วันนี้ (28 ก.ย.2565) กรุงเทพมหานคร โดยสำนักการระบายน้ำกำลังทยอยส่งมอบกระสอบทรายให้สำนักงานเขตเพื่อนำ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กฎ "Must Have" และ "Must Carry" กลายเป็นประเด็นสำคัญในวงการโทรทัศน์ของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาระดับโลก กฎเหล่านี้ถูกกำหนดขึ้นเพื่อให้ประชาช
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กฎ "Must Have" และ "Must Carry" กลายเป็นประเด็นสำคัญในวงการโทรทัศน์ของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาระดับโลก กฎเหล่านี้ถูกกำหนดขึ้นเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่สำคัญได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม อย่างไรก็ตาม การบังคับใช้กฎเหล่านี้ได้สร้างความท้าทายและข้อขัดแย้งในด้านลิขสิทธิ์และการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการสื่อ "Must Have" หรือ "หลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะทางฟรีทีวี" ถูกประกาศใช้ในปี 2555 โดยคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กฎนี้กำหนดให้รายการโทรทัศน์ที่มีความสำคัญระดับชาติ เช่น การแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ ต้องเผยแพร่ผ่านฟรีทีวี เพื่อให้ประชาชนสามารถรับชมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย Must Have ระบุว่าการแข่งขันกีฬาสำคัญ 7 รายการต้องเผยแพร่ผ่านฟรีทีวี ได้แก่ ภาพประกอบข่าว ภาพประกอบข่าว กฎ Must Carry เป็นหลักเกณฑ์ที่กำหนดให้ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มโทรทัศน์ทุกประเภท เช่น เคเบิลทีวี ทีวีดาวเทียม และ IPTV ต้องนำช่องโทรทัศน์ที่ภาครัฐกำหนดไปออกอากาศ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร บริการสาธารณะ และเนื้อหาสำคัญที่เป็นประโยชน์ได้อย่างเท่าเทียม กฎ Must Carry มีการใช้งานในหลายประเทศทั่วโลก เช่น สหรัฐอเมริกา ที่คณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสาร (FCC) กำหนดให้ผู้ให้บริการเคเบิลทีวีต้องออกอากาศช่องโทรทัศน์ท้องถิ่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม หรือในสหภาพยุโรป ที่ประเทศสมาชิกกำหนดให้ช่องที่ให้บริการข่าวสารหรือเนื้อหาสาธารณะต้องสามารถเข้าถึงได้ในทุกแพลตฟอร์ม รวมถึงในสิงคโปร์ที่มีข้อกำหนดว่าช่องโทรทัศน์ที่ให้ข้อมูลที่จำเป็นต่อประชาชนต้องเผยแพร่ผ่านทุกระบบการออกอากาศ ใ,นประเทศไทย กฎ Must Carry ถูกนำมาใช้โดยคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ตั้งแต่ปี พ.ศ.2555 เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงเนื้อหาสำคัญได้อย่างเท่าเทียมกัน โดยกำหนดให้ผู้ให้บริการทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวีต้องออกอากาศช่องทีวีดิจิทัลที่ภาครัฐกำหนด ซึ่งรวมถึงช่องข่าว ช่องความรู้ และรายการกีฬาที่ถือว่าเป็นสาธารณะ อย่างไรก็ตาม แม้ว่ากฎนี้จะมีวัตถุประสงค์ที่ดี แต่ก็มีปัญหาหลายประการในการบังคับใช้ หนึ่งในกรณีปัญหาที่สำคัญคือ การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2565 ที่กาตาร์ ประเทศไทยประสบปัญหาเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด กฎ Must Have กำหนดว่าฟุตบอลโลกต้องออกอากาศผ่านฟรีทีวี และกฎ Must Carry ระบุว่าผู้ให้บริการโทรทัศน์ทุกระบบต้องออกอากาศการแข่งขันนี้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทำให้เอกชนไม่สามารถนำลิขสิทธิ์ไปสร้างรายได้จากการเก็บค่าสมาชิกหรือโฆษณาเพิ่มเติม ส่งผลให้การจัดหางบประมาณในการซื้อลิขสิทธิ์เกิดความล่าช้า จนต้องอาศัยเงินสนับสนุนจากกองทุนของ กสทช. และเงินร่วมลงทุนจากภาคเอกชนเพื่อให้ประชาชนสามารถรับชมได้ฟรี นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเกี่ยวกับการเข้าถึงในพื้นที่ห่างไกล แม้ว่ากฎ Must Carry จะช่วยให้ประชาชนสามารถรับชมช่องสาธารณะได้ แต่ในบางพื้นที่ยังมีข้อจำกัดเรื่องสัญญาณโทรทัศน์ที่ไม่เสถียร ทำให้ประชาชนบางส่วนต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มออนไลน์หรือ IPTV ซึ่งกฎ Must Carry ยังไม่มีการบังคับใช้อย่างครอบคลุมในแพลตฟอร์มเหล่านี้ ส่งผลให้เกิดความไม่เท่าเทียมในการรับชมเนื้อหาสำคัญ ภาพประกอบข่าว ภาพประกอบข่าว กฎ Must Carry ของ กสทช. กำหนดให้ผู้ให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ต้องเผยแพร่ช่องทีวีดิจิทัลโดยไม่มีการแทรกโฆษณาหรือเปลี่ยนแปลงเนื้อหา กรณีปัญหาเริ่มขึ้นเมื่อผู้บริโภคร้องเรียนว่า แอปพลิเคชัน ทรูไอดี มีการแทรกโฆษณาในช่องฟรีทีวี สำนักงาน กสทช. จึงมีหนังสือแจ้งเตือนไปยังผู้ประกอบการให้ตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎ Must Carry ขณะที่ ทรู ดิจิทัลฯ ตีความว่าการกระทำดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจของตน และนำไปสู่การฟ้องร้อง ศ.กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการ กสทช. ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ คดีเข้าสู่การพิจารณาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง โดยทรู ดิจิทัลฯ ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ ดร.พิรงรอง หยุดปฏิบัติหน้าที่ ขณะที่เจ้าตัวยืนยันว่าการดำเนินการของ กสทช. เป็นไปตามกฎหมายและเพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค วันที่ 14 พ.ค. 2567 ศาลมีคำสั่งให้ ดร.พิรงรอง ดำรงตำแหน่งต่อไป เนื่องจากไม่พบพฤติการณ์ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อทรู ดิจิทัลฯ จนกระทั่งวันนี้ (6 ก.พ.2568) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ตลิ่งชัน พิพากษาจำคุก 2 ปี ดร.พิรงรอง รามสูต โดยระบุว่า บริษัท ทรูดิจิทัลเป็นกิจการ OTT (Over-The-Top หรือการให้บริการสตรีมเนื้อหาผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ต) ไม่มีใบอนุญาต จาก กสทช. และ กสทช. ยังไม่ออกแนวปฏิบัติ ว่าแพลตฟอร์ม OTT ต้องขอใบอนุญาต จาก กสทช. แตกต่างจากจาก ผู้ประกอบการ IPTV, ทีวีดาวเทียม และเคเบิลทีวี ที่ประกอบกิจการแบบใช้โครงข่าย ที่ต้องดู ช่อง ท รู พรีเมียร์ ลีกขอใบอนุญาต จาก กสทช. และมีแนวปฏิบัติ แต่การประชุม คณะอนุกรรมการฯ ที่ มี ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรอง เป็นประธานได้แจ้งตรวจสอบ ทรูไอดี ที่เป็นแอปพลิเคชันบริการของเอกชน เพื่อตรวจสอบโฆษณาและเนื้อหาที่ให้บริการผ่านแอปพลิเคชัน จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ โดยไม่ชอบเข้าข่ายจงใจกลั่นแกล้ง ตามที่โจทก์ให้การ ปัญหาดังกล่าวสะท้อนถึงช่องว่างในการกำกับดูแลแพลตฟอร์ม OTT (Over-the-Top) เช่น ทรูไอดี ยูทูบ และเฟซบุ๊ก ซึ่งปัจจุบันยังไม่อยู่ภายใต้กฎหมายของ กสทช. แม้ว่าจะมีความพยายามออกกฎควบคุมบริการ OTT แต่แผนดังกล่าวต้องชะงักลงในปี 2566 เนื่องจากรอการพิจารณาโดย กสทช. นอกจากนี้ ประธาน กสทช. ยังระบุว่า การกำกับดูแล OTT อาจต้องใช้แนวทางที่แตกต่างจากทีวีดั้งเดิม เพราะแพลตฟอร์มเหล่านี้นำเสนอเนื้อหาผ่านอัลกอริทึมแบบเฉพาะบุคคล ไม่ใช่การแพร่ภาพแบบปกติ อ่านข่าว : ด่วน! ศาลฯ สั่งจำคุก 2 ปี "พิรงรอง" ผิด ม.157 คดี True ID ฟ้อง "หมอลี่" มองอนาคต การทำหน้าที่ของ "กสทช." หลังศาลฯพิพากษา "พิรงรอง" "สารี" งัด ม.27 "พิรงรอง" สู้เพื่อผู้บริโภคไม่ได้อยาก "ล้มยักษ์"
วันนี้ ( 19 ก.พ.2568 ) นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงความคืบหน้า หลัง โดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เดินหน้านโยบายมาตรการด้า