pg ฝาก 20 รับ 100 วอ เลท ล่าสุดbestslot789-หวย 🍔หุ้น แม่น🧩 ๆ🔑 ฟร🏉🤺⛹️‍♂️🎃ี🔑-ทีเด็ด สี เซียน

pg 🏄‍♂️ฝาก 20 รับ 🏉🧩🤺⛹️‍♂️10🍰0 🌈วอ เลท ล่าสุดbestslot🐼789

วันนี้ (5 ส.ค.2566) การแข่งขันวอลเลย์บอลหญิง ซี วี.ลีก 2023 สัปดาห์ที่ 1 นัดที่สอง ณ เมืองหวิญ ฟุค ปpg 🏄‍♂️ฝาก 20 รับ 🏉🧩🤺⛹️‍♂️10🍰0 🌈วอ เลท ล่าสุดbestslot🐼789

กพย.เปิดงานวิจัย จี้กรมทรัพย์สินทางปัญญา คงระบบคัดค้านก่🧚‍♀️อนออกสิทธิบัตร สกัดอุตฯยายักษ์ใหญ่ ไล่ฟ้องบริษัทยาชื่อสามัญในไทยอย่างไม่🌈🐙➕1️⃣เป็นธรรม จ🎤ี้🥥 แก้ระบบสืบค้น🌊สิทธิบัตรแย่-ผลประโยชน์ทับซ้อนในกรรมการและอนุก

กพย.เปิดงานวิจัย จี้กรมทรัพย์สินทางปัญญา คงระบบคัดค้านก่อนออกสิทธิบัตร สกัดอุตฯยายักษ์ใหญ่ ไล่ฟ้องบริษัทยาชื่อสามัญในไทยอย่างไม่เป็นธรรม จี้ แก้ระบบสืบค้นสิทธิบัตรแย่-ผลประโยชน์ทับซ้อนในกรรมการและอนุกรรมการสิทธิบัตร กพย.เปิดงานวิจัย จี้กรมทรัพย์สินทางปัญญา คงระบบคัดค้านก่อนออกสิทธิบัตร สกัดอุตฯยายักษ์ใหญ่ แผนงานสร้างกลไกเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย.) เผยแพร่งานวิจัยซึ่งเป็นเอกสารจุดประเด็นเพื่ออภิปรายและเสนอมาตรการการทำการคัดค้านก่อนการออกสิทธ��ิบัตร (Pre-grant opposition) และการดำเนินการเพื่อเพิกถอนสิทธิบัตร (Patent revocation): ถอดบทเรียนบริ��ษัทยาในประเทศไทย พบว่า ในปั€จจุบัน อุตสาหกรรมยาต้นแบบมักใช้มาตรการทางกฎหมายด้วยการยื่นโนติสและฟ้องร้องบริษัทยาชื่อสามัญว่าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อหวังสกัดยาชื่อสามัญเข้าสู่ตลาด ผศ.ดร.นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี ผู้จัดการ กพย.กล่าวว่า บริษัทยาต้นแบบเลือกใช้การฟ้องร้องเอาผิดทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การละเมิดสิทธิบัตร, เครื่องหมายการค้า หรือแม้แต่ละเมิดลิขสิทธิ์ในเอกสารกำกับยาทั้งๆที่ไม่ใช่วรรณกรรมตามกฎหมายไทย นอกจากนี้ในระหว่างคดีอยู่ในศาลยังใช้กลวิธีการส่งจดหมายไปตามโรงพยาบาลต่างๆให้ระงับการสั่งซื้อยาชื่อสามัญที่เป็นคดีความ ทั้งๆที่คดียังไม่สิ้นสุด หากบริษัทยาชื่อสามัญเล็กๆที่ไม่มีฝ่ายกฎหมายหรือฝ่ายสิทธิบัตรที่แข็งแกร่งมากพอ ก็อาจจะถอดใจ ไม่สู้คดี ถอนยาจากตลาด ซึ่งทำให้บริษัทยาต้นแบบผูกขาดและเรียกราคายาได้แพงขึ้นเพราะขายเพียงเจ้าเดียว แม้ว่าในความเป็นจริง ในที่สุดศาลอาจจะชี้ว่า บริษัทยาชื่อสามัญนั้นอาจจะไม่ได้ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเลยก็ได้ “ดังนั้น ระบบสืบค้นฐานข้อมูลสิทธิบัตรที่มีคุณภาพและเสถียรมากพอ, คู่มือการตรวจสอบคำขอสิทธิบัตรที่มีความชัดเจน เพื่อป้องกันการขอสิทธิบัตรที่ไม่เหมาะสมหรือ Evergreening Patent เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง, และ พัฒนาระบบการคัดค้านก่อนการออกสิทธิบัตรให้มีระยะเวลามากพอสำหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่างๆจะได้ช่วยตรวจสอบให้ถูกต้อง เพื่อป้องกันอุตสาหกรรมยาข้ามชาติใช้เงินทุนที่เหนือกว่าใช้ช่องทางกฎหมายรังแกบริษัทยาชื่อสามัญในประเทศ” ด้าน รศ.ดร.จิราพร ลิ้มปานานนท์ ประธานมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคกล่าวว่า จากเอกสารงานวิจัยชี้ให้เห็นชัดว่า มีความพยายามในการทำให้ระบบการตรวจสอบทรัพย์สินทางปัญญาโดยเฉพาะสิทธิบัตรของไทยอ่อนแอลง ซึ่งนี่จะกระทบกับสาธารณะโดยรวมอย่างไม่มีความสมดุลย์ กรมทรัพย์สินทางปัญญาควรแก้ไขปรับปรุงกฎกติกาต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อบริษpg ฝาก 20 รับ 100 วอ เลท ล่าสุดbestslot789ัทยาชื่อสามัญของประเทศไทย และจำเป็นต้องเท่าทันต่อแรงกดดัน กลวิธีต่างๆ ของบริษัทยาต้นแบบ ซึ่งถูกหนุนหลังโดยประเทศอุตสาหกรรมตะวันตก ไม่โอนอ่อนไปตามอิทธิพลหรือการเจรจาที่จะตัดตอนการเติบโตของอุตสาหกรรมของประเทศดังที่เคยเป็นมาแล้ว เมื่อ&#x;ยอมแก้ไข พรบ.สิทธิบัตร ก่อนล่วงหน้าถึง 8 ปีเต็ม ซึ่งทำให้ประเทศชาติเสียโอกาสมหาศาล เมื่อเทียบกับอินเดียที่แก้ไขในอีก 13 ปีต่อมา นางอัฉรา เอกแสงศรี ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา องค์การเภสัชกรรมกล่าวว่า อยากให้ประเทศไทย มีหน่วยงานด้านกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาที่เข้ามาช่วยเหลือบริษัทยาเล็กๆที่อาจถูกขู่ หรือช่วยตรวจสอบและคัดค้านคำขอสิทธิบัตรที่ไม่เหมาะสม เช่นที่มีการรวมตัวของนักกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาในอินเดียมาทำงานด้านนี้ ที่ผ่านมา การวิจัยและพัฒนาของสถาบันฯพบปัญหาเยอะมากโดยเฉพาะเรื่องฐานข้อมูลสิทธิบัตร “กรมทรัพย์สินทางปัญญาควรปรับปรุงระบบสืบค้นสิทธิบัตรให้ดีขึ้น เพื่อประโยชน์การพัฒนาอุตสาหกรรมยาของประเทศ เพื่อความมั่นคงของชาติ ไม่ใช่การบั่นทอน เช่นปัจจุบัน แม้ที่ผ่านมามีการปรับปรุงบ้าง แต่จนถึงขณะนี้ยังพบปัญหาในการปฏิบัติ ระบบสืบค้นยาก ระบบไม่เสถียร มีความไม่แน่นอนสูง บางทีพบคำขอนั้น บางทีก็ไม่พบ บางคำขอก็หายไปเฉยๆ ยกตัวอย่าง เช่น เราพบคำขอไม่ต่ำกว่า 3 ฉบับที่ยื่นตรวจสอบการประดิษฐ์ในปี 2553 ซึ่ง เกิน 5 ปีนับจากวันประกาศโฆษณา อีกทั้งสถานะเดิมเคยลงว่ายื่นตรวจสอบไปแล้วเมื่อปี 2545 ซึ่งไม่ควรเป็นไปได้ หากระบบยังไม่พร้อมเช่นนี้ บริษัทยาชื่อสามัญก็จะไม่มีความมั่นใจเดินหน้าผลิตยาที่คิดว่าไม่ละเมิดสิทธิบัตรมาแข่ขันในตลาดเพื่อให้ยามีราคาถูกลง” แผนงานสร้างกลไกเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย.) เผยแพร่งานวิจัยซึ่งเป็นเอกสารจุดประเด็นเพื่ออภิปรายและเสนอมาตรการการทำการคัดค้านก่อนการออกสิทธิบัตร (Pre-grant opposition) แ€ƒละการดำเนินการเพื่อเพิกถอนสิทธิบัตร (Patent revocation): ถอดบทเรียนบริษัทยาในประเทศไทย พบว่า ในปัจจุบัน อุตสาหกรรมยาต้นแบบมักใช้มาตรการทางกฎหมายด้วยการยื่นโนติสและฟ้องร้องบริษัทยาชื่อสามัญว่าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อหวังสกัดยาชื่อสามัญเข้าสู่ตลาด ผศ.ดร.นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี ผู้จัดการ กพย.กล่าวว่า บริษัทยาต้นแบบเลือกใช้การฟ้องร้องเอาผิดทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การละเมิดสิทธิบัตร, เครื่องหมายการค้า หรือแม้แต่ละเมิดลิขสิทธิ์ในเอกสารกำกับยาทั้งๆที่ไม่ใช่วรรณกรรมตามกฎหมายไทย นอกจากนี้ในระหว่างคดีอยู่ในศาลยังใช้กลวิธีการส่งจดหมายไปตามโรงพยาบาลต่างๆให้ระงับการสั่งซื้อยาชื่อสามัญที่เป็นคดีความ ทั้งๆที่คดียังไม่สิ้นสุด หากบริษัทยาชื่อสามัญเล็กๆที่ไม่มีฝ่ายกฎหมายหรือฝ่ายสิทธิบัตรที่แข็งแกร่งมากพอ ก็อาจจะถอดใจ ไม่สู้คดี ถอนยาจากตลาด ซึ่งทำให้บริษัทยาต้นแบบผูกขาดและเรียกราคายาได้แพงขึ้นเพราะขายเพียงเจ้าเดียว แม้ว่าในความเป็นจริง ในที่สุดศาลอาจจะชี้ว่า บริษัทยาชื่อสามัญนั้นอาจจะไม่ได้ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเลยก็ได้ “ดังนั้น ระบบสืบค้นฐานข้อมูลสิทธิบัตรที่มีคุณภาพและเสถียรมากพอ, คู่มือการตรวจสอบคำขอสิทธิบัตรที่มีความชัดเจน เพื่อป้องกันการขอสิทธิบัตรที่ไม่เหมาะสมหรือ Evergreening Patent เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง, และ พัฒนาระบบการคัดค้านก่อนการออกสิทธิบัตรให้มีระยะเวลามากพอสำหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่างๆจะได้ช่วยตรวจสอบให้ถูกต้อง เพื่อป้องกันอุตสาหกรรมยาข้ามชาติใช้เงินทุนที่เหนือกว่าใช้ช่องทางกฎหมายรังแกบริษัทยาชื่อสามัญในประเทศ” ด้าน รศ.ดร.จิราพร ลิ้มปานานนท์ ประธานมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคกล่าวว่า จากเอกสารงานวิจัยชี้ให้เห็นชัดว่า มีความพยายามในการทำให้ระบบการตรวจสอบทรัพย์สินทางปัญญาโดยเฉพาะสิทธิบัตรของไทยอ่อนแอลง ซึ่งนี่จะกระทบกับสาธารณะโดยรวมอย่างไม่มีความสมดุลย์ กรมทรัพย์สินทางปัญญาควรแก้ไขปรับปรุงกฎกติกาต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อบริษัทยาชื่อสามัญของประเทศไทย และจำเป็นต้องเท่าทันต่อแรงกดดัน กลวิธีต่างๆ ของบริษัทยาต้นแบบ ซึ่งถูกหนุนหลังโดยประเทศอุตสาหกรรมตะวันตก ไม่โอนอ่อนไปตามอิทธิพลหรือการเจรจาที่จะตัดตอนการเติบโตของอุตสาหกรรมของประเทศดังที่เคยเป็นมาแล้ว เมื่อยอมแก้ไข พรบ.สิทธิบัตร ก่อนล่วงหน้าถึง 8 ปีเต็ม ซึ่งทำให้ประเทศชาติเสียโอกาสมหาศาล เมื่อเทียบกับอินเดียที่แก้ไขในอีก 13 ปีต่อมา นางอัฉรา เอกแสงศรี ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา องค์การเภสัชกรรมกล่าวว่า อยากให้ประเทศไทย มีหน่วยงานด้านกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาที่เข้ามาช่วยเหลือบริษัทยาเล็กๆที่อาจถูกขู่ หรือช่วยตรวจสอบและคัดค้านคำขอสิทธิบัตรที่ไม่เหมาะสม เช่นที่มีการรวมตัวของนักกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาในอินเดียมาทำงานด้านนี้ ที่ผ่านมา การวิจัยและพัฒนาของสถาบันฯพบปัญหาเยอะมากโดยเฉพาะเรื่องฐานข้อมูลสิทธิบัตร “กรมทรัพย์สินทางปัญญาควรปรับปรุงระบบสืบค้นสิทธิบัตรให้ดีขึ้น เพื่อประโยชน์การพัฒนาอุตสาหกรรมยาของประเทศ เพื่อความมั่นคงของชาติ ไม่ใช่การบั่นทอน เช่นปัจจุบัน แม้ที่ผ่านมามีการปรับปรุงบ้าง แต่จนถึงขณะนี้ยังพบปัญหาในการปฏิบัติ ระบบสืบค้นยาก ระบบไม่เสถียร มีความไม่แน่นอนสูง บางทีพบคำขอนั้น บางทีก็ไม่พบ บางคำขอก็หายไปเฉยๆ ยกตัวอย่าง เช่น เราพบคำขอไม่ต่ำกว่า 3 ฉบับที่ยื่นตรวจสอบการประดิษฐ์ในปี 2553 ซึ่ง เกิน 5 ปีนับจากวันประกาศโฆษณา อีกทั้งสถานะเดิมเคยลงว่ายื่นตรวจสอบไปแล้วเมื่อปี 2545 ซึ่งไม่ควรเป็นไปได้ หากระบบยังไม่พร้อมเช่นนี้ บริษัทยาชื่อสามัญก็จะไม่มีความมั่นใจเดินหน้าผลิตยาที่คิดว่าไม่ละเมิดสิทธิบัตรมาแข่ขันในตลาดเพื่อให้ยามีราคาถูกลง”

วันน🎉ี้ (7 ต.ค.2566) ผู้สื่🌞🦋อข่าวร🐝ายงานว่า เพจเฟซบุ๊คพรรคเป็นธรรม FA🌼IR Party โพสต์ภา🥳พกราฟฟิก ว่า วันที

ตามปฏิทินการเมืองสมัยประชุมสภาจะปิดประชุมในช่วงวันที🤔่ 28 ก.พ.25 ขณะที่การประกาศยุบสภ💻าฯนั้น พ🌞ล.อ.ป🎤ระย🍰🔑

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 33
วันนี้ (28 ต.ค.2564) กระทรวงศึกษาธิการ ออกประกาศเรื่องหลักเกณฑ์การเปิดโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษา ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 34)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่