“ให้เสียงภาษาไทยโดย พันธมิตร” ประโยคคุ้นหูก่อนที่ภาพพยนต์ต่างประเทศหลาย ๆ เรื่องจะเริ่มฉาย และนำไปสู

“ให้เสียงภาษาไทยโดย พันธมิตร” ประโยคคุ้นหูก่อนที่ภาพพยนต์ต่างประเทศหลาย ๆ เรื่องจะเริ่มฉาย และนำไปสู่เรื่องราวในแต่ละบทบาทของตัวละคร ผ่านการให้เสียงของดรีมทีมนักพากย์พันธมิตร พร้อมมุขตลกสอดแทรกอยู่ในเรื่อง เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะต่อผู้ชม นับครั้งไม่ถ้วน ที่ทีมนักพากย์กลุ่มนี้ ได้รับใช้ผู้ชมมาอย่างยาวนานถึง 33 ปี นับเป็นเรื่องไม่คาดคิดเมื่อ หรือ โต๊ะ ผู้ก่อตั้งทีมพากย์พันธมิตร ประกาศจะยุบทีมพากย์พันธมิตร เพื่อให้เป็นตำนานมีชีวิตที่หลายคนยังจดจำ และเชื่อว่าจะเป็นความทรงจำที่ดีให้กับหลาย ๆ คน โดยช่วงสงกรานต์ปีหน้า หรือปี 2568 ทีมพากย์ดังกล่าวจะประกาศอำลาวงการอย่างเป็นทางการ รายการ “คุยนอกกรอบ กับ สุทธิชัย หยุ่น” นัดคุยกับดรีมทีม 3 นักพากย์หลัก “โต๊ะ” ปริภัณฑ์ วัชรานนท์ , “เกรียง” เกรียงศักดิ์ เหรียญทอง ,และ“ติ่ง” สุภาพ ไชยวิสุทธิกุล ถึงเส้นทางชีวิตของแต่ละคนกว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นนักพากย์ระดับแนวหน้าของประเทศไทย “โต๊ะ” ปริภัณฑ์ วัชรานนท์ “โต๊ะ” ปริภัณฑ์ วัชรานนท์ ประเดิมคนแรก “โต๊ะ” ในวัย 64 ปี ตำนานเสียงพากย์คุ้นหูประจำตัวนักแสดงดัง อย่าง เฉินหลง , โจวชิงฉือ , หลิวเต๋อหัว ย้อนภาพความอยากเป็นนักพากย์ตั้งแต่เริ่มจำความได้ โดยพื้นเพเป็นคน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และชอบดูหนังทุกโรงในหาดใหญ่ รักและประทับใจในเสียงและการพากย์ของ “กรรณิการ์ อมรา” และ “ชัยเจริญ ดวงพัตรา” นักพากย์รุ่นครูที่ถือเป็นแบบฉบับการพากย์ที่ดีที่สุดของเมืองไทย และกลายเป็นต้นแบบของเขา “วันหนึ่งโอกาสก็มาถึง ตอนช่วงอายุ 17-18 ปี ได้รับมอบหมายให้พากย์หนังกลางแปลงครั้งแรกในชีวิต ที่อ่าวลึก จ.กระบี่ เป็นหนังอินเดียชื่อเรื่อง “สายน้ำวิปโยค” เราไม่เคยฝึกซ้อม มาก่อน จึงทำให้ตื่นเวที บทพากย์จบก่อนหนัง เรียกได้ว่าพากย์ไม่ดี จึงถูกกระป๋องกาแฟขว้างโดนหัว ตอนนั้น ต้องพากย์ไป ร้องไห้ไป กลายเป็นประสบการณ์ที่ทำให้ฝึกฝนและพัฒนาตัวเองมาเรื่อย ๆ” ไม่ต่างกันกับ “เกรียง” ในวัย 71 ปี เจ้าของเสียงพากย์ตัวละครชื่อดังที่ได้ยินกันคุ้นหู คือ อู๋ม่งต๊ะ, แซมมวล แอล แจ็คสัน , เฉิน ขุ้ยอัน และ มอร์แกน ฟรีแมน จากความชอบที่อยากจะเป็นนักพากย์ ทำให้ชีวิตวนเวียนอยู่แถวโรงหนังเฉลิมกรุง และมีโอกาสแบบจับพลัดจับผลู เมื่อเจ้าของจอหนังกลางแปลงขาดนักพากย์ ทั้ง ๆ ที่ เป็นหนังฝรั่งเรื่อง “ป้อมปืนนาวาโรน” ซึ่งมีการโปรโมทอย่างยิ่งใหญ่ คนซื้อตั๋วเข้าไปดู 300-400 คน ระหว่างนั่งรถไป จ.นครปฐม ซึ่งเป็นสถานที่ฉายหนัง ก็นั่งท่องบทไปตลอดทาง แต่เมื่อหน้างานจริงกลับเกิดอาการประหม่า พากย์แบบลุ่มๆ ดอน ๆ เกรียงศักดิ์ เหรียญทอง เกรียงศักดิ์ เหรียญทอง “บทจบก่อนหนังใช่ไหม” ( เสียงของ “โต๊ะ” ที่พูดออกมาพร้อ¬ç§มกับเสียงหัวเราะ) ขณะที่ “เกรียง” ตอบทันทีว่า “ใช่” พร้อมกับหัวเราะดัง ๆ ) จนคนดูเริ่มทย‰ˆอยออกจากโรงหนังไปทีละคนจนเหลือแค่คนเดียว นั้นกลายเป็นประสบการณ์ที่มีค่าทำให้เกิดการพัฒนาขึ้นมาเรื่อย ๆ ส่วน “ติ่ง” ในวัย 62 ปี ผู้สามารถพากย์ได้ทั้งบทพระเอก บทขรึม ตัวโกง หรือ��แม้แต่ตัวตลก เจ้าของเสียง วิน ดีเซล ,หลิว ชิงยฺหวิน, เจมี่ ฟ็อกซ์ และ ชิกวนชุน ย้อนจุดเริ่มต้นที่มีความคล้ายกันกับทั้งสองคน “ติ่ง” สุภาพ ไชยวิสุทธิกุล “ติ่ง” สุภาพ ไชยวิสุทธิกุล “ครั้งแรกของการพากย์หนัง เป็นหนังจีน พากย์ไปพากย์มาหนังอยู่ม้วน 3 แต่บทหมดแล้ว คนดูก็โห่ เจ้าของโรงหนังเขาก็ทนไม่ไหว ก็เลยมาบอกให้ใส่ม้วนสุดท้ายให้เลย เพราะม้วนสุดท้ายหนังจีนสู้กันจะพูดน้อย ประสบการณ์ครั้งแรกก็ถือว่ารอดตายแบบฉิวเฉียด แต่ได้กลายเป็นคุณค่าที่สร้างประสบการณ์ให้อย่างมาก” ในฐานะนักพากย์อิสระทุกคนจะมีงานประจำกันอยู่แล้ว ต่อมาวันหนึ่งที่ “โต๊ะ ปริภัณฑ์” รับงานจากบริษัทใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น สหมงคลฟิล์ม โคเรียทาวน์ฟิล์ม จึงต้องตั้งทีมพากย์ขึ้นมา “การจะเอาคนที่เก่ง ๆ มารวมกัน ต้องมีกุศโลบาย เราจะไม่มีศัตรูนะ เราจะเป็นพันธมิตรกับทุกคน หนังเรื่องนี้เหมาะกับคุณนะ คุณมาลงให้เราหน่อย” ส่วนใครจะพากย์เป็นตัวแสดงไหน แรก ๆ “โต๊ะ พันธมิตร” จะเป็นผู้กำหนดตามความเหมาะสม จะมี 3 คนนี้เป็นตัวหลัก ส่วนคนอื่น ๆ ก็จะวน ๆ กันไป เพราะในแต่ละเรื่องต้องมีคนพากย์หลายคน “ทุกคนจะรู้ว่า เราอยู่ในทีมเดียวกัน ต้องให้เกียรติกัน เมื่อก่อน ถ้าต้องมีแก้บทในระหว่างที่พากย์ ก็ขอโทษ แล้วก็ช่วยกันเสริมเติมกันเข้าไปให้เหมาะสม วันนี้คุณเหนื่อยเพราะหนังชั่วโมงครึ่ง แต่ต้องพากย์กันสามสี่ชั่วโมง แต่พอมันถูกบันทึกลงในฟิล์ม อีก 10 ปี มา10 รับ 100 ทํา 200ดู คุณจะไม่เสียใจ” “มุกตลกที่คิดขึ้นเพื่อให้คล้อยตามกับหนัง เกิดจากที่เป็นคนที่ชอบดูหนัง แล้วพวกเราก็ไปจำลีลานักพากย์รุ่นใหญ่ พากย์แล้วคนดูขำ ทำให้เราทราบว่าตรงนี้ คือ มุกตลก มุกที่หามาได้ก็เป็นเหตุการณ์เกิดขึ้นในปัจจุบัน แล้วต้อ¬ç§งเป็นมุกที่พูดไปแล้วคนต้องรู้จัก ที่สำคัญต้องเข้ากับบริบทของหนังเรื่องนั้นด้วย” “โต๊ะ พันธมิตร” บอกว่า ตัวเองจะเขียนไว้หน้าบทเลยว่าจะเล่นกี่มุก เพื่อหาทางยัดใส่ไปให้ได้โดยที่ไม่ดูเป็นการจงใจเกินไป เวลาซ้อมหนังใครมีมุกพูดออกมาเลย และต้องเข้าขากัน เมื่อก่อนมุกที่ใช้พากย์เป็นปีก็ยังมีความตลก แต่ปัจจุบันอายุมุก สั้นลง เพียงข้ามวันก็มีมุกใหม่มา ดังนั้น จึงเลือกไม่ใส่เข้าไปเป็นการพากย์ตามหน้าหนังปกติ เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ที่เราสามารถทำให้ทุกคนรู้จักทีมพากย์พันธมิตร ทั้งที่มีทีมใหญ่อยู่รอบข้าง เพราะเราใช้วิธีแทงมุกที่ทีมใหญ่ไม่กล้าเล่น” หากเป็นสมัยก่อนการพากย์หนังจะพากย์เป็นชิ้น ชิ้นละ 10 นาที ถ้าคนหนึ่งพากย์ผิดจะต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด ต่างจากการพากย์ยุคปัจจุบัน มีเทคโนโลยีทันสมัยขึ้น สามารถย้อนกลับมาแก้ไขจุดที่ผิดได้ โดยไม่ต้องพากย์ใหม่ และยังมีช่องทางการฉายหนังมากขึ้น ทำให&#;้นักพากย์รุ่นใหม่มีพื้นที่ในการแสดงความสามารถฝึกฝนตัวเองมากขึ้น ต่างจากสมัยก่อนที่จะมีแค่โรงหนัง กับโทรทัศน์ “แต่” ก็ต้องยอมรับว่า นักพากย์เกิดขึ้นเยอะมาก หลากหลายจนจับต้องไม่ได้ ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ดังนั้นการจะสร้างความโดดเด่นขึ้นมา ก็ต้องอาศัยเวลา มีสไตล์เป็นของตัวเองที่น่าจดจำ โต๊ะ เล่าว่า เมื่อก่อนจุดศูนย์รวมของคนอยู่ที่โรงหนัง แล้วโรงหนังเมื่อ 30 ปีที่แล้ว หนังที่ฉาย 10 เรื่อง พันธมิตรจะได้พากย์ 8 - 9 เรื่อง ทำให้ติดหูคน นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราเมื่อ 30 ปี ...เราโชคดีช่วงเข้ามา แผ่นซีดี ดีวีดี กำลังเกิดขึ้นเยอะมาก โชคดีมากที่อยู่ในยุคนั้น จนทำให้เป็นที่รู้จักมาถึงปัจจุบัน” “ต้นปีหน้าจะระดมทีมพากย์พันธมิตรทั้งในอดีตและปัจจุบัน เพื่อพากย์หนังใหญ่สักหนึ่งเรื่อง ถือเป็นการพากย์เรื่องสุดท้ายก่อนที่ทีมพากย์พันธมิตรจะประกาศปิดตัว ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568” พบกับ: รายการคุยนอกกรอบกับสุทธิชัย หยุ่น ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 21.30-22.00 น. เบื้องหลังมุกตลกของ “ทีมพากย์พันธมิตร” อ่านข่าว: เจาะตำนาน "คนขายเสียง" เบื้องหลัง "นักพากย์พันธมิตร"

วันนี้ (22 ม.ค.2567) ตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดนนทบุรี จับกุมนายตี๋ อายุ 18 ปี หัวหน้าแก๊งทรายทอง ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส และร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปใน

วันนี้ (15 มี.ค.2568) เกิดเหตุทางยกระดับ ใกล้เคียงซอยพระรามที่ 2 ซอย 17 ทรุดตัว ทับคนงานที่อยู่ระหว่

นิยายชีวิต โดย : Stevy maradona
เรื่องและภาพโดย : Stevy maradona
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” ได้ที่นี่..