Home
|
ทาง เข้า s&#xŽŸ;lot�� joker123

ทาง เข้า slot joker123วัน🌈นี้ 🎷(25🎠 พ.ค.25📝64) นพ.ไพ🍀ศาล🎶 ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณ

ทาง เข้า s&#xŽŸ;lot�� joker123

วันนี้ (20 มี.ค.2568) นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า กรมฯ ได้วิเคราะห์ธุรกิจดาวเด่นท🐙🈵🌽ี่กำลังมาแรงพบว่า ธุรกิจไม้ดอก ไม้ประดับ และไม้ยืนต้น เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่สร้างโอกาสให้คนไทย และเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากไทยมีภูมิประเทศที่เป็นทำเลทอง มีความอุดมสมบูรณ์ทั้งพื้นดิน อากาศที่อบอุ่นถึงร้อนชื้นเหมาะกับการเติบโตของต้นไม้ และมีแหล่งน้ำที่เหมาะสมกับการทำกสิกรรมหรือเพาะปลูกที่เป็นปัจจัยสำคัญให้ต้นไม้งอกงามเจริญเติบโตได้ดี นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประกอบกับคนไทยส่วนใหญ่มีทักษะในการเพาะปลูกเป็นทุนเดิมทำให้สามารถต่อยอดไปสู่การสร้างรายได้จากธุรกิจได้โดยง่าย สอดรับกับข้อมูลของสำนักงานสถิติที่พบว่า ไทยมีผู้ทำการเกษตรจำนวน 8.6 ล้านราย บนพื้นที่ 141 ล้านไร่ จำนวนนี้เป็นเกษตรกรที่ปลูกพืชผัก สมุนไพรและไม้ดอกไม้ประดับจำนวน 202,801 ราย ในพื้นที่กว่า 7 แสนไร่ จากข้อมูลนิติบุคคลในธุรกิจไม้ดอก ไม้ประดับ และไม้ยืนต้น (วันที่ 28 ก.พ. 2568) พบว่า มีธุรกิจที่จดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคลมีจำนวน 2,993 ราย แบ่งเป็นกลุ่มผลิต 383 ราย แ🎋💥🔞🅾️ละกลุ่มขาย 2,610 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 17,670 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดเล็ก 2,727 ราย รองลงมาเป็นธุรกิจขนาดกลาง 208 ราย และเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ 58 ราย สำหรับธุรกิจไม้ดอก ไม้ประดับ และไม้ยืนต้น แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผลิต เช่น การทำสวนไม้ประดับ, การปลูกพืช เพาะพันธุ์ และขยายพันธุ์พืชอื่นๆ, ปลูกกล้วยไม้ และปลูกไม้ดอกอื่นๆ และ กลุ่มขาย เช่น ขายส่งดอกไม้ต้นไม้และเมล็ดพันธุ์พืช และร้านขายปลีกดอกไม้ต้นไม้และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง โดยข้อมูลผลประกอบการปี 2566 พบว่าสร้างรายได้รวมทั้งสิ้น 91,501 ล้านบาท กลุ่มขาย🔭สร้างรายได้สูงถึง 87,376 ล้านบาท และกำไร 2,473 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มผลิตสร้างรายได้ 4,125 ล้านบาท และขาดทุน -54.69 ล้านบาท โดยอนาคตคาดว่าผลประกอบการยังเติบโตต่อเนื่องเพราะรัฐบาลให้การสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรม เน้นสร้างความแข็งแกร่งของเกษตรกร พร้อมเปิดตลาดผลไม้ดอกไม้ประดับของไทยให้เป็นที่ยอมรับในตลาดโลก โดยส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมทาง เข้า slot joker123ริกา เวียดนาม และญี่ปุ่น และสินค้าที่สร้างมูลค่าเกินกว่าครึ่งของการส่งออกไม้ดอกฯ คือ กล้วยไม้ไทย ที่เป็นแชมป์อันดับ 1 ของโลกมาโดยตลอด ในปี 2566 สร้างมูลค่า 2,679 ล้านบาท และปี 2567 สร้างมูลค่ากว่า 2,755 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 5,434 ล้านบาท ตลาดหลักในการส่งออก คือ จีน ญี่ปุ่น และมาเลเซีย อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวอีกว่า ความน่าสนใจในธุรกิจไม้ดอกไม้ประดับ และไม้ยืนต้นของไทย คือ การเชื่อมโยงเกษตรกรไทยให้เข้ากับเทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตร เปลี่ยนเกษตรกรแบบเดิมให้เป็น Farmer Business และทำเกษตรอัจฉริยะ หรือ Smart Farming ซึ่งเทคโนโลยีจะช่วยลดต้นทุนการผลิต ลดการใช้แรงงาน เพิ่มคุณภาพมาตรฐานให้สินค้า บริหารจัดการความเสี่ยงต่างๆ ที่แม่นยำมากยิ่งขึ้นอย่างการพยากรณ์ลม ฟ้า อากาศ หรือการปรับปรุงคุณภาพดินให้เหมาะสมกับพืชที่จะปลูก ซึ่งปัจจัยทั้งหมดล้วนมีความสำคัญอย่างมากต่อการเติบโตของธุรกิจนี้ ด้านเงินทุนก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะขับเค🚀ลื่อนให้ธุรกิจสามารถต่อยอดต่อไปได้ โดยโอกาสที่เกษตรกรต้องคว้าไว้คือ การปลูกต้นไม้เพื่อขายเป็นคาร์บอนเครดิต รวมถึงการนำต้นไม้ยืนต้นมาใช้เป็นหลักประกันเพื่อขอสินเชื่อจากสถาบันทางการเงิน นำไปใช้หมุนเวียนหรือขยายธุรกิจให้ใหญ่ขึ้นรองรับกับความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก ที่มีมากขึ้นทุกปี อ่านข่าว: พนัก🎁งานรัฐ เกษตรกร พนง.เอกชน เป็นก🧁ลุ่มมีหนี้มากสุด “บ้าน-รถ”นำโด่ง “ทรัมป์”ป่วน-เศรษฐกิจไม่ฟื้น กระทบจัดตั้งธุรกิจไทยวูบ 5.09% ซื้อหนี้ประชาชน "กับดักความจน" คนไทย "สารพัดหนี้" รุมเร้า