มาเฟีย 188วัçนนี้ (4 เม.ย.2568ç) เวลาประมาณ 12.00 น. ร.ต.¬ç§ต.¬ç§พิน

วันนี้ (19 ก.ค.2565) แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า ประเทศไทยต้องสอบสวนอย่างรอบด้านต่อการใช้สปายแวร์เพกาซัส ที่ล่วงล้ำความเป็นส่วนตัว เนื่องจากพบว่ามีสปายแวร์รูปแบบนี้ ถูกติดตั้งอยู่ในโทรศัพท์ของนักกิจกรรมหลายสิบคน หลังจากมีการรายงานชิ้นใหม่พบว่า บุคคล 30 คน ตกเป็นเป้าหมาย หรือได้รับผลกระทบจากซอฟต์แวร์ที่อันตรายนี้ ถือว่าเป็นการยืนยันครั้งแรกว่า มีการใช้สปายแวร์นี้ในประเทศ จากการวิเคราะห์ในเชิงเทคนิค รายงานที่จัดทำร่วมกันระหว่างโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) Digital Reach และ Citizen Lab ได้พบการใช้สปายแวร์นี้ตั้งแต่ปี 2563 ถึง 2564 และส่งผลกระทบต่อแกนนำคนสำคัญ ของการชุมนุมประท้วงเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย ที่เรียกร้องให้มีการปฏิรูปครั้งใหญ่ทางการเมืองและเศรษฐกิจ รวมทั้งนักวิชาการ และนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ซึ่งได้วิจารณ์รัฐบาลไทยอย่างเปิดเผย การค้นพบครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากบริษัทแอปเปิล ได้ส่งข้อความเตือนนักกิจกรรมชาวไทยจำนวนมากว่า พวกเขาตกเป็นเป้าหมายของสปายแวร์ เมื่อเดือน พ.ย.2564 โดยแผนก Security Lab ของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล สามารถยืนยันอย่างเป็นอิสระในรายงานนี้ได้ว่า จากการวิเคราะห์ทางนิติเวช มีการพบสปายแวร์นี้ใน 5 กรณี เอเทียน เมเนียร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่า ปัจจุบันเราได้เพิ่มประเทศไทยเข้าไปในรายชื่อประเทศที่มีการสอดแนมประชาชน ซึ่งจำนวนรายชื่อของประเทศต่าง ๆ ยังคงมีการเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ การที่ประชาชนออกมาเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงโดยสงบ แสดงความเห็น และวิจารณ์นโยบายของรัฐบาล อาจส่งผลให้เกิดการสอดแนมที่ล่วงล้ำความเป็นส่วนตัว และส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเสรีภาพด้านการแสดงออก ความเป็นส่วนตัว และความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยของบุคคล ตามข้อมูลในรายงาน มีการตรวจพบสปายแวร์เพกาซัสในโทรศัพท์ของแกนนำผู้ชุมนุมปร🎤ะท้วงในไทย รวมไปถึงอานนท์ นำภา เบนจา อะปัญ และ รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ซึ่งตกเป็นเป้าหมายการดำเนินคดีอาญา ที่ไม่เหมาะสมในหลายข้อหา อันเป็นผลมาจากการใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบ บริษัท NSO Group จากประเทศอิสราเอล บริษัทที่อยู่เบื้องหลังเพกาซัส อ้างว่า พวกเขาขายสินค้าให้กับหน่วยข่าวกรอง และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลเท่านั้น รัฐต่าง ๆ มีพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่เพียงต้องเคารพสิทธิมนุษยชน หากยังต้องคุ้มครองให้ปลอดพ้นจากการปฏิบัติมิชอบของบุคคลที่สาม รวมทั้งบริษัทเอกชน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ยังคงเรียกร้องให้มีข้อตกลงระดับโลกเพื่อยุติการขาย ส่งมอบ และใช้สปายแวร์ จนกว่าจะมีการกำหนดมาตรการค🧙♂️วบคุมและคุ้มครองสิทธิ เพื่อกำกับดูแลการใช้งานของสปายแวร์อย่างเหมาะสม ทางการไทยต้องดำเนินการสอบสวนอย่างเป็นอิสระ อย่างทันที รอบด้าน และมีประสิทธิภาพ ต่อการใช้สปายแวร์เพกาซัส และใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อสนับ🧚♀️สนุนให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย เพื่อสนับสนุนการมีส่วนร่วมของพลเมือง มาตรการเช่นนี้ต้องครอบคลุมถึงการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่สนับสนุนการสอดแนมของรัฐ รวมทั้ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และพ.ร.บ.ข่าวกรองแห่งชาติ ให้มีเนื้อหาสอดคล้องกับกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ รวมทั้งการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันเพื่อคุ้มครองสิทธิความเป็นส่วนตัว และสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบ ด้าน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาชี้แจงจากกรณีดังกล่าว โดย พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีอำนาจหน้าที่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา รวมถึงการป้องกันและปราบปรามการกระ🔭ทำความผิดอาญา การรักษาความสงบเรียบร้อยความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และภารกิจความมั่นคงของราชอาณาจักรรวมถึงการปฏิบัติการอื่นใด ตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่ของตำรวจหรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยก🙌ารปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น จะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายแมาเฟีย 188ละระเบียบที่เกี่ยวข้อง ได้ให้กรอบในการดำเนินการไว้ และในส่วนของภารกิจที่เกี่ยวกับความมั่น🐏🚨คงไม่ได้มีการใช้สปายแวร์ เพื่อสอดแนมหรือละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้ใด แต่อย่างใด ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่ด้านความมั่นคง จะดำเนินการพร้อมประสานงานการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ทั้งหน่วยงานภายในและหน่วยงานต่างประเทศมาโดยตลอด ยืนยันว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้มีการใช้สปายแวร์ เพื่อไปละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้ใด ตามที่มีการนำไปเสนอข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ และในการปฏิบัติภารกิจด้านความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ปฏิบัติตามกรอบของกฎหมายที่ได้ให้อำนาจหน้าที่เอาไว้