UID: 12156

วันนี้ (9 มี.ค.2565) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีก่อตั้งมหาวิทยาลัยสันติภาพโล

วันนี👌👊🤚🔛้ (27 ต.ค.2566) 🌞ร.ต🥇.จักรา ยอด👾มณี🌿 รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เ🧁ปิดเผยกรณีสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้

วันนี้ (9 มี.ค.2565) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีก่อตั้งมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก สาขา 2 World Peace University (WPU ) สำนวนที่ 3 คดีหมายเลขดำ อ.513/2561 ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายศุภณัฐ ดอนจันทร์ อายุ 59 ปี อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก (WPU ) สาขา 2 , นายเรวัตร์ ชาตรีวิศิษฏ์ อายุ 70 ปี อดีตนายกสภามหาวิทยาลัยฯ และ นายเอนก หิรัญรักษ์ อายุ 83 ปี อดีตนายกสภากิตติมศักดิ์ประเภทสภาวิชาการ เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐาน ร่วมกันจัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาเอกชนโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันทำให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่า มีหน้าที่ในการจัดการศึกษาระดับปริญญา อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.สถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ.2546 มาตรา 9, 10, 104, 121 กรณีเมื่อวันที่ 23 ก.พ. - 21 ก.ค.2556 จำเลยทั้ง 3 ได้ร่วมกันจัดตั้ง มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก 2 (WPU ) ตั้งอยู่ที่ 2991/19 โครงการวิสุทธานี ซ.ลาดพร้าว 101/3 ถ.ลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม.โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจาก รมว.ศึกษาธิการ (ขณส่งเงินบาทไทย แจกเครดิตฟรี 1000ะนั้น) ร่วมกันจัดการศึกษาระดับปริญญาโดยไม่ได้รับอนุญาต และกระทำด้วยประการใด ๆ ให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่า จำเลยมีอำนาจหน้าที่ในการจัดการศึกษาระดับปริญญา โดยดำเนินการจัดตั้งมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก 2 ทั้งร่วมกันแต่งตั้งตำแหน่งทางวิชาการและตำแหน่งทางการบริหารในลักษณะเดียวกับมหาวิทยาลัยที่เป็นสถาบันอุดมศึกษาเอกชนตามกฎหมาย กำหนดหลักสูตรการเรียนการสอน การมอบปริญญาชั้นต่าง ๆ และตำแหน่งทางวิชาการ ทำให🔥้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่ามหาวิทยาลัยสันติภาพโลก สาขา 2 มีการจัดตั้งขึ้นโดยถูกต้องทั้งที่ความจริงแล้ว จำเลยทั้ง 3 ไม่ได้รับอนุญาตให้จัดการศึกษาระดับปริญญาตามกฎหมายแต่อย่างใด อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายจำเลยทั้ง 3 ให้การปฏิเสธ และต่อสู้คดี คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้ง 3 มีความผิด ตาม พ.ร.บ.อุดมศ🐙➕1️⃣ึกษาเอกชนฯ มาตรา 10,104,121 ให้จำคุกจำเลยทั้ง 3 คนละ 6 เดือน ฐานร่วมกันจัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาเอกชนโดยไม่ได้รับอนุญาต และปรับจำเลยที่ 3 เป็นเงิน 60,000 บาท กับจำคุกจำเลยอีกคนละ 6 เดือนฐานร่วมกันทำให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่ามีหน้าที่ในการจัดการศึกษาระดับปริญญา และปรับจำเลยที่ 3 อีก 60,000 บาท รวมจำคุกจำเลยคนละ 12 เดือน และปรับจำเลยที่ 3 เป็นเงินทั้งสิ้น 120,000 บาท คำให้การของจำเลยทั้ง 3 เป็นประโยชน์แก⚡่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยทั้ง 3 คนละ 8 เดือน และปรับจำเลยที่ 3 เป็นเงิน 80,000 บาท โดยในส่วนของจำเลยที่ 3 พิเคราะห์แล้วเห็นว่าไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ประกอบกับจำเลยที 3 มีอายุมาก และเคยประกอบคุณงามความดีอันเป็นประโยชน์แก่สังคม เห็นสมควรให้รอการลงโทษไว้เป็นเวลา 1 ปี จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 1-2 ยื่นฎีกาว่า โจทก์ฟ้องซ้อนและขอให้ศาลลงโทษสถานเบาด้วย ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า ที่โจกท์ยื่นฟ้องคดีนี้เป็นการฟ้องซ้อนกับคดีหมายเลขแดงที่ 1036 /2562 หรือไม่ เห็นว่า ที่โจทก์ฟ้องนั้นกระทำความผิดโดยมีเจตนาแยกต่างหากจากกัน จึงเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระและไม่ได้เป็นการฟ้องเรื่องเดียวกันกับคดีอาญาหมายเลขแดง 1036/2562 ฎีกาของจำเลยทั้ง 2 ฟังไม่ขึ้น ส่วน การกระทำของจำเลยที่ 1-2 เป็นความผิดตามที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาหรือไม่ เห็นว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมีน้ำหนักมั่นคงรับฟังได้โดยปราศจากสงสัยว่าจำเลยทั้ง 2 ร่วมกันกระทำความผิดตามศาลอุทธรณ์พิพากษา ฎีกาของจำเลยทั้ง 2 ฟังไม่ขึ้น ส่วนที่จำเลยทั้ง 2 ฎีกา ว่า มีเหตุลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษจำคุกหรือไม่ เห็นว่าโทษจำคุกที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยทั้ง 2 ในแต่ละฐานความผิดเหมาะสมแก่พฤติการณ์และคดีแล้ว โดยศาลอุทธรณ์ยังลดโทษให้กระทงละ 1 ใน 3 นับว่าเป็นคุณแก่จำเลยแล้ว จึงไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะลงโทษจำเลยทั้ง 2 สถานเบากว่านี้อีก อย่างไรก็ตามแม้ว่า จำเลยทั้ง 2 ร่วมกับจำเลยที่ 3 จัดตั้งมหาวิทยาลัยฯและกระทำด้วยประการใดๆให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่า จำเลยทั้ง 2 กับ จำเลยที่ 3 มีอำนาจหน้าที่ในการจัดการศึกษาระดับปริญญาก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงไม่ปรากฎว่าจำเลยทั้ง 2 จัดให้มีการเรียน การสอน คงเพียงแต่มอบปริญญาบัตรกิตติมศักดิ์ให้แก่บุคคลทั่วไปเท่านั้น ซึ่งได้ความจากพยานหลายปากว่า การรับปริญญาบัตรไม่มีค่าใช้จ่าย ร🦦วมถึงมีพยานปากหนึ่งให้การว่ามีเพียงค่าใช้จ่ายที่เป็นค่าถ่ายภาพและค่าส่ง 2,000 บาทเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าจำเลยทั้ง 2 ไม่ได้แสวงประโยชน์จากการมอบปริญญาบัตร แม้เป็นความผิดต่อกฎหมายที่ไม่ได้รับใบอนุญาต หรือรับอนุญาตก่อน แต่เห็นได้ว่าพฤติการณ์แห่งคดี ไม่ร้ายแรงนัก ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รอการลงโทษจำคุกนั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้นบางส่วนแต่เพื่อให้จำเลยทั้ง 2 หลาบจำควรลงโทษปรับด้วย ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้เป็น โทษจำคุกของจำเลยที่ 1-2 ให้รอการลงโทษไว้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 มีกำหนด 1 ปี นับแต่วันอ่า🧁นคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยฟัง และให้ลงโทษปรับ จำเลยที่ 1-2 ฐานร่วมกันจัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาเอกชนโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันทำให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่ามีหน้าที่ในการจัดการศึกษาระดับปริญญา คนละ 80,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ สำหรับตัวจำเลยที่1-2 ขณะนี้ยังคงถูกคุมขังอยู่ใน❤️เรือนจำในคดีอื่นๆ

วันนี้ (3 มิ.ย.2566) ตำรวจกองบังคับการตำรวจทางหลวง ร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ สนธิกำลัง