เรียกได้ว่า มาแรงจริง ๆ สำหรับกระแสเพลง "LALISA" ผลงานเพลงเดี่ยวครั้งแรกของล "ลิษา มโนบาล" หรือ ลิซ่

เศษซากขยะจากการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ถูกกองทิ้งไว้บริเวณริมทางรถไฟ จุดพื้นที่โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ช่วงยมราช - พญาไท บริเวณชุมชนบุญร่มไทร ภายหลังการรถไฟฯ เข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้

ประกาศศักยภาพของการเป็นมือเจาะพื้นที่ “เลือกตั้งซ่อม” เต็มรูปแบบแล้ว สำหรับ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม หากเริ่มนับตั้งแต่การเลือกตั้งซ่อม นายก อบจ.ปราจีนบุรี หลังอดีต สจ.โต้ง “ชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์” ถูกยิงเสียชีวิตภายในบ้านพักของ “โกทร” สุนทร €วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรี เมื่อต้นเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ต่อมา “โกทร” ถูกจับกุมตัว และพ้นจากตำแหน่ง นายก อบจ.ปราจีนบุรี ในเˆดือนก.พ.2568 จึงมีการเลือกตั้งนายก อบจ.คนใหม่ โดยพรรคเพื่อไทยส่ง “สจ.จอย” น.ส.ณภาภัช อัญชสาณิชมน ภรรยาของอดีตสจ.โต้งลง คะแนนนำโด่งม้วนเดียวจบ ได้นั่งตำแหน่งนายก อบจ. กลายเป็นสร้าง “ซุ้มใหม่การ เมือง”  ภายใต้การสนับสนุนของ ร.อ.ธรรมนัส การขยายอิทธิพลในสนามการเมืองระดับท้องถิ่น ปฎิเสธไม่ได้ว่า “ร.อ.ธรรมนัส เป็นมือทำงานเสมือน “ขุนพล” คนหนึ่งของอดีตนายกฯ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ใช้บริการอยู่บ่อยครั้ง ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แม้จะเคยประกาศชัดเจนว่าพรรคกล้าธรรมไม่ใช่สาขาของพรรคเพื่อไทย เฉกเดียวกับพรรคประชาชาติของ “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” ที่เข้าไปครองใจคนสามจังหวัดชายแดนใต้ จนคว้าเก้าอี้สส.ได้หลายที่นั่ง แต่ ร.อ.ธรรมนัส ก็ไม่เคยตอบรับและไม่ได้ปฏิเสธเสียทีเดียว “จากกระแสข่าวที่ว่าพรรคกล้าธรรมเป็นพรรคสาขาของพรรคใดพรรคหนึ่ง อยากจะกราบเรียนว่า พรรคกล้าธรรมคือพรรคกล้าธรรม เพราะกล้าทำในสิ่งที่เรากล้าคิด กล้าวางแผน และกล้าตัดสินใจ” ว่าไปแล้ว ในยุคที่พรรคพลังประชารัฐ และ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยังเรืองอำนาจ “ร.อ.ธรรมนัส” ได้รับการมอบหมายให้เป็นแม่ทัพใหญ่ จัดกำลังพล คุมกำลังรบดูแลและจัดการการเลือกตั้งในพื้นภาคใต้ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ สส.พะเยาคนนี้ จะมักคุ้นกับคนการเมืองในแดนสะตอ ด้วยว่าผ่านประ สบการณ์ในสนามเลือกตั้งซ่อมที่ภาคใต้มาแล้วถึง 3 สนาม ในเขต จ.นครศรี ธรรมราช, สงขลา และชุมพร “ที่หนองบัวลำภู เราสามารถล้มแชมป์เก่า (นายก อบจ.) ได้ และจังหวัดล่าสุด คือสมุทรสงคราม ผมกับ ส.ส.หลายคนได้เดินทางไปปฏิบัติการอย่างลับ ๆ มีการประชุมผู้นำท้องถิ่นจนชนะอย่างไม่คาดคิด หลายพรรคไปเคลมว่าเป็นของพรรคโน้นพรรคนี้ จริง ๆ แล้วชัยชนะเป็นของพรรคกล้าธรรม” คำพูดของร.อ.ธรรมนัส ในการประชุมใหญ่สามัญครั้งที่ 1/2568 เมื่อต้นเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ครั้งนี้ก็เช่นกัน ชัยชนะของ “โอ” ก้องเกียรติ เกตุสมบัติ พรรคกล้าธรรม แม้จะเป็นครั้งแรกที่พรรคกล้าธรรมได้สส.ในเขตนี้ แต่เอาเข้าจริง มีหลายปัจจัยที่ทำให้ “โอ” ก้องเกียรติ เอาชนะ”ไสว เลื่องศรีนิล” พรรคภูมิใจไทย และพ่อตา “ชินวรณ์ บุญยเกียรติ” เจ้าถิ่นเก่า อย่างพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาได้ นอกจากความได้เปรียบในฐานะคนพื้นที่ ที่ไต่เต้าจากตำแหน่งสารวัตรกำนัน ต.ละอาย อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อปี 2557 และเติบโตในสนามการเมืองท้องถิ่น จนได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช (สจ.) อ.ฉวาง เขต 1 เมื่อปี 2563 เคยร่วมทีมทำงานกับ “กนกพร เดชเดโช” อดีตนายก อบจ.นครศรีธรรมราช มารดาของ “ชัยชนะ เดชเดโช” สส.นครศรีธรรมราช และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แม้จะเป็นสมาชิกพรรคสีฟ้่ามาก่อน แต่ต่อมา  “โอ” ก้องเกียรติ ตัดสินใจลาออกมาสมัครรับเลือกตั้ง สส.เขต 8 นครศรีธรรมราช และได้รับเลือกเป็นสส. สังกัดอยู่ใต้ร่มเงาของ “ร.อ.ธรรมนัส” แห่งพรรคกล้าธรรม จะเห็นได้ว่า ชัย ชนะของ “โอ”ก้องเกียรติ ถือเป็นการสร้างฐานการเมืองสำคัญในพื้นที่ภาคใต้ของร.อ.ธรรมนัส หลังเคยเข้าไปหยั่งเชิงในสนามเลือกตั้ง นายก อบจ.สงขลาและนราธิวาสมาแล้ว กลับมาที่ค่ายสีน้ำเงิน “ภูมิใจไทย” ส่ง “ไสว เลื่องศรีนิล” สามีของ “มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล” ซึ่งถูกศาลฎีกามีคำพิพากษาเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และสั่งชดใช้ค่าใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้งจำนวน 8.4 ล้านบาท เนื่องจากกระทำการทุจริตซื้อเสียง และการเลือกตั้งครั้งนี้ “ไสว” ต้องพ่ายให้กับ โอ “ก้องเกียรติ” แต่ “โกเกี๊ยะ” พิพัฒน์ รัชกิจประการ ในฐานะแกนนำพรรคภูมิใจไทยที่รับผิดชอบพื้นที่ภาคใต้ กลับบอกเพียงว่า ต้องยอมรับ สิ่งที่ชาวบ้านคิดและตัดสินใจเลือกแล้ว ก็ต้องยอมรับ ...แต่การเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้าจะต้องมีการปรับแผนใหม่ เนื่อ��งจากบริบทเปลี่ยนไปแล้วและหลายพรรคอาจจะมีการปรับเรื่องของท่าที ถือเป็นลงสนามประลองกำลังของทุกพรรคการเมือง ก่อนของจริงจะมาถึงในปี 2570 ในนิยามที่สนามการเมืองพื้นภาคใต้ที่เปลี่ยนไป เมื่อผลการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 สะท้อนให้เห็นชัดว่า ค่ายพรรคสีฟ้า “ประชาธิปัตย์” ไม่สามารถครองใจชาวบ้านในพื้นที่ได้อีกต่อไป หลายพื้นที่เปิดรับตัวแทนจากพรรคภูมิใจไทย รวมไทยสร้างชาติ ประชาชาติและกล้าธรรม คาดการณ์กันว่า หากรัฐบาลอยู่ครบเทอม การเมืองใน 14 จังหวัดภาคใต้ ยังต้องร้อนระุอุและน่าติดตาม เพราะการปักธงได้สส.ใน จ.นครศรีธรรมราชในครั้งนี้ ไม่เพียงทำให้ “ร.อ.ธรรมนัส” ก้าวขึ้นมาเป็นแม่ทัพใหญ่ข้างกายของค่ายสีแดงเท่านั้น แต่ในจังหวัดอื่น ๆ พื้นที่ที่พรรคเพื่อไทยเข้าไปไม่ถึง จะถูกเว้นช่องให้ ”กล้าธรรม”จะเข้าไป “เจาะ” สร้างซุ้มใหม่ให้ใหญ่ในทางการเมืองได้ ดังจะเห็นจากความเคลื่อนไหวของในการลุยตั้งตัวแทนพรรคกล้าธรรม ทั้งที่ จ. มุกดาหาร นครราชสีมา นครสวรรค์ ยะลา สุโขทัยและพิจิตร ที่เปิดรับสมาชิกกันอย่างคึกคัก โดยทุกพรรคจะมองข้ามและประมาทมิได้เด็ดขาด เพราะไม่ใช่ต้องสู้กับกระแสอย่างเดียว แต่ยังต้องรบกับกระสุนดินดำ และกองส่งบำรุงกำลังเต็มอัตราอีกด้วย อ่านข่าว: ศึกหนักรัฐบาล “ตัดงบ3.5 หมื่นล้าน” ผิดรธน.144 รีเซ็ตครม.ยกชุด กระชับพื้นที่ “อั้งยี่-ฟอกเงิน” ดีเอสไอ เปิดเกมไล่บี้ “สว.สีน้ำเงิน” จับกระแสการเมือง: วันที่ 23 เม.ย.2568 “เกม ที่ เล่น เเ ล้ ว ได้ เงินภูมิธรรม” ชัดซื้ออาวุธกองทัพ ไม่เอาเท่ ฉกข้อสอบนิติฯจุฬา ส่งให้ “อดีตบิ๊กตร.” ลอก

ประกาศศักยภาพของการเป็นมือเจาะพื้นที่ “เลือกตั้งซ่อม” เต็มรูปแบบแล้ว สำหรับ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม หากเริ่มนับตั้งแต่การเลือกตั้งซ่อม นายก อบจ.ปราจีนบุรี หลังอดีต สจ.โต้ง “