วันนี้ (9 ต.ค.2565) เวลา 10.30 น. นพ.รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ อาจารย์คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม

เมื่อกลางดึกที่ผ่านมาน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลเชี่ยวพังคันกั้นน้ำบริเวณหมู่ที่ 6 ต.บ้านแห อ.เมืองอ่างทองกว่า 20 เมตรทำให้น้ำไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนอย่างรุนแรง บ้านที่อยู่ติดกับแนวคันกั้นน้ำเสียหายหน

ไม่ง่าย พลันที่ "บริษัทวีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จังหวัดกำแพงเพชร" คว้าชัยในการประมูลข้าว 10 ปี โดยเสนอราคาสูงสุด ในโครงการการจำหน่ายข้าวสาร ในสต๊อกของรัฐบาลเป็นการทั่วไปครั้งที่ 1/ 2567 จากโครงการรับจำนำข้าวสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขององค์การคลังสินค้า (อคส.) ปริมาณ 15,000 ตัน จำนวน 2 คลัง ก็มีคำถามถึงที่มา-ที่ไปของบริษัทดังกล่าวว่าเป็น "ม้ามืด" มาจากไหน ข้อมูลจากรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า บริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จดทะเบียนเมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2563 มีรายชื่อคณะกรรมการ 3 คน คือ น.ส🌌.ทานตะวัน นาสมใจ ถือหุ้นบริษัท 40% มูลค่าหุ้น 464,980 บาท, นายศิวะ มาประเสริฐ ถือหุ้นบริษัท 35% มูลค่าหุ้น 406,857 บาท และ น.ส วรรณิสา ทองจิตติ ถือหุ้นบริษัท 25% มูลค่าหุ้น 290,612 บาท แจ้งดำเนินธุรกิจจำหน่ายพืชผลทางการเกษตร ปัจจุบันทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท มีผลประกอบการย้อนหลัง คือ ปี 2564 รายได้ 0 บาท ขาดทุน 159,741 บาท ปี 2565 รายได้ 7,923,530 บาท กำไร 76,011 บาท ปี 2566 รายได้ 2,293,623 บาท กำไร 246,180 บาท ปี 2566 สินทรัพย์รวม 1🎋💥🔞🅾️,174,870 บาท หนี้สินรวม 12,420 บาท ผลประกอบการที่ผ่านมา ไม่ได้มีกำไรมากมาย แต่กลับเป็น 1 ใน 7 บริษัทที่ชนะการประมูลของ อคส. โดยประมูลคลังกิตติชัย หลัง 2 (ข้าวหอมมะลิ 100%) 11,656 ตัน หรือ 112,711 กระสอบ คลังบจก.พูนผลเทรดดิ้ง หลัง 4 (ข้าวหอมมะลิ 100%) 3,356 ตัน หรือ 32,879 กระสอบ รวมประมาณ 1.5 หมื่นตัน โดยเสนอราคาสูงสุด คือ กก. ละ 19.07 ในวงเงิน 286 ล้านบาท แม้demo slot joker gaming "นายภูมิธรรม เวชยชัย" รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยอมรับว่า บริษัทบริษัทวีเอท ฯมีคุณสมบัติในการเข้าประมูล และสามารถชนะการประมูลได้ และประเด็นที่มีข้อกังวล เนื่องจากบริษัทนี้มีทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท และมีงบดุลในการใช้จ่ายประจำปี 1-2 ล้านบาท ก็ได้สั่งให้มีการตั้งกรมพัฒนาธุรกิจเข้าไปตรวจสอบแล้วก็ตาม แต่บริษัทวีเอทฯได้เข้าประม🌙ูลตามสิทธิ์ และเสนอราคาได้อันดับหนึ่ง เราก็พิจารณาเขา แต่เรามีสิทธิ์พิจารณาว่าบริษัทดังกล่าวมีความเป็นไปได้ที่จะดำเนินการหรือไม่ "...อาจจะมีฮั้วก็ได้ ผมไม่แน่ใจ และถ้าตรวจสอบว่ามีการฮั้วประมูลก็ต้องผิดกันทั้งหมด ทั🍄้งผู้ฮั้วและถูกฮั้ว ซึ่งผมจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเต็มที่ แต่เวลานี้สิ่งที่ต้องการอย่างเดียวคือต้องการให้ข้าวได้ระบาย และให้เห็นว่าข้าวดีจริงอย่างที่เราไปพิสูจน์ เพราะฉะนั้นถ้ามีกระบวนการอะไรที่ทำให้ข้าวมีปัญหา หรือคิดว่าไม่ดี ก็ต้องตรวจสอบอย่างเต็มที่" รมว.พาณิชย์ กล่าว สำหรับข้อกังวลของสังคมในประเด็น อาจจะมีการนำข้าวเก่า 10 ปี มาผสมขายกับข้าวปัจจุบัน นายภูมิธรรม ระบุว่า หากดูตามกระบวนการต้องยอมรับว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และเอกชนได้พิสูจน์แล้ว การที่มีผู้มาประมูล และเมื่อประมูลแล้ว ผู้ประมูลยังต้องเข้าสู่กระบวนการปรับปรุงคุณภาพข้าว ซึ่งต้องมีองค์การอาหารและยา (อย.) และอีกหลายหน่วยงานเข้ามาตรวจสอบ และหากการส่งออกหรือนำออกมาขายก็ต้องมีคณะกรรมการตรวจสอบ "อย่ากังวลเรื่องนี้เลย ซึ่งความกังวลนี้เป็นส่วนหนึ่งที่มีความพยายามที่จะด้อยค่าราคาข้าว และทำให้การกระจายข้าวในครั้งนี้ไม่ประสบผลสำเร็จ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดี" รมว.พาณิชย์ กล่าว ขณะที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี ซึ่งเคยเป็นหัวหอกในการตรวจสอบคดีทุจริตจำนำข้าว มองต่างมุมว่า บริษัทวีเอทฯที่ชนะการประมูลข่าว จัดตั้งขึ้นมาเพียง 3 ปี มีทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท พฤติกรรมในลักษณะนี้ ทำให้มีข้อที่น่าสงสัยว่า เป็นบริษัทนอมินีหรือไม่ หรือมีผลประโยชน์ต่างตอบแทนหรือไม่ หากมีการทำตรงไป ตรงมาจะไม่มีปัญหาเลย โดยเฉพาะราคาการประมูลข้าวในราคากิโลกรัมละ 19 บาท ถือว่าค่อนข้างสูงผิดปกติ แม้จะบอกว่าเป็นไปตามราคากลาง แต่สำหรับข้าวเก่าเก็บ 10 ปี ผมมองว่ามีราคาสูงมาก ...ข้าวเก่า 10 ปี มีสารอะฟลาท็อกซิน ที่ทำให้ก่อมะเร็งหรือไม่ ยังไม่มีคำตอบ แม้รัฐจะอ้างว่ากรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจสอบแล้วก็ตาม อย่าลืมว่า เขาไม่ได้รับประกัน บอกเพียงว่า เป็นตัวอย่างข้าวที่ส่งมาให้ตรวจ เป็นข้าวขาว ไม่ได้ระบุว่าเป็นข้าวหอมมะลิ ซึ่งข้าวจากคลัง อคส. ส่วนใหญ่เป็นข้าวหอมมะลิใช่หรือไม่ ประธานพรรคไทยภักดี กล่าวอีกว่า จากข้อมูลพบว่า บริษัทวีเอทฯ มีโรงสีข้าว ซึ่งตามปกติโรงสีสามารถนำข้าวไปสี และเข้าสู่กระขั้นตอนขัดฟอกสีเพื่อนำมาผสมกับข้🎨าวใหม่เพื่อจำหน่าย ประเด็นนี้ คือสิ่งที่น่ากังวลใจ เนื่องจากทีโออาร์ อคส. คือ การเปิดประมูลข้าวหอมมะลิในสต๊อกแบบทั่วไป ซึ่งสามารถนำไปทำข้าวถุงเพื่อจำหน่ายในประเทศ โดยผสมขายข้าวถุงและผสมขายในต่างประเทศก็ได้ ซึ่งหากมอง ในระยะยาวไม่เป็นผลดีต่อข้าวไทย ทั้งยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นมันต่อตลาดข้าวไทยด้วย ส่วนการประมูลเพื่อส่งไปขายยังตลาดแอฟริกา หรือต้องการปั้นตัวเลขให้สวย ต้องไม่ลืมข้อกังข🏖️า คือ ข้าวล็อตดังกล่าว เป็นข้าวที่บริษัทชนะการประมูลไม่มารับ หรือรับไปแล้วเพียงบางส่วน ตรงนี้รัฐบาลไม่ได้ชี้แจงข้อเท็จจริง "เราไม่มีช่องทางที่จะทำอะไรได้ เพราะกระบวนการมาถึงนี้แล้ว ถือเป็นเรื่องของเอกชนแล้ว ดังนั้นสิ่งที่จะต้องจับตา คือ เขาจะนำไปทำข้าวถุงหรือไม่ และขายที่ไหน นี่เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องช่วยกันตรวจสอบ เพราะพอนำไปผสมกับข้าวใหม่แล้ว ซึ่งผู้บริโภคก็ไม่สามารถจะรู้ได้เลย" นพ.วรงค์ กล่าว อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์ เคยชี้แจงถึงมาตรฐานคุณภาพข้าวส่งออกว่า ในกรณีที่จะนำข้าว 10ปี ส่งออกจำหน่ายไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะการส่งออกข้าวหอมมะลิไทย มีการกำกับดูแลและควบคุมคุณภาพ โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.มาตรฐานสินค้าขาออก พ.ศ.2503 ซึ่งกำหนดมาตรฐานและขั้นตอนการตรวจสอบคุณภาพไว้ชัดเจน ดังนั้น ข้าวหอมมะลิที่จะนำไปส่งออก จะต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานก่อน หากไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด ก็จะไม่มีการออกใบรับรอง และไม่สามารถส่งออกได้ โดยผู้ประสงค์ส่งออกข้าวหอมมะลิไทย จะต้องยื่นคำร้องต่อกรมการค้าต่างประเทศ ขอให้ออกใบรับรองมาตรฐานสินค้าข้าวหอมมะลิไทย และต้องแจ้งให้บริษัทผู้ประกอบธุรกิจตรวจสอบมาตรฐานสินค้า (บริษัทเซอร์เวย์) ดำเนินการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานสินค้า จะมีมีพนักงานตรวจสอบมาตรฐานสินค้าไปสุ่มกำกับการทำงานของผู้ตรวจสอบมาตรฐานสินค้า (เซอร์เวย์เยอร์) และเมื่อผลการตรวจสอบเป็นไปตามมาตรฐาน ก็จะออกใบรับรองให้ผู้ส่งออกไปประกอบพิธีการศุลกากร เพื่อส่งออกข้าวหอมมะลิไทยได้ สำหรับการตรวจสอบมาตรฐานสินค้าข้าวหอมมะลิไทยเพื่อการส่งออกจะมี 2 รอบ คือ รอบแรก จะมีการสุ่มตัวอย่าง ณ สถานที่ส่งออก กรณีสินค้าบรรจุกระสอบ จะสุ่มชักตัวอย่างทุกกระสอบตรวจทางกายภาพ (ข้าวปลอมปน, ขนาดความยาวของเมล็ด, สี, สิ่งเจือปน, ความชื้น) ส่วนรอบสอง ใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์มาตรวจเพิ่มในบางรายการ เช่น การตรวจความนุ่มโดยการหาค่าอมิโลส การตรวจความบริสุทธิ์โดยการสลายเมล็ดข้าวในด่าง และการตรวจสารตกค้าง ตามความต้องการของผู้ซื้อ แต่หากผู้ซื้อจะนำข้าวไปขายในประเทศ กรมการค้าภายในก็ได้มีการกำหนดมาตรฐานข้าวหอมมะลิบรรจุถุงจำหน่ายในประเทศไว้ชัดเจนเช่นเดียวกัน หากไม่ผ่านมาตรฐานก็จะไม่อนุญาตให้ใช้ตรารับรอง หรือหากสุ่มตรวจแล้ว พบว่า ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ก็จะตักเตือน พักใช้ หรือเพิกถอนการใช้ตรารับรองก็ได้ จึงน่าสนใจว่า หลังจากนี้บริษัทวีเอทฯจะเดินหน้าอย่างไรกับข้าว 2 ล็อตที่ชนะการประมูลไปได้ จะส่งออกไปขายในต่างประเทศ หรือขัดสีใหม่เพื่อบรรจุถุงขายให้ผู้บริโภค ซึ่งเป็นเรื่องไม่ง่ายที่จะตรวจสอบได้ อ่านข่าว : มติเอกฉันท์ ศาล รธน.ชี้กฎหมายฟ้องชู้ขัดรัฐธรรมนูญ ข่าวดี! ครม.เพิ่มค่าครองชีพขรก.-ลูกจ้าง-ทหารมีผลย้อนหลัง ไขปริศนา 5 วัน สอบข้อเท็จจริง "สินบน" ถุงขนมฮ่องกง 2,000 ล้าน

ไม่ง่าย พลันที่ "บริษัทวีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จังหวัดกำแพงเพชร" คว้าชัยในการประมูลข้าว 10 ปี โดยเสนอราคาสูงสุด ในโครงการการจำหน่ายข้าวสาร ในสต๊อกของรัฐบาลเป็นการทั่วไปครั้งที่ 1/ 2567 จากโครงการรับจำน