กรณีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จัดรับฟังความคิดเห็นเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน 265

กลิ่นหอมคล้ายใบเตย ปลูกได้ปีละ 1 ครั้ง เอกลักษณ์ที่ชาติใดยากจะเลียนแบบ "หอมมะลิ" ข้าวหอมสายพันธุ์ไทย แหล่งกำเนิดใหญ่จากภาคกลางสู่ "ทุ่งกุลาร้องให้"ภาคอีสานของไทย ซึ่งขึ้นชื่อในการปลูกข้าวหอมมะลิมากที่สุด ทำให้ข้าวไทยได้รับความนิยมจากผู้บริโภค และดังไกลไปทั่วโลก ด้วยลักษณะเฉพาะตัว เมื่อหุงแล้วเรียงเม็ดสวย กลิ่นหอมตลบอบอวนก่อนข้าวจะสุก แม้ประเทศคู่แข่งมีความพยายามจะลอกเลียนแบบและดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อจดสิทธิบัตร โดยเคลมว่าข้าวที่จำ หน่าย คือ ข้าวหอมมะลิไทย คุณภาพพรีเมี่ยม ทั้งที่ในข้อเท็จจริง "หอมมะลิไทย" จัดเป็นข้าวที่ดีที่สุดในโลก หรือ “World's Best Rice Award” ติดต่อกันมา 7 ปี จากการประกวด งานประชุมข้าวโลก (World Rice Conference) ซึ่งจัดโดยผู้ค้าข้าวโลกในสหรัฐอเมริกา นอกจาก เป็นสินค้าที่นิยมบริโภคในประเทศแล้ว ในแต่ละปีข้าวหอมมะลิไทย (Thai Jasmine Rice) ถือเป็นสินค้าส่งออกที่สร้างรายได้เข้าประเทศมูลค่ามหาศาล แม้ว่าก่อนหน้านี้จะไทยจะเสียแชมป์การส่งออกข้าวให้กับเวียดนามไปแล้วก็ตาม ข้อมูลจากกรมศุลกากร ระบุว่า เมื่อปี 2566 ไทยมีปริมาณส่งออกข้าว 8,763,266 ล้านตัน มูลค่า178,136 ล้านบาท มีปริมาณเพิ่มขึ้น 13.7% และมูลค่าเพิ่มขึ้น 28.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 ที่ส่งออกปริมาณ 7,710,236 ตัน มูลค่า 138,698 ล้านบาท  ขณะที่เป้าส่งออกปี2567 ภาคเอกชนตั้งเป้าไว้ที่ 7.5ล้านตัน มูลค่า 150,000ล้านบาท โดยการส่งออกข้าวในเดือนธ.ค.2566 มีปริมาณ 817,499 ตัน มูลค่า 18,585 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนธ.ค. 2565 ที่ส่งออก 785,317 ตัน มูลค่า 14,932 ล้านบาท เนื่องจากผู้ส่งออกมีสัญญาส่งมอบข้าวที่ยังต้องเร่งส่งมอบจำนวนมาก ประกอบกับผู้นำเข้าที่สำคัญในเอเชีย เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ญี่ปุ่น รวมทั้งตลาดหลักในภูมิภาคแอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา ยังคงมีความต้องการข้าวอย่างต่อเนื่อง ทั้งข้าวขาว ข้างนึ่ง และข้าวหอม เพื่อชดเชยอุปทานข้าวในประเทศที่ลดลง และ สำรองไว้ใช้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 ประกอบกับอุปทานข้าวที่ส่งออกได้ของไทยยังคงมีเพียงพอและราคาข้าวของไทยยังอยู่ใน ระดับที่แข่งขันได้จึงทำให้ผู้นำเข้าข้าวหันมาซื้อข้าวไทยมากขึ้น "อัตลักษณ์และรสชาติของข้าวไทย" ปฎิเสธไม่ได้ว่า นอกเหนือจากพันธุ์ข้าวและสภาพภูมิศาสตร์ของประเทศ คือ จุดสำคัญที่ทำให้ต้นข้าว สามารถเจริญได้ทั้งในน้ำขังและในที่แห้งชื้นแฉะ โดนแดดได้ตลอดวัน ทำให้ต้นข้าวโตได้เร็ว แม้พื้นที่ในเขตร้อนหลายปรระเทศจะนิยมปลูก แต่ข้าวไทยจะได้คุณภาพดีมากกว่าที่อื่น อย่างไรก็ตามในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คุณภาพของข้าวไทยกลับมีคุณภาพลดลงทั้งในแง่ของผลผลิตต่อไร่ที่ไม่ได้เพิ่มขึ้น ความหอมของเมล็ดข้าวที่มีความหอมลดลงและสั้นลง ในขณะที่ข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านกลับมีความหอมใกล้เคียงจนแทบจะแยกไม่ออกและเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดข้าวไทยไปกว่าครึ่ง สำหรับเกณฑ์การตัดสิน เมื่อต้องส่งข้าวหอมมะลิกไทย ขึ้นเวทีประกวดนั้น คณะกรรมการฯจะตัดสินตั้งแต่เรื่องของรสชาติ ความเหนียวนุ่ม รูปร่างของข้าว และคุณสมบัติพิเศษของข้าว ซึ่งสายพันธ์ข้าวในแต่ละประเทศจะมีลักษณะแตกต่างกันออกไป ประเด็นสำคัญที่ทำให€้ข้าวหอมมะลิของไทย ได้รางวัลข้าวที่มีคุณภาพดีที่สุดในโลก คือ กลิ่นที่หอมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยพื้นที่การเพาะปลูกที่สำคัญของข้าวหอมมะลิไทยอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ในบริเวณทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งมีอาณาเขตครอบคลุมจังหวัดสุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ ร้อยเอ็ด และยโสธร แต่แล้วเมื่อ ช่วงปลายปี 2566 ก็เกิดกระแสหักมุม ในงานประกวดข้าวโลก หรือ World’s Best Rice Award 2023 เวทีที่ค้นหาข้าวหอมมะลิที่ดีที่สุดในโลก กลับไม่พบชื่อ “ข้าวหอมมะลิไทย” ติด 1 ใน 3 ของข้าวที่ผ่านการเข้ารอบหรือได้รับรางวัลใด ๆ ข้อมูลจากสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ระบุว่า เป็นปีแรกที่ไทยไม่ส่งข้าวเข้าประกวด เหตุผล เพราะสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ในฐานะผู้คัดสรรข้าวหอมมะลิไทย ส่งเข้าประกวดมองว่าเวทีนี้มีการเมืองภายในและเชิงพาณิชย์มากเกินไป จึงตัดสินใจไม่ส่งข้าวไทยเข้าประกวด นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวกับ “ไทยพีบีเอสออนไลน์” ว่า แม้ไทยจะไม่ได้รางวัลข้าวที่ดีที่สุดในโลก ก็ไม่ได้หมายความว่า ออเดอร์ข้าวไทยจะลดลง เพราะจากการเจรจากับคู่ค้าและผู้นำเข้าข้าวหอมมะลิไทย ก็ยังคงสั่งซื้อข้าวไทยอย่างต่อเนื่อง นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เพราะถ้าชนะก็เสมอตัว ปีไหนไม่ชนะก็มีดรามา จึงมีการปรึกษากันระหว่างในสมาคมฯ ได้ข้อยุติว่า นับจากนี้ ไทยจะไม่ส่งข้าวเข้าประกวดในนามสมาคมผู้ส่งออก แต่หากใครมึความประสงค์ต้องการจะส่งประกวดในนามบริษัทก็สามารถทำได้ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา ไทยชนะการประกวดข้าวโลกมา 7 ครั้งใน 14 ครั้ง ถือว่าน่าพอใจ แต่การประกวดในระยะหลังพบว่า มีความเป็นเชิงพาณิชย์และธุรกิจมากเกินไป การที่ข้าวไทยไม่ได้รางวัล ต้องชี้แจงว่า ไทยไม่ได้ส่งข้าวเข้าประกวด และข้าวไทยก็ยังคงมีคุณภาพและเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าคู่แข่งจะพัฒนาพันธุ์ข้าวขึ้นมาใกล้เคียงกับข้าวไทยก็ตาม ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม ซึ่งมีพื้นที่เพาะปลูกข้าวหอมในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง (the Mekong Delta) จำนวน 6.25 ล้านไร่ หรือประมาณร้อยละ 25€ƒ ของพื้นที่เพาะปลูกข้าวทั้งประเทศ ก็เร่งผลิตข้าวหอมได้ปีละประมาณ 5.5 ล้านตันข้าวเปลือก หรือประมาณ 3.5 ล้านตัน และส่งออกขายแข่งกับไทยเช่นกัน นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยที่บอกว่า เวียดนาม ใช้วิธีการปลูกข้าวที่มีคุณภาพ มีความหอม นุ่ม ซึ่งเป็นข้าวที่ได้ราคาดีและตอบโจทย์กับตลาด ทำให้ข้าวของเวียดนามมีคุณภาพไม่ด้อยกว่าข้าวไทย นายกสมาคมผู้ส่งอกข้าว กล่าวอีกว่า ความสามารถในการแข่งขันข้าวไทย จากนี้ไปจะรุนแรงและเข้มข้นขึ้น เพราะคู่แข่งพัฒนาพันธุ์อยู่ตลอดเวลา และให้ผลผลิตต่อไร่ที่สูง ในขณะที่ต้นทุนการผลิตของไทยและผลผลิตที่ได้กลับสวนทางกัน นอกจากนี้ พันธุ์ข้าวไทยไม่หลากหลาย ต่างจากคู่แข่งที่มีทั้งพันธุ์ข้าวนุ่ม ข้าวหอมที่มีราคาลด,,,หลั่นลงมาต่ำกว่าข้าวหอมไทย ทำให้ลูกค้าหันไปซื้อข้าวเวียดนามมากขึ้น นายกฯเจริญ กล่าวอีกว่า ปัญหาคุณภาพกลิ่นข้าวหอมมะลิที่ลดลง อยู่ที่การพัฒนาสายพันธุ์ ซึ่งไทยทำน้อยไป จึงต้องร่วมกันคิดว่า ทำอย่างไร จึงจะให้ข้าวหอมมะลิไทย ยังคงความหอมเหมือนเดิม หรือกล่าวคือ ไทยควรสร้างสายพันธุ์ใหม่ๆ มาทดแทนพันธุ์ข้าวเก่าๆเพื่อช่วยลดต้นทุนให้กับชาวนา เนื่องจากการปลูกข้าวของชาวนาไทย ร้อยละ 80 ยังอาศัยน้ำจากธรรมชาติ โดยเฉพาะภาคอีสานที่ไม่มีระบบชลประทานที่ดีเหมือนกับภาคกลางที่มีระบบชลประทานเข้าถึง ทำนาได้ปีละ 2 ครั้ง หากเปรียบเทียบกับเวียดนามที่มีระบบน้ำจากธรรมชาติที่ดี ในขณะที่ไทยต้องอาศัยน้ำจากในช่วงฤดูฝน และน้ำในเขื่อนมีไม่เพียงพอต่อการเพาะปลูก นายเจริญ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาภาคเอกชนได้แนะนำภาครัฐให้ความสำคัญกับระบบการลงทุนขั้นพื้นฐาน infrastructure ซึ่งจำเป็นและต้องทำให้ได้ นอกเหนือจากการพัฒนาพันธุ์ข้าวเพื่อให้มีความมั่นคงและสเถียรภาพ สำหรับพันธุ์ข้าวไทยในปัจจุบัน พบว่า มีจำนวน 12 สายพันธุ์ ที่มีการเพาะปลูกในแต่ละภูมิภาค และข้าวแต่ละสายพันธ์ ก็มีคุณสมบัติ ที่แตกต่างกันไป ประกอบด้วย ข้าวหอมมะลิ 105 ,ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลา ,ข้าวกล้อง ,ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ,ข้าวมันปู, ข้าวสังข์หยดพัทลุง,ข้าวเหลืองปะทิวชุมพร ,ข้าวเจ๊กเชยเสาไห้,ข้าวเหนียว กข 6, ข้าวเหนียวเขาวง,ข้าวเหนียวพันธุ์เขี้ยวงู,และข้าวเหนียวดำ รศ.สมพร อิศวิลานนท์ นักวิชาการอาวุโส สถาบันคลังสมองของชาติ กล่าวว่า การพัฒนาสายพันธุ์ข้าว เป็นสิ่งสำคัญ และรัฐบาลต้องเปลี่ยนความคิด ต้องลดการให้เงินอุดหนุนชาวนา 4-5 แสนล้านบาท และทุ่มงบประมาณเพื่อใช้วิจัยพันธุ์หรือปรับปรุงข้าว ที่ผ่านมาหน่วยงานวิจัยได้รับปรับปรุงพัฒนาพันธุ์ข้าวปีละ 190-200 ล้านบาทเท่านั้น ไม่มีการเพิ่มงบประมาณ และนักวิจัยพันธุ์ข้าวที่ทำงานอยู่ก็น้อยมาก หากจะเร่งปรับปรุงและพัฒนาสายพันธุ์ข้าวออกมาให้เพียงพอกับความต้องการของตลาด ก็ต้องเพิ่มงบประมาณและกำลังคน อย่างไรก็ตาม แม้ช่วงที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ นั่งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะจับมือกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยและหน่วยงานรัฐ จัดประกวดพันธุ์ข้าวใหม่เพื่อผลักดันข้าวไทยพันธุ์ใหม่ออกไปแข่งขันในตลาดโลก ถือว่าเป็นการยกระดับตลาดของข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าว รวมไปถึงนวัตกรรมที่ใช้ข้าวเป็นวัตถุดิบ เพื่อสนองความต้องการตลาดโลก เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันข้าวไทยในตลาดโลก แต่ต้องยอมรับว่า ไทยมีจุดอ่อน คือ ขาดความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่เสนอขายในตลาดข้าวโลก ทำไม่สามารถแข่งขันกับตลาดข้าวโลกกับประเทศคู่แข่งได้อย่างเต็มที ข้อมูลล่าสุดจากกรมการข้าว ระบุว่า ขณะนี้ปตาราง การ แข่งขัน บอล ยุโรป ตาราง การ แข่งขัน บอล ยุโรประเทศไทยมีการปรับปรุงข้าวพันธุ์ใหม่ ให้มีลำต้นสั้น เตี้ย ให้ผลผลิตดก (ปี 2563-2565) ซึ่งรับรองแล้ว 12 สายพันธุ์ ประกอบด้วย “ข้าวเจ้าพื้นนุ่ม” 3 สายพันธุ์ คือ ข้าว กข 87, กข 89, กข 97 , “ข้าวเจ้าพื้นแข็ง” 7 สายพันธุ์ คือ กข 85, มะจานู 69, อัลฮัมดุลิลาฮ์ 4, กข 91,กข 93, กข 95, กข 1010, “ข้าวหอมไทย” 1 สายพันธุ์ คือ ขาวเจ๊กชัยนาท 4, “ข้าวโภชนาการสูง” 1 สายพันธุ์ คือ ขาหนี่ 117 ทั้งนี้ กรมการข้าวมีแผนรับรองพันธุ์ข้าวเหนียวเพิ่มเติมอีก 2 พันธุ์ ซึ่งได้รับรองแล้ว 1 พันธุ์ รวมเป็น 14 พันธุ์ นอกจากนี้ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้มีการจัด ประกวดข้าวพันธุ์ใหม่ เพื่อการพาณิชย์ รวม 9 พันธุ์ โดยปี 2564 มี 6 สายพันธุ์และ ปี 2565 จำนวน 3 สายพันธุ์ ประกอบด้วย “ข้าวหอมไทย” คือ สายพันธุ์ PTT13030 , สายพันธุ์ BioH95-CNT,และสายพันธุ์ 65RJ-06 “ข้าวขาวพื้นนุ่ม” คือ สายพันธุ์ RJ44 (ขึ้นทะเบียนแล้ว: กวก.), สายพันธุ์ CNT15171 และสายพันธุ์65RJ-08 และ “ข้าวขาวพื้นแข็ง”ประกอบด้วย สายพันธุ์ PSL16348,สายพันธุ์ CNT07001 (ดกเจ้าพระยา)(รับรองแล้ว: กข.95)และสายพันธุ์ 65RJ-13 การปรับปรุงพัฒนาสายพันธุ์ข้าว เพื่อคงความเŽŸป็นแชมป์ส่งออกข้าวไทย ยังเป็นปัญหาหลักและประเด็นใหญ่ที่กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรสหกรณ์ รวมถึงรัฐบาลจะต้องตีโจทย์ให้แตกว่าจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างไร อ่านข่าวอื่นๆ: “กอบศักดิ์ ภูตระกูล” กูรูเศรษฐกิจ ชี้ไทยเร่งสร้างเสน่ห์ดึงเงินลงทุน ฟื้น ! หอการค้าชี้เศรษฐกิจขยายตัว คาดตลอดปี นทท.ทะลุ 40 ล้าน "จีน" รุกตลาดพระเครื่อง ทำธุรกิจขายหน้าร้าน-ออนไลน์มากขึ้น

กลิ่นหอมคล้ายใบเตย ปลูกได้ปีละ 1 ครั้ง เอกลักษณ์ที่ชาติใดยากจะเลียนแบบ "หอมมะลิ" ข้าวหอมสายพันธุ์ไทย แหล่งกำเนิดใหญ่จากภาคกลางสู่ "ทุ่งกุลาร้องให้"ภาคอีสานของไทย ซึ่งขึ้นชื่อในการปลูกข้าวหอมมะลิมากที่

เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นสัปดาห์แรกของปีนี้ ที่ การรถไฟฯ จัดขบวนรถไฟลอยน้ำต้อนรับฤดูกาลท่องเที่ยว ก

นิยายชีวิต โดย : Erdy Nasrul
เรื่องและภาพโดย : Erdy Nasrul
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” ได้ที่นี่..