วันนี้ (9 พ.ค.2564) นายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสมุทรสาคร ในฐานะรับผิดชอบงานศูนย์ดำร
วันนี้ (8 ก.ค.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่พบการติดเชื้อรายวันสูงมากกว่า 6,000-7,000 คนต่อวัน ทำให้มีข้อเสนอในการล็อกดาวน์ขึ้น ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมน
วันนี้ (27 ต.ค.2564) พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เจ้าของเพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน โพสต์ข้อความผ่านเพจว่า สังคมกำลังมีประเด็นถกเถียงกัน ถึงการแสดงความรักของพ่อลูก ที่ดูเหมือนอยู่บนเส้นบาง ๆ ระหว่างการแสดงความรักกับการละเมิดสิทธิในเนื้อตัวร่างกาย ไปจนถึงดูคล้ายการคุกคามทางเพศ? พร้อมระบุว่า ที่น่าตกใจกว่าสิ่งที่เห็น คือ คอมเมนท์ที่หลากหลาย เราเติบโตมากับวัฒนธรรมที่พ่อแม่มักคิดว่า ตนเองเป็นเจ้าชีวิต และมีสิทธิเหนือเนื้อตัวร่างกายลูก เราตี หยิก ด่า ทำร้าย ใช้บุหรี่จี้ หรือแม้แต่การแสดงความรัก เราก็หลงลืมที่จะเคารพ “สิทธิ” “อำนาจในการตัดสินใจ” ไปจนถึง “เคารพพื้นที่ส่วนตัว” ส่วนตัวหมอคิดว่า ภาพที่ออกมาดูน่าเป็นห่วงจริง ๆ แต่ขออนุญาตไม่วิจารณ์สิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเราไม่รู้ถึงเจตนา แต่ขอพูดถึงกรณีทั่ว ๆ ไป เผื่อเราจะได้เรียนรู้ร่วมกัน 1. พ่อแม่ต้องทำให้ลูกเข้าใจ ว่าลูกมีสิทธิในเนื้อตัวร่างกายของตัวเอง “เสมอ” 2. พ่อแม่ควรเป็นตัวอย่างของการไม่ละเมิดสิทธินั้นเสียเอง เพื่อให้เด็กไม่เกิดความสับสน หรือเข้าใจว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะปฏิเสธผู้ใหญ่ไม่ได้ 3. หลายครั้งด้วยความรักและความใกล้ชิด เด็ก ๆ “ไม่สามารถ” กล้าปฏิเสธ สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัด และบางครั้งเด็กก็เล็กเกินไป จนแยกไม่ได้ ระหว่างการแสดงความรักกับการถูกล่วงละเมิด 4. การล่วงละเมิดและคุกคามทางเพศในเด็ก ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากคนในครอบครัว ดังนั้นผู้ใหญ่ในบ้านต้องช่วยกันสอดส่องดูแล 5. สอนลูกเรื่อง "สิทธิในร่างกายตนเอง" ลูกเป็นเจ้าของร่างกายตนเอง มีสิทธิปฏิเสธ ไม่ให้ใครมาวุ่นวาย ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นคนในหรือนอกครอบครัว 6. การแสดงความรั🚀ก ควรอยู่ในขอบเขตที่ไม่มากเกินไป และไม่สร้างความอึดอัดใจให้กับผู้รับ 7. การแสดงความรัก การแหย่ การเล่น ไม่ควรรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัว เช่น พื้นที่ในร่มผ้า หน้าอก ก้น อวัยวะเพศ และทุกพื้นที่ที่ลูกดูมีความอึดอัดใจเมื่อเราไปสัมผัส 8. แม้เราจะแสดงความรัก แต่เมื่อลูกแสดงอาการปฏิเสธ แข็งขืน หรือดูอึดอัดใจ ให้เคารพความรู้สึกของลูกเสมอ 9. สอนลูก ใช้ประโยคที่เข้าใจง่าย เช่น "มีบางคนเข้ามายุ่งกับร่างกายของเรา โดยที่เราไม่เต็มใจ และไม่อยากให้ทำ เช่น บางคนมาจับหน้าอก มายุ่งกับอ🐉วัยวะเพศ มากอด หอม หรือบางทีก็ให้เราไปจับของส่วนตัวเค้าโดยที่เราไม่ยินยอม แบบนี้ถือเป็นเรื่องผิดปกติ และแม่อยากให้ลูกบอกผู้ใหญ่ให้รับรู้เสมอ” 10. บอกลูกเสมอ ไม่ว่าจะอย่างไร “การถูกละเมิดไม่ใช่ความผิดของผู้ถูกกระทำ” ไม่ใช่ความผิดเพราะเราเป็นเด็ก เพราะเราแต่งตัวไม่เรียบร้อย ใส่ขาสั้น เมา หรือไม่ดูแลตัวเองให้ดี "ไม่มีใครมีสิทธิที่จะล่วงละเมิดใคร" ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นอย่างไรก็ตาม 11. บอกลูกว่าพ่อแม่จะอยู่กับลูกเสมอ ถ้ามีใครมาทำอะไรที่ทำให้เรารู้สึกอึดอัดใจ ให้บอกพ่อแม่ได้ ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นใครก็ตาม 12. ข้อนี้ขอกาสามดาว *** ไม่บังคับให้ลูกกอดหอมใคร หรือให้ใครมากอดหอมลูก โดยที่ลูกรู้สึกไม่เต็มใจ ลูกจะสับสนในสิ่งที่เราต้องการจะสื่อ และไม่แน่ใจในสิทธิในเนื้อตัวร่างกายตนเอง 13. การโพสต์อะไรลงใน social ให้คิดไว้เสมอว่าสิ่งนั้นจะอยู่ที่นั่นตลอดไป ถ้าเป็นไปได้ควรไตร่ตรองสิ่งที่จะลงไป และขออนุญาตลูกก่อนลงทุกครั้ง อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุด ณ ขณะนี้ในขณะที่เราคิดว่า การทำให้เรื่องนี้เป็นกระแสสังคม จะนำไปสู่การช่วยเหลือเด็กคนหนึ่ง โปรดอย่าลืมว่าทุกอย่างจะกลายเป็น digital footprint ที่ทำร้ายเด็กคนหนึ่งและครอบครัวตลอดไปได้อย่างเจ็บปวดที่สุด เราอาจช่วยเขาได้ ด้วยการไม่สร้างบาดแผลทางใจให้หยั่งรากลึก แนะนำว่าใครเจอกรณีที่สงสัยการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ ควรแจ้งศูนย์ช่วยเหลือสังคม 1300 หรือ ศูนย์พึ่งได้ OSCC ที่มีในโรงพยาบาลใหญ่แทบทุกที่ ให้ช่วยเข้าไปประเมินถึงความเหมาะสม นี่เป็นสิทธิและหน้าที่ ที่เราทุกคนพึงกระทำได้ พญ.เบญจพร ตันตสูติ หรือ หมอมินบานเย็น จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น เจ้าของเพจเข็นเด็กขึ้นภูเขา โพสต์ข้อความผ่านเพจว่า #ร่างกายของหนู ห้ามใครสัมผัสตามใจชอบ เรื่องดราม่าในโซเชียลเมื่อวานและวันนี้ มีคนทั้งหน้าไมค์หลังไมค์มาบอกให้หมอเขียนบทความ อย่างไรก็ดีเท่าที่เห็นตอนนี้ในโซเชียลมีเดีย มีการลงถึงครอบครัวเขามากมาย หมอคิดว่าหลายคนคงเป็นห่วง แต่ก็ต้องคิดว่ามันเกิดผลกระทบกับครอบครัว โดยเฉพาะเด็กด้วยค่ะ ดังนั้นการวิจารณ์คงต้องระมัดระวัง ทำเพื่อเป็นการสร้างสรรค์ คิดถึงใจเขาใจเราด้วย ดังนั้นหมอจะขอเขียนบทความเพื่อให้เกิดประโยชน์กับสังคม มากกว่าการตำหนิตัวบุคคลค่ะ ในการสัมผัสต่าง ๆ ที่อยู่ในการวิพากษ์วิจารณ์ สิ่งที่ตามมาคือ มีหลายครอบครัวสงสัยว่า สัมผัสลูกได้แค่ไหน พ่อแม่บางคนเริ่มไม่ให้ลู🌭กกอด ไม่กอดลูก ไม่หอมแก้ม ทั้งที่เคยทำมาตลอด มีหลายคนถามหมอ บางทีหลายครอบครัวบอกว่า ปฏิบัติด้วยความรัก ไม่มีเจตนา แต่ก็คงต้องพิจารณาดูความเหมาะสม คือถ้าเป็นอวัยวะที่ลับ เช่น หน้าอก อวัยวะเพศ เป็นต้น 🥥ไปล้วงหรือสัมผัสในเชิงทางเพศคงไม่เหมาะแน่นอน และสิ่งที่สำคัญมากคือ พ่อแม่ควรเป็นตัวอย่าง สอนเด็กให้แยกแยะได้ว่า สัมผัสแบบไหนดีหรือไม่ดี รับฟังเด็ก ถ้าเด็กไม่ชอบ สอนให้เด็กรู้จักปฏิเสธด้วยค่ะ การสอนให้เด็กปกป้องตัวเอง จัดการได้ในเวลาที่เกิดเหตุการณ์ เริ่มตั้งแต่จุดแรกคือ ให้เด็กได้เข้าใจว่า ร่างกายของเด็กเป็นพื้นที่ส่วนตัว เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่ใครเองไม่สามารถที่จะมาล่วงล้ำหรือจับต้องได้ คนที่มีหน้าที่สอนเด็ก สำคัญที่สุดคงต้องเริ่มที่ครอบครัวและโรงเรียน ในรายละเอียดว่า ใครสนใจว่าจะสอนเด็ก ผู้ใหญ่ควรทำอย่างไร หมอมีโปรแกรมของมูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก สอนเด็ก ๆ เรื่องนี้ เพราะเข้าใจว่าพ่อแม่หลาย ๆ คนคงเริ่มงง ทำตัวไม่ถูก ภาพ : ประกอบกิจกรรม “ตัวฉันเป็นของฉัน” มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก ภาพ : ประกอบกิจกรรม “ตัวฉันเป็นของฉัน” มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก หลายเดือนก่อนทางมูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิ👾เด็ก ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้ทำงานร่วมกันเพื่อดูแลเด็ก ๆ ที่ถูกทารุณกรรมหรือล่วงละเมิดทางเพศมาตั้งแต่สมัยหมอเรียนเฉพาะทางอยู่ สามารถทำตามสื่อในบทความได้ ของมูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก ดีมากเลย ชื่อหลักสูตร “ตัวฉันเป็นของฉัน” ที่พัฒนามาจากโปรแกรม Feelinเว็บ แทง บอล เว็บ ไหน ดีg Yes Feeling No ของประเทศแคนาดา เพื่อจัดกิจกรรมสำหรับเด็กเพื่อถ่ายทอดความรู้ในเรื่องการป้องกันภัยทางเพศ โปรแกรมประกอบไปเนื้อหาดังนี้ 1. การแยกแยะการสัมผัสที่ดีและการสัมผัสที่ไม่ดี เพื่อให้เด็กวิเคราะห์ถึงการสัมผัสส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่อาจจะนำไปสู่การล่วงละเมิดทางเพศได้ 2. วิธีการปฏิเสธเมื่อเ📖ด็กอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงที่อาจถูกล่วงละเมิดทางเพศ 3. วิธีคิดวิเคราะห์ความรู้สึกของตนเองไม่ให้ไปอยู่ในสถานการณ์เสี่ยง 4. การขอความช่วยเหลือเมื่อโดนล่วงละเมิดทางเพศ 5. เด็กพบเห็นเพื่อน หรือคนรู้จักโดนล่วงละเมิดทางเพศ ควรทำอย่างไร ขอเชิญชวนผู้ปกครอง คุณครู บุคคลที่อยู่แวดล้อมเด็ก และหน่วยงานต่าง ๆ เข้าไปศึกษารายละเอียดหรือดาวน์โหลดสื่อเพื่อนำไปสอนเด็ก ๆ ได้ที่ www.feelingyesnothailand.com หรือสอบถามเพิ่มเติมในกรณีที่ต้องการนำโปรแกรมไปใช้ในวงกว้าง ได้ที่ฝ่ายพัฒนาเด็กและครอบครัว มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก โทร 02-4120738 อ่านข่าวอื่น ๆ "หนึ่ง จักรวาล" ขอโทษปมดรามาลูกสาว หมอเด็กชี้ลูกไม่ใช่ทรัพย์สมบัติพ่อแม่ "คนละครึ่ง" เฟส 3 เต็ม 28 ล้านสิทธิ ยิ่งใช้ยิ่งได้เหลือ 5 แสนสิทธิ
วันนี้ (27 ต.ค.2564) พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เจ้าของเพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน โพสต์ข้อความผ่านเพจว่า สังคมกำลัง