สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) เปิดเผยว่า การผลิตฝิ่นในเมียนมาเพิ่มขึ้นส

นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) ระบุว่า หนี้ครัวเรือนไทยในระบบขณะนี้อยู่ที่ 16.2 ล้านล้านบาท หรือสูงกว่าร้อยละ 91 ต่อ GDP ซึ่งเป็นระดับที่อันตราย โดยห

สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) เปิดเผยว่า การผลิตฝิ่นในเมียนมาเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 9 ปี โดยเมื่อปีที่ผ่านมา จำนวนรวมเพิ่มขึ้นแตะ 795 ตัน หรือเกือบ 2 เท่า ของยอดเมื่อปี 2021 คือ 423 ตัน พื้นที่เพาะปลูกฝิ่นในปี 2022 ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นถึง 33% หรือราว 1 ใน 3 เป็นมากกว่า 250,000 ไร่ และยังมีผลผลิตเฉลี่ยสูงสุด นับตั้งแต่ที่ UNODC เริ่มเก็บข้อมูลเมื่อปี 2002 UNODC เชื่อว่า ปัจจัยที่ทำให้การผลิตฝิ่นเพิ่มสูงขึ้น ส่วนหนึ่งคือปัญหาเศรษฐกิจ รวมถึงความมั่นคงและประกอบกับราคายางฝิ่นที่นำไปผลิตเฮโรอีนในตลาดโลกยังเพิ่มสูงขึ้น ก่อนหน้านี้ปริมาณการปลูกฝิ่นในเมียนมาลดน้อยลง หลังจากเศรษฐกิจเมียนมาฟื้นตัวขึ้น และประชาชนมีโอกาสในการประกอบอาชีพอื่น ๆ มากขึ้น จากเดิมที่คนจำนวนไม่น้อยทำงานในไร่ฝิ่น เนื่องจากเป็นพืชที่อาศัยแรงงานค่อนข้างสูง นอกจากนี้ ยังมีโครงการสนับสนุนเกษตรกรให้หันไปทำเกษตรพืชอื่น ๆ ที่ประสบความสำเร็จค่อนข้างดี ประกอบกับเพราะเครือข่ายยาเสพติดหั”นไปผลิตยาเสพติดสังเคราะห์ชนิดอื่น ๆ อย่างยาไอซ์มากกว่า ยอดปลูกฝิ่นจึงลดลง แต่การรัฐประหารเมื่อ ก.พ.2021 นำมาซึ่งปัญหาปากท้อง ที่ทำให้เกษตรกรในพื้นที่ชนบทแถบเหนือและแถบชายแดนไทยและลาว บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ไม่มีทางเลือกทำมาหากิน จึงหันกลับไปพึ่งพากcmd368.thai2ารปลูกฝิ่น ผู้แทนจาก UNODC ระบุว่า อาจเรียกได้ว่า สามเหลี่ยมทองคำกลับเข้าสู่ธุรกิจฝิ่นอีกครั้ง หลังจากปัญหานี้เบาบางลงหลายปี โดยเมื่อปี 2020 ยอดผลิตฝิ่นเมียนมาลดลงต่ำสุดเหลือ 400 ตัน อีกทั้งปัญหาความไม่สงบที่สืบเนื่องจากรัฐประหาร ยังทำให้เจ้าหน้าที่รัฐไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ห่างไกลเพื่อปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดได้ นอกจากปัจจัยภายในประเทศแล้ว เศรษฐกิจในเมียนมายังได้€ƒรับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกด้วย เช่น สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อรุนแรง ทาง UNODC มองว่า ปริมาณการปลูกฝิ่นสะท้อนถึงปัญหาปากท้องอย่างชัดเจน เพราะการปลูกพืชชนิดนี้ต้องใช้แรงงานคนจำนวนมาก และเมื่อคนไม่มีทางเลือกอื่นในการประกอบอาชีพ จึงหันกลับไปเป็นแรงงานในไร่ฝิ่น เมียนมาเป็นประเทศที่ผลิตฝิ่นมากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากอัฟกานิสถาน ซึ่ง 2 ประเทศนี้เป็นแหล่งวัตถุดิบสำหรับผลิตเฮโรอีนส่วนใหญ่ของโลก การประมาณการของยูเอ็นชี้ว่า เม็ดเงินที่หมุนเวียนในธุรกิจฝิ่นของเมียนมา อาจสูงถึง 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 65,600 ล้านบาท ส่วนการค้าเฮโรอีนทั่วภูมิภาคนี้ คาดว่ามีมูลค่าสูงถึงกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 330,000 ล้านบาท เมื่อปีที่ผ่านมา คาดว่า ผู้ที่ปลูกฝิ่นในเมียนมา ขายฝิ่นได้ถึงกิโลกรัมละ 280 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 9,200 บาท การทำลายพืชเหล่านี้ไม่ใช่ทางแก้ปัญหา แต่จะกลับทำให้สถานการณ์เปราะบางลงอีก ถ้าไม่มีทางเลือกอื่นๆ หรือยังไร้ซึ่งเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ หากแนวโน้มความม&#;ั่นคงเป็นแบบนี้ต่อไป การปลูกฝิ่นและผลิตยาเสพติดอย่างเฮโรอีนก็จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง UNODC ยังระบุด้วยว่า ประเทศเพื่อนบ้านของเมียนมาควรร่วมประเมินสถานการณ์และมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหานี้ วิเคราะห์ : วินิจฐา จิตร์กรี

วันนี้ (30 ม.ค.2568) นายกุญช์ฐาน์ ทัดทูน รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนการสอบสวนจากพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม จำนวน 2 สำนวน เมื่อ