วันนี้ (24 มิ.ย.2564) ผศ.ดร.ชาญชัย จิตรเหล่าอาพร คณบดีคณะรัฐศาสตร์ แถลง สิงห์สยามโพล คณะรัฐศาสตร์ มห

วันนี้ (24 มิ.ย.2564) ผศ.ดร.ชาญชัย จิตรเหล่าอาพร คณบดีคณะรัฐศาสตร์ แถลง สิงห์สยามโพล คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม ซึ่งเป็นผลสำรวจความคิดเห็น “สถานการณ์ความต้องการวัคซีนในประเทศไทย” จากความคิดเห็นของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และเขตภาคกลาง โดยสำรวจข้อมูลระหว่างวันที่ 16-20 มิ.ย.2564 ด้วยแบบสอบถามออนไลน์จากประชาชนในเขตกรุงเทพ ปริมณฑล และเขตภาคกลางที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป รวม 1,093 หน่วยตัวอย่าง โดยใช้การสุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบหลายขั้นตอน (Multi Stage Random Sampling) โดยเบื้องต้นใช้วิธีการแบบง่าย (Simple Random Sampling) โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 95.0 เพื่อเลือกพื้นที่ในการเก็บข้อมูลในเขตกรุงเทพ ปริมณฑล และเขตภาคกลางดำเนินการเก็บข้อมูลโดยการสุ่มแบบบังเอิญ (Accidental Sampling) เพื่อเก็บข้อมูลจากประชาชนที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป ผลการสำรวจ พบว่า 1.ความต้องการฉีดวัคซีนยี่ห้อ พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีความต้องการฉีดวัคซีนยี่ห้อ ไฟเซอร์มากที่สุด (ร้อยละ 31.8) รองลงมาคือ ซิโนแวค (ร้อยละ 16.5) แอสตร้าเซนเนกา ผล สลากกินแบ่ง รัฐบาล 1 ก ย 2563(ร้อยละ 15.4) จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน (ร้อยละ 15.2) ซิโนฟาร์ม (ร้อยละ 9.1) โมเดอร์นา (ร้อยละ 6.0) อื่นๆ (ร้อยละ 4.5) และลำดับสุดท้ายคือ สปุ๊คนิค V (ร้อยละ 1.6) 3.การขอความร่วมมือในการฉีดวัคซีนให้กับทุกคนทั้งประเทศ พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีความเห็นต่อการขอความร่วมมือ ในการฉีดวัคซีนให้กับทุกคนทั้งประเทศ อยู่ในระดับมาก (ร้อยละ 66.6) รองลงมาคือ ปานกลาง (ร้อยละ 27.4) ไม่เห็นด้วย (ร้อยละ 4.5) และลำดับสุดท้ายคือ น้อย (ร้อยละ 1.6) 4.ความเชื่อมั่นต่อประสิทธิผลของวัคซีนที่ฉีดหรือต้องการจะฉีด พบว่า กลุ่มตัวอย่าง มีความเชื่อมั่นต่อประสิทธิผลของวัคซีน อยู่ในระดับปานกลาง (ร้อยละ 54.5) รองลงมาคือ มาก (ร้อยละ 27.3) น้อย (ร้อยละ 10.6) และลำดับสุดท้ายคือ ไม่เชื่อมั่น (ร้อยละ&#x; 7.6) 6.นโยบายของรัฐบาลในการจัดการวัคซีนมีประสิทธิภาพ พบว่า กลุ่มตัวอย่างเห็นว่านโยบายของรัฐบาล ในการจัดการวัคซีนมีประสิทธิภาพ อยู่ในระดับปานกลาง (ร้อยละ 34.5) รองลงมาคือ น้อย (ร้อยละ 30.6) ไม่มีประสิทธิภาพ (ร้อยละ 27.3) และลำดับสุดท้ายคือ มาก (ร้อยละ 7.7) 7.การรณรงค์ประชาสัมพันธ์การฉีดวัคซีนของรัฐบาลมีประสิทธิภาพ พบว่า กลุ่มตัวอย่าง เห็นว่าการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ของรัฐบาล มีประสิทธิภาพอยู่ในระดับน้อย (ร้อยละ 38.1) รองลงมาคือ ปานกลาง (ร้อยละ 31.7) ไม่มีประสิทธิภาพ (ร้อยละ 25.7) และลำดับสุดท้ายคือ มาก (ร้อยละ 4.6) 8.การฉีดวัคซีนเป็นภูมิคุ้มกันหมู่ นำไปสู่การเปิดประเทศ และการท่องเที่ยว พบว่า กลุ่มตัวอย่างเห็นว่า การฉีดวัคซีนเป็นภูมิคุ้มกันหมู่นำไปสู่การเปิดประเทศและการท่องเที่ยวอยู่ในระดับปานกลาง (ร้อยละ 39.8) รองลงมาคือ มาก (ร้อยละ 37.4) น้อย (ร้อยละ 13.8) และลำดับสุดท้ายคือ ไม่เห็นด้วย (ร้อยละ 9.0) 9.องค์ปกครองส่วนท้องถิ่นมีศักยภาพในการจัดการฉีดวัคซีน พบว่า ประชากรตัวอย่างส่วนใหญ่เห็นว่าองค์ปกครองส่วนท้องถิ่นมีศักยภาพในการจัดการฉีดวัคซีนอยู่ในระดับปานกลาง (ร้อยละ 46.4) รองลงมาคือ น้อย (ร้อยละ 39.9) และลำดับสุดท้ายคือ มาก (ร้อยละ 13.7) 10.ความพร้อมไปร่วมกิจกรรมการชุมนุมทางการเมือง แม้ไม่ได้ฉีดวัคซีน พบว่า กลุ่มตัวอย่าง เห็นว่ามีความพร้อมไปร่วมกิจกรรมการชุมนุมทางการเมือง แม้ไม่ได้ฉีดวัคซีน อยู่ในระดับไม่เข้าร่วมแน่นอน (ร้อยละ 56.5) รองลงมาคือ น้อย (ร้อยละ 21.8) ปานกลาง (ร้อยละ 15.6) และลำดับสุดท้ายคือมาก (ร้อยละ 6.2) เมื่อพิจารณาข้อมูลทั่วไปของกลุ่มตัวอย่าง พบว่า กลุ่มตัวอย่าง 1,093 ตัวอย่าง ที่มีความคิดเห็นต่อความต้องการวัคซีนในประเทศไทย ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย จำนวน 665 คน (ร้อยละ 60.8) มีอ¬ç§ายุระหว่าง 31 - 50 ปี (ร้อยละ 63.4) สำเร็จการศึกษาปริญญาตรี (ร้อยละ 39.7) เป็นพนักงานบริษัท (ร้อยละ 39.3) และมีรายได้ระหว่าง 15,001-25,000 บาท (ร้อยละ 47.2) ข้อค้นพบจากการสำรวจ คือ ประชาชนที่เป็นกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ มีสถานภาพเป็นชนชั้นกลางในชุมชนเมือง ซึ่งอยู่ในช่วงวัยทำงาน มีอายุระหว่าง 31 - 50 ปี (ร้อยละ 63.4) สำเร็จการศึกษาปริญญาตรี (ร้อยละ 39.7) และมีรายได้ระหว่าง 15,001-25,000 บาท (ร้อยละ 47.2) โดยประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 68.3 ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ประชาชนผู้ตอบแบบสอบถามนี้สนับสนุน และพร้อมให้ความร่วมมือในการฉีดวัคซีน มากถึงร้อยละ 66.6 แต่กลับพบว่ามีความเชื่อมั่นถึงประสิทธิผลของวัคซีนที่ฉีดหรือต้องการจะฉีดในระดับปานกลาง ร้อยละ 54.5 เท่านั้น สอดคล้องกับระดับความเชื่อมั่นในนโยบายของรัฐบาล ในการจัดการวัคซีนว่า มีประสิทธิภาพเพียง ร้อยละ 7.7 เช่นกัน ซึ่งเป็นผลจากขาดการรณรงค์ประชาสัมพันธ์การฉีดวัคซีนของรัฐบาลอย่างประสิทธิภาพที่อยู่ในระดับน้อย คิดเป็นร้อยละ 38.1 เท่านั้นเชื่อระดับปานกลางว่า การฉีดวัคซีน นำไปสู่การเปิดประเทศ อย่างไรก็ดีประชาชนมีแนวโน้มที่เชื่อว่า การฉีดวัคซีนเป็นภูมิคุ้มกันหมู่ นำไปสู่การเปิดประเทศและการท่องเที่ยว ซึ่งอยู่ในระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 39.8 และรองลงมาคือ มาก คิดเป็นร้อยละ 37.4 นอกจากนี้ระดับความเชื่อมั่นต่อการแสดงบทบาทหรือศักยภาพขององค์ปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดการฉีดวัคซีนก็ปรากฏเพียง ร้อยละ 13.7 เมื่อพิจารณาประเด็นการมีส่วนร่วมทางการเมือง พบว่า ในประเด็นการแสดงออกทางการเมืองของประชาชน ตัวอย่างส่วนใหญ่เห็นว่าหากยังไม่ได้ฉีดวัคซีนจะยังไม่เข้าร่วมกิจกรรมการชุมนุมทางการเมืองมากถึงร้อยละ 56.5 ภาครัฐจำเป็นต้องเร่งระดมสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ผ่านการฉีดวัคซีน ดังนี้ 1.ภาครัฐควรให้ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับวัคซีนอย่างถูกต้องและครบถ้วน ได้แก่ คุณสมบัติ ข้อดี ข้อเสีย ความเหมาะสมกับผู้ใช้ของวัคซีนแต่ละยี่ห้อ กระบวนการขั้นตอนในการลงทะเบียนเข้าฉีดวัคซีน ช่วงเวลาและจำนวนวัคซีนที่มี 2.ภาครัฐควรสร้างความมั่นใจถึงความปลอดภัยและประโยชน์ที่ได้จากการเข้ารับการฉีดวัคซีนทั้งแก่ตนเองและสังคมโดยรวม 3.ภาครัฐควรกำหนดนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการวัคซีนให้เกิดความชัดเจน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับประชาชนซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง

หลังมีฝนตกหนักเมื่อช่วงเช้าวานนี้ (29 ต.ค.66) ทำให้ภายในสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดพะเยาน้ำท่วมขังส่งผลให้ประชาชนต้องเดินลุยน้ำเข้าออกเมื่อมาใช้บริการนอกจากจุดนี้ แถวถนนบริเวณติดกับห้างสรรพสินค้าโลตัส

วันนี้ (15 ธ.ค.2567) ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ สอท. นำหมายจับศาลอาญาเข้าจับกุมนางส

นิยายชีวิต โดย : Joko Sadewo
เรื่องและภาพโดย : Joko Sadewo
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” ได้ที่นี่..