Home
|
3€ƒŽŸˆ6t��ŽŸbet

36tbetวันนี้‰ˆ (24¬ç§ มิ.ย.2564) หลายพื้นที›ç”่ยังตรวจพบคลัสเตอร

3€ƒŽŸˆ6t��ŽŸbet

วันนี้ (20 ก.พ.2566) กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานว่า จากข้อมูลการเฝ้าระวังโรคไข้หูดับของกรมควบคุมโรค ตั้งแต่ 1 ม.ค.–11 ก.พ.นี้ มีรายงานผูŸä้ป่วย 19 คน เสียชีวิต 1 คน กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยมากที่สุด คือ อายุมากกว่า 65 ปี รองลงมาคือ อายุ 55-64 ปี และอายุ 45-54 ปี ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกร และทำงานบ้าน จังหวัดที่พบผู้ป่วยมากที่สุด คือ จ.นครราชสีมา ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 2565 พบผู้ป่วยรวม 386 คนเสียชีวิต 9 คน โดยในปีนี้มีแนวโน้มที่จะพบจำนวนผู้ป่วยมากขึ้น รวมถึงปัจจัยแวดล้อม และวัฒนธรรมการรับประทานอาหาร จึงขอเตือนให้ประชาชนระมัดระวังการก36tbetิน การประกอบอาหารและรับประทานอาหารถูกสุขลักษณะ โรคไข้หูดับ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียสเตร็พโตค็อคคัส ซูอิส (Streptococcus suis) โดยเชื้อนี้พบในทางเดินหายใจ และในเลือดของหมูที่กำลังป่วย สามารถติดต่อสู่คนได้ผ่านทางบาดแผล รอยถลอก เยื่อบุตา และการกินเนื้อหมูและเลือดหมูที่ปรุงสุกๆ ดิบ ๆ หรือการสัมผัสกับหมูที่ติดเชื้อ ทั้งเนื้อหมู เครื่องใน และเลือดหมู ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการหลังรับเชื้อเข้าสู่ร่างกายโดยเฉลี่ยใน 3 วัน มีอาการไข้สูง ปวดเมื่อยตามตัว ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ปวดตามข้อ มีจ้ำเลือดตามตัว ตามผิวหนัง ซึม คอแข็ง ชัก เมื่อเชื้อเข้าสู่เยื่อหุ้มสมอง และกระแสเลือด ทําให้เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ข้ออŽŸักเสบ ม่านตาอักเสบได้ เนื่องจากเยื่อหุ้มสมองอยู่ ใกล้กับประสาทหูชั้นในทั้งสองข้าง เชื้อสามารถลุกลาม ทำให้เกิดหนองบริเวณปลายประสาทรับเสียง และปลายประสาททรงตัว ทำให้หูตึงไปจนถึงหูหนวกร้อยละ 40 ของผู้ที่ติดเชื้อนี้จะสูญเสียการได้ยินถาวร อาการทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นภายใน 14 วัน หลังจากเริ่มมีไข้ และ หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและ&#;ทันท่วงที ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตได้ ทั้งนี้ หากมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะอย่างรุนแรง เวียนศีรษะจนทรงตัวไม่ได้อาเจียน คอแข็ง หูหนวก ท้องเสีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หลังสัมผัสหมูที่ป่วย หรือหลังรับประทานเนื้อหมูไม่สุก ให้รีบไปพบแพทย์ทันที พร้อมแจ้งประวัติการรับประทานอาหารให้แพทย์ทราบ เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยลดอัตราการหูหนวกและการเสียชีวิตได้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422