จ่อต่ออายุ "คนละครึ่ง เฟส 3" - ดันมาตรการ "เราผูกพัน" ช่วย ขรก.

วันนี้ (25 เม.ย.2565) นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 4 พรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่ตลาดเสรีมาร์เก็ต ห้างพาราไดซ์พบปะพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่เดินมาจับจ่ายซื้อของ นา

"ติดหนี้ค่าอาหารเสือกว่า 250,000 บาท" ตรศักดิ์ นิภานันท์ หัวหน้าสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จ.

วันนี้ ( 2 ก.ค.2567) นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่ารัฐบาลได้สั่งการให้ธนาคารออมสินเพิ่มมาตรการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของลูกหนี้กลุ่มครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อแก้ไขปัญหาหน

คำพูดของแม่ค้าขายผ้าคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตในเมืองเชียงใหม่มาเกือบ 50 ปี แสดงให้เห็นถึง “ความต๊ะ ต่อน ยอน” หรือคำพูดเปรียบเทียบจากท่วงทำนองเพลงล้านนาของภาคเหนือ ที่แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตของคนพื้นถิ่นที่ไม่เร่งรีบ คำพูดเรียบๆ ช้าๆ คนฟังสบายหู คนพูดสบายใจ “เชียงใหม่” เมืองที่ถูกสร้างและวางผังเมืองด้วยคอนเซปต์ “เมืองแห่งชีวิต” พ่อขุนมังราย หรือ พญามังราย ปฐมกษัตริย์แห่งล้านนา เลือกชัยภูมิแห่งนี้เป็นที่ตั้ง ตั้งใจสร้างเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจในอาณาจักรล้านนา ด้วยการสร้างกำแพงล้อมรอบเมืองเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ตั้งสง่าเบื้องหน้าดอยสุเทพ ใช้เวลาเพียง 5 ปีก็เสร็จสิ้น ในทุกๆ เช้าเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก แสงจะถูกส่องผ่านประตูท่าแพ ทอดยาวไปจนถึง วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร วัดๆ เดียวที่ตั้งอยู่ปลายทาง ถ.ท่าแพ กลางเมืองเชียงใหม่ เพื่อรับพลังจากธรรมชาติและแผ่กระจายไปทั่วทุกที่ ทำให้เชียงใหม่มีชีวิตขึ้นมา “คนเมือง” หมายรวมถึง ชาวเชียงใหม่ที่เกิดและโตที่นี่ และนับรวมถึงคนต่างถิ่นที่เข้ามาอาศัยที่เชียงใหม่เป็นเวลานาน จะดำเนินชีวิตในทุกๆ เช้าด้วยการจ้างรถสามล้อถีบบ้าง หรือรถแดงบ้าง ในราคา 3-5 บาท/คน ไปจ่ายกาด ทั้งกาดหลวง กาดเมืองใหม่ กาดต้นพยอม กาดสมเพชร ส่วนภาคธุรกิจของเชียงใหม่ไปได้ดีกับย่านนิมมานเหมินทร์ ที่ครั้งหนึ่งเป็นทำเลทองของนักลงทุนทั้งในเชียงใหม่และต่างจังหวัด ห้องเช่าที่ติดประกาศให้เช่าที่ ทากาวยังไม่ทันแห้งดี ก็ต้องเอาป้ายให้เช่าออกแล้ว เพราะนักลงทุนที่เก่งย่อมไม่ปล่อยโอกาสทำเงินในทำเลทองของเชียงใหม่หลุดมือไป ปฏิเสธไม่ได้ว่า ความต๊ะ ต่อน ยอน คือเสน่ห์ของเชียงใหม่ ที่ไม่ใช่เฉพาะนักท่องเที่ยวที่เดินทางมา แต่รวมถึงนักลงทุนอีกมากมายเช่นกัน เชียงใหม่ถูกพัฒนา เศรษฐกิจถูกขับเคลื่อนทั้งภายในและภายนอกจังหวัด ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงของตลาดในเชียงใหม่ มีตลาดทางเลือกใหม่ๆ ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ทั้ง กาดจริงใจ Market กาดต๋องตึง กา¬ç§ดโก้งโค้ง และอีกหลายตลาดมากมาย ตลาดเหล่านี้ไม่ได้เป็นครัวของสดเพียงอย่างเดียว แต่รวบรวมเอาทั้งอาหาร เสื้อผ้า ของตกแต่งบ้าน มีดนตรีเล่นสด มีร้านอาหารนานาชาติ ร้านอาหารเดิมๆ ขายของต้นตำรับแบบเดิมๆ ของเชียงใหม่ก็เริ่มถูกปรับเปลี่ยนเช่นกัน การส่งต่อสูตรอาหารจากรุ่นสู่รุ่น การส่งต่อภูมิปัญญาเครื่องแต่งกายท้องถิ่นของกลุ่มชาติพันธุ์ ล้วนถูกเปลี่ยนไปเพื่อให้เข้ากับ “เชียงใหม่ที่เปลี่ยนไป” แม้กระทั่งชาวต่างชาติจากหลาก��หลายประเทศ ก็เลือกเชียงใหผล บอล เมื่อ คืน แมน ยู ลิเวอร์พูลม่เป็นหมุดหมายปลายทางสุดท้ายที่จะใช้ชีวิตบั้นปลายที่นี่ บางคนเลือกเปิดร้านอาหารเล็กๆ ของตัวเองเลี้ยงชีพพอเพียงต่อเมืองที่ค่าครองชีพไม่สูงเท่าเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ บางคนเลือกเป็นนักดนตรีเปิดหมวก หารายได้ หาเช้ากินค่ำไปอย่างมีความสุขในแต่ละวัน แม้เชียงใหม่ในปัจจุบันจะมีสิ่งใหม่ๆ ความคิดใหม่ๆ เข้ามามากเท่าไหร่ก็ตาม แต่โลกคู่ขนานที่เดินทางคู่กับเชียงใหม่มานานกว่า 727 ปี ก็คือ “ความเชื่อล้านนา” ความเชื่อล้านนาคืออีกสิ่งที่ทำให้เชีˆยงใหม่มีชีวิต มีเสน่ห์ มีความน่าค้นหา ไม่ว่าโทรศัพท์สมาร์ตโฟนจะมีคนละกี่เครื่องในบ้าน ทีวีจะใหญ่โต จอแบนบางเฉียงกี่มิลลิเมตร แต่ทุกเช้า คนเชียงใหม่ยังต้องใส่บาตร ทั้งพระสงฆ์ และเจ้าที่พระภูมิที่บ้าน เมื่อเกิดเหตุร้าย หรือสิ่งที่ทำให้จิตใจคนเชียงใหม่ขวัญเสีย ต่างก็เข้าใจตรงกันว่า "เมืองกำลังป่วย" หรือแม้แต่โบราณสถานหลายที่ในเชียงใหม่ เมื่อมองไปตามซอกหลืบก็จะพบเจอ ตุ๊กตาเทียนปั้นมัดด้วยสายสิญจน์ พระพุทธรูปทำจากดินŸäเผาแห้งๆชำรุด หักแตก เรื่อยยาวไปจนถึงความพยายามทำนุบำรุงศาสนสถาน แหล่งโบราณสถานที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ตึกเก่าๆย่าน ถ.ท่าแพ ที่เรียงขนาบ 2 ข้างทางถนน ที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่ายๆ เพียงแค่เสนอแผนงานก็คงจบ แต่เมื่อเป็นเมืองเชียงใหม่แล้วนั้น นักวิชาการต้องใช้ “ผีคุยกับผี” หรือต้องเอาความเชื่อเก่าไปลบล้างความเชื่อที่เก่ากว่า มองแล้วก็เป็นความแตกต่างของยุคสมัยที่อยู่บนความดั้งเดิมของความเชื่อล้านนา กว่าจะสามารถปรับเปลี่ยนภูมิสถาปัตยกรรมล้านนาของเชียงใหม่ ให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ที่ยังคงความเป็นเมืองล้านนาอยู่ ซึ่งหลายๆ อย่างที่เปลี่ยนไปนั้น ทำให้เชียงใหม่มีชีวิตในรูปแบบใหม่ๆ เสมอ แต่ก็ยังอยู่บนพื้นฐาน “ความต๊ะ ต่อน ยอน” ไม่เสื่อมคลาย

คำพูดของแม่ค้าขายผ้าคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตในเมืองเชียงใหม่มาเกือบ 50 ปี แสดงให้เห็นถึง “ความต๊ะ ต่อน ยอน” หรือคำพูดเปรียบเทียบจากท่วงทำนองเพลงล้านนาของภาคเหนือ ที่แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตของคนพื้นถิ่นที่ไม