dafabet india review-joker true wallet ฝาก ถอน ไม่มี ขั้นä ต่ํา joker true wa,,,llet ฝาก ถอน ไม่มี ขั้น ต่ํา-สล็อต xo 1688

วันนี้ (29 ก.ย.2565) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) รับเรื่องร้องเรียนจากนายสมชัย ศรีสุทธิยากร แกนนำพรร
หลายพื้นที่ของประเทศไทยอุณหภูมิเริ่มลดลง ส่งผลให้มีอากาศหนาวเย็น โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียง
วันนี้ (3 ส.ค.65) พ.อ.เศรษฐพงศ์ มะลิสุวรรณ อดีตรองประธานกสทช. ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทสำคัญทำหน้าที่ประมูลคลื่นมือถือ 3G ครั้งแรกในไทย รวมถึงเป็นผู้ที่มีความรู้และเข้าใจเรื่องกฎหมายเกี่ยวกับการกำกับดูแลการรวมธุรกิจโทรคมนาคม หรือ ประกาศ กสทช. ที่ผ่านมา ได้ออกมาให้ข้อมูลกรณี การรวม ทรู และ ดีแทค โดยตอบคำถามทุกประเด็น เพื่อให้สังคมมีความเข้าใจกฎหมายและประกาศการควบรวมกิจการ ภายใต้การดูแลของกสทช. มากขึ้น พ.อ.เศรษฐพงศ์ กล่าวว่า การควบรวมไม่ใช่เรื่องใหม่ของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย ที่ผ่านมาก็มีการควบรวมเกิดขึ้นไม่น้อยกว่า 9 ราย ซึ่งล้วนก็เป็นการแจ้งการควบรวม ตามประกาศ กสทช. ปี 61 ทั้งนี้เรื่องการควบรวม ไม่ได้เป็นกฎหมายที่เพิ่งเขียนขึ้นมา แต่เป็นประกาศที่ใช้มาแล้วถึง 9 ดีลdafabet india review รวมถึงการควบรวมการสื่อสาร (CAT) และองค์การโทรศัพท์ (TOT) ซึ่งล้วนเป็นไปตามประกาศปี 61 โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจาก กสทช.เพราะตามประกาศ กสทช.ปี 61 เช่นเดียวกับ การรวมกิจการการรวมธุรกิจระหว่าง True และ Dtac ซึ่งเป็นการควบบริษัท (Amalgamation) จึงไม่ต้องขออนุญาตจาก กสทช. เช่นเดียวกัน แต่ทั้งนี้ ตามประกาศ กสทช.ปี 61 ที่ได้ใช้มาหลายก¬ç§รณีแล้วนั้น เมื่อ กสทช.รับทราบ หากมองว่า อาจจะมีผลกระทบเกิดขึ้น กสทช.สามารถกำหนดเงื่อนไข มาใช้เพื่อป้องกันความเสียหายต่อประโยชน์สาธารณะได้ ซึ่งในกรณีนี้ก็ควรเป็นเช่นเดียวกับดีลที่ผ่าน ๆ มา ไม่น่ามีเหตุผลใดที่จะเลือกปฏิบัติให้แตกต่างจากดีลที่ผ่านมา กรณี มีการยกเอาประกาศฉบับอื่น ๆ นอกจากประกาศ กสทช. ปี 61 มาใช้อ้างอิง กรณีควบรวม ทรู และ ดีแทค นั้น พ.อ.เศรษฐพงศ์ กล่าวว่า การนำประกาศฉบับต่าง ๆ มาอ้างอิงทำให้สังคมเกิดความสับสน ซึ่งต้องแยกให้ออกก่อนว่า “การควบรวม” แตกต่างจาก “การเข้าซื้อกิจการ” ดังนั้นการควบรวมที่ผ่านมา รวมถึงกรณีของทรูและดีแทค ต้องใช้ประกาศ กสทช. ปี 61 ซึ่งออกสมัย พ.อ.เศรษฐพงศ์ เป็น กสทช. ด้วย และเป็น กสทช.ฝั่ง โทรคมนาคม โดยระบุว่า ประกาศเรื่องการรวมธุรกิจฯ ปี 2561 กำหนดให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม หรือผู้มีอำนาจควบคุมของผู้ได้รับใบอนุญาตที่ต้องการรวมธุรกิจ ต้องรายงานการรวมธุรกิจต่อเลขาธิการ กสทช. ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 90 วันก่อนจดทะเบียนควบบริษัท ซึ่ง กำหนดให้ "รายงาน" ต่อเลขาธิการ กสทช.เท่านั้น กสทช. มีการยกเลิกกฎหมายเรื่องการแข่งขัน 2 ครั้ง ครั้งแรกเนื่องจากประกาศปี 49 ไม่ได้พูดเรื่องการควบรวม จึงออกประกาศปี 53 มาใช้กับการควบรวม และเมื่อมีประกาศปี 61 เรื่องการรวมธุรกิจ ก็ได้ยกเลิกประกาศปี 53 ไปแล้ว ซึ่งเหตุที่ยกเลิกประกาศปี 53 ไปนั้น เพราะหลักเกณฑ์ไม่ตรงตามบัญญัติในกฎหมายแม่บท โดย พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ” และ พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคมฯ ไม่ได้ให้อำนาจ กสทช.ในการอนุญาตหรือไม่อนุญาตการรวมธุรกิจแต่อย่างใด ดังนั้นจึงเกิดประกาศเรื่องการรวมธุรกิจปี 61 ออกมาใช้แทน เพื่อให้เกิดความชัดเจนและสอดคล้องกับ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ” และ พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคมฯข้างต้น พ.อ.เศรษฐพงศ์ กล่าวต่อว่า การอ้างถึงหรือการนำประกาศ กสทช.ปี 53 มาใช้ในการพิจารณาการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคมจึงไม่ถูกต้อง เพราะประกาศ กสทช.ปี 53 ถูกยกเลิกไปแล้ว ไม่ควรนำมาทำให้สังคมสับสน นอกจากนี้ ก็ไม่ควรยกประกาศ กสทช.ปี 49 มาใช้กับกรณีการวมธุรกิจทรูและดีแทค เพราะเป็นคนละกรณีกัน เปรียบเทียบกันไม่ได้ เพราะประกาศ กสทช.ปี 49 เป็นเรื่องการซื้อกิจการระหว่างกัน (Acquisition) ต่างจากการควบรวม (Amalgamation) โดยประกาศ กสทช. ปี 49 เป็นการบังคับผู้รับใบอนุญาตที่ดำเนินการซื้อกิจการ (Acquisition) ด้วยการเข้าซื้อหุ้นหรือถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของผู้รับใบอนุญาตรายอื่น หรือเข้าซื้อสินทรัพย์ทั้งหมดหรือบางส่วนเพื่อควบคุมนโยบายหรือการบริหารธุรกิจของผู้รับใบอนุญาตรายอื่น ต้องขออนุญาตจาก กสทช. ก่อน ดังนั้น ประกาศ กสทช. ปี 2549 จึงไม่สามารถใช้บังคับกับการรวมธุรกิจระหว่าง True และ Dtac ในครั้งนี้ ต้องไม่สับสน เพราะแตกต่างกัน และ ใช้กฎหมายคนละตัวกัน ชัดเจน พ.อ.เศรษฐพงศ์ ยังกล่าวว่า หากดูจากแนวปฏิบัติของ กสทช.ในการพิจารณาการควบรวมที่ผ่านมา หลังจากที่ประกาศเรื่องการรวมธุรกิจฯ ปี 2561 มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.2561 มีผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมไม่น้อยกว่า 9 รายดำเนินการแจ้งการรวมธุรกิจภายใต้ประกาศดังกล่าว ซึ่ง กสทช. ก็มีมติเพียง “รับทราบ” การแจ้งการรวมธุรกิจเหล่านั้นเท่านั้น โดยมิได้ออกคำสั่ง “อนุญาต” และมิได้อาศัยอำนาจตามประกาศเรื่องมาตรการป้องกันการผูกขาดฯ ปี 2549 มาประกอบการพิจารณาแต่อย่างใด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การรวมธุรกิจระหว่างบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) กสทช. ก็มีมติเพียง “รับทราบ” การแจ้งการรวมธุรกิจเหล่านั้นเท่านั้น ซึ่งเป็นการรวมธุรกิจโดยวิธีการควบบริษัทดังเช่นการรวมธุรกิจระหว่าง True และ Dtac ในครั้งนี้ ดังนั้น กสทช. ก็ต้องดำเนินการแบบเดียวกัน โดยไม่เลือกปฏิบัติ พ.อ.เศรษฐพงศ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า อีกเรื่องหนึ่งที่สังคมพูดถึงคือเรื่องของการกังวลว่า ราคาจะสูงขึ้น จนกระทบเศรษฐกิจ อันนี้เป็นไปไม่ได้ เพราะ กสทช. มีกฎหมาย และ อำนาจ ในการกำหนดเพดานราคาอยู่แล้ว การจะคาดคะเนว่า ราคาจะสูงขึ้น เกินกรอบเพดาน ที่ กสทช.ควบคุมนั้น ผู้ประกอบการทุกรายมีใบอนุญาต ทุกคนต้องเคารพกฎระเบียบอยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมา กสทช. ก็ควบคุมเพดานราคาได้ดี จนประเทศไทย มีราคาค่าบริการ ถูกเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกอยู่แล้ว ดังนั้น เรื่องราคา คงไม่ต้องกังวล ข่าวที่เกี่ยวข้อง องค์กรเพื่อผู้บริโภค ค้าน "ทรู - ดีแทค" ควบรวมกิจการ ชี้กระทบผู้บริโภค
วันนี้ (3 ส.ค.65) พ.อ.เศรษฐพงศ์ มะลิสุวรรณ อดีตรองประธานกสทช. ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทสำคัญทำหน้าที่ประมูลคลื่นมือถือ 3G ครั้งแรกในไทย รวมถึงเป็นผู้ที่มีความรู้และเข้าใจเรื่องกฎหมายเกี่ยวกับการกำกับดูแลการร