT หรือ Consumption Tax: 5% (ก่อนปี 2014) ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 10% แต่สำหรับสินค้าและบริการบางประเภท เช่น อาหาร จะยังเก็บในอัตรา 8%, ซาอุดีอาระเบีย (Saudi Arabia) อัตรา VAT: 5% (เริ่มใช้ในปี 2018) เพิ่มเป็น 15% ในปี 2020 เพื่อเพิ่มรายได้รัฐบาล, สิงคโปร์ (Singapore) อัตรา GST: 7% (แต่จะเพิ่มเป็น 8% ในปี 2023 และ 9% ในปี 2024) และไต้หวัน (Taiwan) อัตราภาษี VAT: 5% นับจากนี้คงต้องรอดูทิศทางของรัฐบาลแพทองธารว่าจะเดินหน้าขึ้นภาษี 15% หรือยอมถอยไปตั้งหลักใหม่ แล้วแสวงหารายได้ทางอื่นแทน เพราะการปรับขึ้นภาษี 15% ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ของคนไทยทั้งประเทศ และอาจส่งผลให้รัฐบาลอาจจะอยู่ไม่ครบเทอม อ่านข่าว: ศูนย์วิจัยกรุงศรีฯ ชี้การค้าโลกเผชิญรุนแรง คาดเศรษฐกิจไทยโต2.9% “ไทย” มิตรแท้ทุกประเทศ “สหรัฐฯ” ขุมทรัพย์ ขยายส่งออกไทย ศึกสิบทิศ “ข้าวไทย” 2568 “สต็อก” โลกล้น เขย่าธุรกิจวงการค้า
วันนี้ (2 เม.ย.2567) ที่ศาลอาญา🦄 ถนน🥩🌙รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบ🐏🚨🐙🈵🌽าลเข🐼้ายื่นคำร้องขอออก
กรณีสื่อสังคมออนไลน์ แห่ชื่🏆นชมนักเรียนที่ยื่นแฟ้มสะส🤩🥥มผล🎋💥🌌🔞🅾️งาน หรือ พอ🧁ร์ตฟอลิโอ (Portfolio) ติด 15 คณะ ข