ปากีสถานปล่อยตัว 5 นศ.ไทยกลับบ้านแล้ว ส่วนคดีสถานทูตประสานต่อจนสิ้นสุด รัฐบาล กระทวงการต่างประเทศ สถ
วันนี้ (27 ก.ย.2564) นายสมควร ต้นจาน ผอ.ส่วนพยากรณ์อากาศกลาง กองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้ว่า หลังจากนี้จะเริ่มคลี่คลาย เพราะฝนซาลงแล้ว และจะมีฝนอีกครั้งประมาณวัน
วันนี้ (14 ส.ค.2566) ที่ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 2 - กระบกคู่ จ.ฉะเชิงเทรา กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช แถลงข่าวการตายของลูกช้างป่า "ตุลา" นายเผด็จ ลายทอง ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานฯ กล่าวว่า รู้สึกเสียใจที่ลูกช้างตุลาตายค่อนข้างกระทันหัน แต่กรมอุทยานฯ พยายามดูแลลูกช้างอย่างดีที่สุด วันสุดท้ายที่จากไปยังทำหน้าที่ครูใหญ่ ซึ่งทีมสัตวแพทย์ได้ชันสูตรอย่างละเอียด พบว่า กระดูกบางมาก โดยเฉพาะขาหน้าทั้ง 2 ข้าง มีภาวะพรุนเสียหาย น่าจะเป็นสาเหตุให้ไม่ล้มตัวนอน นอกจากนี้ ได้เก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อ อวัยวะภายใน เพื่อศึกษาข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับเคสลูกช้างป่าหลัดหลงในอนาคต นายเผด็จ กล่าวว่า กรณีลูกช้างป่วยและหลงโขลง หลายเคสตายจากไวรัสเฮอร์ปีส์ จึงคาดว่ามีเชื้อนี้อยู่ในตัวช้าง และแสดงความรุนแรงในช่วงที่ลูกช้างมีสภาพร่างกายและจิตใจอ่อนแอ หรือสภาวะเครียด เราพยายามรวบรวมองค์ความรู้ต่าง ๆ สันนิษฐานว่ากรณีฝูงไม่รอรับตุลา เพราะคิดว่🐱าเป็นภาระ ตอนพบครั้งแรก ตุลาเดินออกมาจากป่า สภาพอ่อนแอ ผอม สรีระดูผิดปกติ ขณะที่ นพ.ไพโรจน์ พรมวัฒน์ ระบุว่า ที่ผ่านมาลูกช้างป่าตุลา มีอาการป่วยเนื่องจากยืนหลับ ไม่ยอมล้มตัวลงนอนติดต่อกันหลายวัน จนมีอาการเจ็บและอักเสบบริเวณขาหน้าทั้ง 2 ข้าง รวมถึงขาหลังขวาที่มีการก้าวเดินผิดปกติ จนเริ่มมีอาการทรุดลง ทีมสัตวแพทย์ต้องระดมทีมสัตวแพทย์จากหลายหน่วยงาน ทั้งกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) คลินิกช้างและสัตว์ป่า คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน และชมรมสัตวแพทย์สวนสัตว์และสัตว์ป่าแห่งประเทศไทย ทำการรักษาและอนุบาลอย่างใกล้ชิด กระทั่งเมื่อวันที่ 13 ส.ค.2566 เวลา 04.00 น. สัตวแพทย์ และเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 2 (กระบกคู่) เข้าช่วยเหลือลูกช้างป่าในการพยุงตัวลุกยืน ซึ่งก่อนหน้านี้สัตวแพทย์ตรวจพบว่าลูกช้างป่า มีอาการป่วยด้วยภาวะโรคกระดูกบาง (metabolic bone disease) หลังจากนั้นสัตวแพทย์ได้มีการรักษาโรคกระดูกบางร่วมถึงเฝ้าระวังและติดตามอาการของการใช้ขาของลูกช้างป่ามาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ในวันเดียวกันลูกช้างป่า ไม่สามารถลุกยืนได้จากการนอนในเวลากลางคืน จึงได้เข้าช่วยเหลือโดยการใช้เครนยกตัวเข้าช่วยพยุงตัวให้ยืนขึ้น หลังจากนั้นสัตวแพทย์ได้ทำการตรวจร่างกายพบว่า ขาหน้าทั้ง 2 ข้างมีอาการอ่อนแรง บวม ข้อเท้าขาหน้าทั้งสองมีการงอ ไม่ขยับเดิน จึงได้ให้ยาลดปวด ลดอักเสบ และพันขาลดการปวดการอักเสบ โดยตลอดทั้งวัน พบว่าลูกช้างป่า ไม่สามารถใช้ขาช่วยพยุงตัวให้ยืนได้ จึงให้นอนพัก และให้เจ้าหน้าที่ติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ตลอด 24 ชั่วโมง เวลา 18.00 น. ลูกช้างป่า (ตุลา) เริ่มมีอาการหายใจช้าลง ลิ้นเริ่มมีสีซีด มีภาวะหัวใจหยุดเต้น สัตวแพทย์ และเจ้าหน้าที่จึงได้เข้🥇าช่วยเหลือปฐมพยาบาลเร่งด่วน โดยการทำ CPR เพื่อกระตุ้นการหายใจ ลูกช้างป่าไม่มีการตอบสนองต่อการช่วยชีวิต และตายในเวลาต่อมา การผ่าชันสูตร พบว่า ต้นขาหน้ามวลกระดูกแตกสลาย ทำให้บริเวณรอยแตกหักมีความบาง และพบรอยแตกบริเวณกว้าง สาเหตุการตายเกิดการภาวะบาดเจ็บรุนแรงของกระดูกต้นขาหน้าทั้ง 2 ขา หัก (Humerus fracture) ทำให้เกิดสภาวะช็อคจากการบาดเจ็บรุนแรงตามมา (Pain shock) ตุลามีสภาวะกระดูกบางทั่วร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณขาหน้า (ด้านบน) ทั้งสองข้าง พบการสลายของกระดูก ทำให้กระดูกแตกหักละเอียด ผิดรูป ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการไม่ล้มตัวลงนอน และเล่นกับพี่เลี้ยงตามปกติ อวัยวะภายในร่างกายพบว่า ลำไส้มีความแดงผิดปกติ และสัตวแพทย์ได้เก็บตัวอย่างอวัยวะทั้งหมด รวมถึงกระดูก ส่งทางห้องปฏิบัติการ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทย🎢าเขตกำแพงแสน คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และศูนย์พัฒนาการทางสัตวแพทย์ภาคตะวันออก กรมปศุสัตว์ ขณะที่ น.ส.มัชฌม🏖️ณ แก้วพฤหัสชั🔭ย นายสัตวแพทย์ชำนาญการ หัวหน้าศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 2 (กระบกคู่) กล่าวว่า ช่วงพบตุลาเป็นตอนเด็กมาก จึงไม่ได้กินนมแม่มาตั้งแต่แรก แทบไม่มีภูมิคุ้มกัน โดยสัตวแพทย์พยายามเสริมแคลเซียมในปริมาณที่ลูกช้างควรจะได้ แต่ดูดซึมไม่เพียงพอ ช้างป่า “ตุลา” เป็นลูกช้างป่าพลัดหลง ที่ทหารพรานนาวิกโยธิน พบที่บริเวณฐานฯ ทุ่งกร่าง ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว จ.จันทบุรี เมื่อวันที่ 9 ต.ค.2565 ขณะนั้นมีอายุประมาณ 1-2 สัปดาห์ เจ้าหน้าที่ร่วมกันตั้งชื่อลูกช้างป่าตัวนี้ว่า “เจ้าตุลา” ตามเดือนที่พบเจอ ขณะที่พบลูกช้างมีอาการอ่อนแอ สัตวแพทย์ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด และได้รับการสนับสนุนน้ำนมช้างจากแม่ช้าง 4 เชือกที่เพิ่งตกลูก จากสวนนงนุชพัทยามาให้ลูกช้างกิน ตลอดจนการดูแลอย่างใกล้ชิดจากทีมสัตวแพทย์ และทีมพี่เลี้ยง ทีมสัตวแพทย์ได้ตรวจสุขภาพลูกช้างป่า พบว่าป่วยเป็นโรคติดเชื้อเฮอร์ปีส์ไวรัสในช้าง (EEHV) ทีมสัตวแพทย์จึงได้รักษาโดยการให้ยาต้านไวรัสแบบกิน เพื่อรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มแรก จนทำให้ตุลาเริ่มมีสุขภาพแข็งแรง มีสุขภาพดี และเป็นช้างอารมณ์ดีขึ้น ขี้เล่น จนเป็นขวัญใจคนรักสัตว์ ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ก.พ.2566 กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมทีมสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมดำเนินการเคลื่อนย้ายลูกช้างป่าตุลา จากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว จ.จันทบุรี มายังศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 2 (กระบกคู่) จ.ฉะเชิงเทรา เนื่องจากศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 2 (กระบกคู่) มีพื้นที่ที่เหมาะสม โดยทxo blue slotblue slotxoี่ผ่านมากรมอุทยานฯ จัดทีมสัตวแพทย์ เจ้าหน้าที่ และพี่เลี้ยง ดูแลอาการช้าง🏄♂️ป่าอย่างใกล้ชิดมาตลอด นานถึง 10 เดือน และได้จากไปในที่สุด อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง เปิดสาเหตุเบื้องต้น ลูกช้างป่า "ตุลา" ตาย เหตุช็อกจากบาดเจ็บรุนแรง 2 ขาหน้าหัก ลูกช้าง "ตุลา" ไม่ล้มตัวนอน-ขาอักเสบ ผลตรวจเฮอร์ปีส์ไวรัสเป็นลบ อัปเดตลูกช้าง "ตุลา" ให้ยาลดอักเสบ-ปรับคอกเอื้อการนอน ส่งกำลังใจให้ลูกช้าง "ตุลา" เริ่มล้มตัวนอนได้
วันนี้ (14 ส.ค.2566) ที่ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 2 - กระบกคู่ จ.ฉะเชิงเทรา กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช แถลงข่าวการตายของลูกช้างป่า "ตุลา" นายเผด็จ ลายทอง ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กร