วันนี้ (1 มี.ค.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย พร้อมด

กลางดึกคืนวันที่ 4 ธันวาคม 2566 หลังผ่านเข้าสู่วันที่ 5 ธันวาคม ไปเพียง 16 นาที รถโดยสารประจำทางแบบ 2 ชั้น วิ่งเส้นทางกรุงเทพฯ - นาทวี (จ.สงขลา) พุ่งเข้าชนต้นไม้ข้างทางระหว่างผ่านถนนเพชรเกษมที่ ต.ห้วยยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทำให้สภาพซีกซ้ายของรถ ซึ่งเป็นฝั่งที่ชนต้นไม้เสียหายอย่างหนัก มีผู้เสียชีวิต 14 คน บาดเจ็บสาหัส 7 คน บาดเจ็บ 24 คน และไม่ได้รับบาดเจ็บ 4 คน นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนนบอกว่า ความสูญเสียครั้งนี้ อาจถูกมองว่าเกิดขึ้นเพราะปัญหาสภาพร่างกายของคนขับรถ หากมองแค่นี้ปัญหาก็จะจบอยู่ที่เรื่องคนเท่านั้น และกลายเป็นเรื่องยากที่จะช่วยลดความสูญเสียที่เกิดขึ้นในครั้งต่อๆไป ดังนั้นหากมองให้กว้างกว่าเดิมและให้เห็นทั้งระบบ คือ รถ คน และถนน จะพบว่าแม้จะเกิดอุบัติเหตุขึ้น ก็อาจไม่มีความสูญเสียมากขนาดนี้ และหากมองย้อนกลับไปถึงอุบัติเหตุที่เคยเกิดขึ้นกับ "รถบัส 2 ชั้น" ว่า อะไร คือ "ปัญหาที่แอบซ่อนอยู่" 3 มิถุนายน 2566 ... รถบัส 2 ชั้น ซึ่งเป็นรถทัศนาจร หรือ รถรับจ้างไม่ประจำทาง ของคณะทัวร์กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน จาก จ.อ่างทอง พลิกคว่ำแหกโค้งที่ทางลงเนินเขาตับเต่า อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี มีผู้เสียชีวิต 2 คน อีกกว่า 30 คนได้รับบาดเจ็บ และมีคำอธิบายเบื้องต้นว่า "คนขับ ไม่ชินเส้นทาง" ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน ยกเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อกลางปี 2566 ว่า ปัจจุบัน รถบัส 2 ชั้น ยังวิ่งให้บริการอยู่บนเส้นทางที่มีความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากลักษณะของรถโดยตรง แม้จะเคยเกิดความสูญเสียเพราะการปล่อยให้รถบัส 2 ชั้น วิ่งบนเส้นทางเสี่ยงมาแล้วหลายๆครั้ง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา 10 ตุลาคม 2551 รถบัส 2 ชั้น คณะนักศึกษา จ.ขอนแก่น แหกโค้งลงเขา เสียชีวิต 21 คน บาดเจ็บ 27 คน 28 กุมภาพันธ์ 2557 รถบัส 2 ชั้น คณะนักเรียน จ.นครราชสีมา ชนรถพ่วง 18 ล้อ เสียชีวิต 17 คน บาดเจ็บ 45 คน 21 มีนาคม 2561 รถบัส 2 ชั้น คณะทัวร์ จ.กาฬสินธุ์ เสียหลักข้ามเกาะกลาง🍐🌈🎤ถนนพลิกคว่ำ เสียชีวิต 18 คน บาดเจ็บ 32 คน 19 มกราคม 2550 รถบัส 2 ชั้น นำคณะครู จ.จันทบุรี ชมงานพืชสวนโลก พลิกคว่ำบนทางโค้งลงเนินลาดชัน เสียชีวิต 21 คน บาดเจ็บกว่า 30 คน "รถบัส 2 ชั้น หรือรถบัสชั้นครึ่ง ที่มีที่เก็บของด้านล่าง แต่ไม่มีห้องโดยสารชั้นล่าง ไม่ค่อยจะถูกโฉลกกับพื้นที่ลาดชันหรือพื้นที่มีมีความลาดเอียง มีโค้งมากๆ เพราะมีโอกาสพลิกคว่ำมากกว่ารถอื่นๆ" นพ.ธนะพงศ์ กล่าว เมื่อปี 2556 กรมการขนส่งทางบก ออกประกาศข้อกำหนดให้รถที่มีความสูงเกินกว่า 3.60 เมตร จะต้องเข้าทดสอบการวิ่งบนพื้นลาดเอียง 30 องศา มีรถบัสเข้ารับการทดสอบ 7,118 คัน ผ่า🦦นการทดสอบเพียง 1,184 คัน ส่วนอีก 5,934 คัน ไม่ผ่านการทดสอบ แต่ยังได้รับการอนุโลมให้วิ่งบริการต่อไปได้ ต่อมาจึงกำหนดให้รถบัสทุกคันต้องติดตั้ง GPS เพื่อบอกตำแหน่งรถให้ชัดเจนว่า ให้บริการอยู่ในพื้นที่ใด และในปี 2559 กรมการขนส่งทางบก ออกข้อกำหนดเพิ่มเติมอีกว่า รถที่จะจดทะเบียนใหม่ "ต้องมีความสูงไม่เกิน 4 เมตร" มีผลบังคับใช้วันที่ 19 มีนาคม 2560 ส่วนรถบัส 2 ชั้นเดิมที่มีความสูงเกินกว่า 4 เมตร จะไม่ต่อใบอนุญาตให้อีกแล้ว ดังนั้นรถบัส 2 ชั้น ที่ยังวิ่งให้บริการอยู่จะวิ่งไปจนกว่าจะสิ้นสุดอายุของใบอนุญาตของแต่ละคัน ซึ่งคาดว่า จะหมดไปในปี 2570 นพ.ธนะพงศ์ กล่าวว่า เหตุที่ทำตามข้อเสนอนี้ไม่ได้ เพราะยังไม่มีกลไกใดที่จะมากำกับดูแลไม่ให้รถบัส 2 ชั้น ที่ไม่ผ่านการทดสอบความลาดเอียงไปวิ่งบนเส้นทางเสี่ยง นอกจากนี้ยังมีอีกโจทย์หนึ่งที่ซ้อนอยู่ด้วย คือ รถบัส 2 ชั้นที่วิ่งอยู่ มีทั้งรถประจำทาง (ประเภท 10) และรถทัศนาจรที่ไม่ประจำทาง (ประเภท 30) ซึ่งอาจจะกำหนดเส้นทางวิ่งของรถประจำทาง เช่น กรุงเทพฯ-นาทวี ก็ไม่ผ่านเส้นทางเสี่ยงเลย แต่กับกลุ่มรถทัศนาจรที่รับงานจ้างเหมานำเที่ยว ใครจะกำกับดูแล และแม้จะออกกฎให้รถทุกคันต้องติดตั้ง GPS แต่ใครคือผู้ทำหน้าที่คอยมอนิเตอร์ GPS หากจะห้ามรถบัส 2 ชั้น ไปวิ่งอยู่บนเส้นทางเสี่ยง ข้อเสนอ คือ เมื่อมีข้อกำหนดให้รถทุกคันติดตั้ง GPS ก็ควรกำหนดต่อไปเพื่อลดโอกาสที่จะเกิดความสูญเสียได้ว่า รถที่ไม่ผ่านการทดสอบความลาดเอียงแต่ยังอนุโลมให้วิ่งได้อยู่ ไม่ควรได้รับอนุญาตให้วิ่งบนเส้นทางเสี่ยง 85 เส้นทาง และหากฝ่าฝืนต้องมีเทคโนโลยีที่ทำให้ GPS ส่งสัญญาณแจ้งเตือนมาที่กรมการขนส่งทางบกได้ทันที ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ "ตัวรถ" โดยตรง ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน ระบุว่า โครงสร้างการประกอบรวิเคราะห์ บา ส เก็ ต บอล วัน นี้ถบัสในประเทศไทยยังเป็นปัญหาใหญ่ข้อหนึ่ง เพราะรถบัสในไทย เป็นการนำโครงเหล็กที่เป็นบอดี้ไปหุ้มโครงสร้างรถที่อยู่ตรงกลางเท่านั้น ซึ่งทำให้จะเกิดความสูญเสียมากเมื่อเกิดอุบัติเหตุ เมื่อบวกกับปัจจัยสภาพถนนที่มักมีต้นไม้ขนาดใหญ่อยู่ข้างทางก็ยิ่งทำให้ความสูญเสียรุนแรงขึ้น ซึ่งเป็นประเด็นปัญหาที่ฝ่ายวิศวกรเคยให้ความเห็นมาโดยตลอด และเหตุการณ์ล่าสุดเมื่อรอยต่อวันที่ 4-5 ธันวาคม 2566 ที่ อ.ทับสะแก จ.ประจวบ คีรีขันธ์ อธิบายปัญหาดังกล่าวได้ จากข้อสันนิษฐานเบื้องต้นพบว่า แม้จะเป็นรถบัส 2 ชั้น แต่สภาพรถไม่ได้เสีย เบรคไม่แตก วิ่งอยู่บนเส้นทางที่ไม่ใช่จุดเสี่ยงสูง ดังนั้นสภาพร่างกายของคนขับรถไม่พร้อม หรือหลับใน จึงกลายเป็นสมมติฐานหลักของการเกิดเหตุ นพ.ธนะพงศ์ บอกว่า ความเสี่ยงที่เกิดจากมนุษย์ ต้องแยกออกเป็น 2 ข้อ คือ ความรับผิดชอบของคนขับ และความรับผิดชอบของผู้โดยสาร ซึ่งคนขับ ตามหลักสากลจะต้องมีเวลาพักทุกๆ 2 ชั่วโมง และคนหนึ่งคนไม่ควรขับรถโดยสารติดต่อกันเกินกว่า 4 ชั่วโมง แต่ของไทยมักจะจอดพักทุกๆ 4 ชั่วโมง และเปลี่ยนคนขับที่กลางทาง เช่น เส้นทาง กรุงเทพฯ-นาทวี ก็จะมีการเปลี่ยนคนขับรถที่ศูนย์บริการทางหลวงเขาโพธิ์ จ.ชุมพร และในความเป็นจริงก็ยากที่จะบอกว่า คนขับรถ ผ่านการพักผ่อนเพียงพอมาแล้วหรือไม่ "เราอาจจะบอกว่าเขาได้พักทุก 4 ชั่วโมง แต่ความเป็นจริง อย่าง เส้นทางสายใต้ เขาจะต้องพบกับปัญหารถติด และการซ่อมสร้างทางบนถนนพระราม 2 ทำให้เขาเกิดความอ่อนล้าได้" ข้อมูล GPS ของรถคันที่เกิดเหตุ ระบุว่า18.49 น. รถออกจากสถานีขนส่งสายใต้ ถ.บรมราชชนนี19.37 น. เข้าสู่เขต จ.สมุทรสาคร 20.19 น. เข้าสู่เขต จ.สมุทรสงคราม20.42 น. เข้าสู่เขต จ.ราชบุรี 20.45 น. เข้าสู่เขต จ.เพชรบุรี20.55 น. จอด Check Point ต.สระพัง อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี 22.14 น. เ🎋💥🔞🅾️ข้าสู่เขต จ.ประจวบคีรีขันธ์ 23.17 น. จอดพักรถ ร้านอาหารสุภาพชน อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ (224 กิโลเมตร จากต้นทาง - โดยปกติใช้เวลาประมาณ 3.30 ชั่วโมง) 23.57 น. จอด Check Point ทางหลวง อ.เมือง จ📺.ประจวบคีรีขันธ์0016 น. ประสบอุบัติเหตุ ความเร็วก่อนเกิดเหตุ คือ 88 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน จากข้อมูลนี้พบว่า ในคืนวันเกิดเหตุ รถคันนี้ใช้เวลาเดินทางจากจุดเริ่มต้นมาถึงจุดพักรถ 4.28 ชั่วโมง มากกว่า เวลาที่จะใช้ในสภาพจราจรปกติประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนปัจจัยความเสี่ยงที่เกิดจากผู้โดยสารเอง คือ การไม่รัดเข็มขัดนิรภัย ซึ่งทำให้ผู้โดยสารได้รับแรงกระแทกมากขึ้นหรืออาจกระเด็นหลุดออกไปนอกตัวรถเมื่อเกิดอุบัติเหตุ นพ.ธนะพงศ์ มองว่า นี่เป็นปัญหาที่เกิดจากการบังคับใช้กฎหมาย "กฎหมายเรื่องเข็มขัดนิรภัย มีพัฒนาการมาตลอด ... 1 มกราคม 2556 กำหนดให้รถโดยสารทุกคันต้องมีเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่งแต่ยังไม่ได้บังคับให้ต้องคาด จนมาถึงเดือนพฤษภาคม 2557 จึงออกกฎหมายบังคับให้ผู้โดยสารต้องคาดเข็มขัดนิรภัย และหากไม่คาด คนขับจะมีความผิด ... แต่มีผลสำรวจเมื่อปี 2558 พบว่า มีผู้โดยสารถึงร้อยละ 34 ที่ยังคงไม่คาดเข็มขัดนิรภัย โดยฝ่ายรถโดยสารหันไปใช้วิธีการติดป้ายแจ้งให้ผู้โดยสารคาดเข็มขัดเพื่อใช้เป็นข้อแก้ต่างว่าได้พยายามบอกผู้โดยสารแล้ว .... จนปี 2562 จึงมีกฎหมายใหม่ออกมาบังคับใช้ว่า ผู้โดยสารที่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยจะมีความผิดด้วยหากถูกตรวจพบ แต่ก็ต้องยอมรับว่า นี่เป็นปัญหาที่แก้ไขยาก" ข้อมูลก่อนตัดสินใจเดินทางก่อนออกเดินทางแต่ละครั้ง หากต้องไปด้วยรถบัส 2 ชั้น ผู้โดยสารควรได้รับข้อมูลอะไรบ้าง ?? …นพ.ธนะพงศ์ ตั้งประเด็น นพ.ธนะพงศ์ ยกตัวอย่างว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ หากรถบัสต้องวิ่งผ่านเส้นทางเสี่ยงมีจำนวนไม่พอ และหากผู้ประกอบการไปนำบัส 2 ชั้น จากกลุ่มรถทัศนาจร (รถเหมา) มาเป็นรถเสริม เรามีช่องทางที่จะให้ข้อมูลกับผู้โดยสารหรือไม่ว่า รถคันที🍿่นำมาเสริม ผ่านการทดสอบหรือไม่ เพื่อให้ผู้โดยสารมีโอกาสตัดสินใจว่าจะเดินทางไปด้วยหรือไม่ "เมื่อออกเดินทางไปแล้ว ระบบ GPS ที่ใช้ในปัจจุบัน ถูกตั้งค่าให้ส่งสัญญาณแจ้งเตือนหากใช้ความเร็วเกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่บางพื้นที่ เช่น พื้นที่ลาดชัน พื้นที่เอียง มีโค้งเยอะ จะมีป้ายกำหนดความเร็วที่เหมาะสมอยู่บนเส้นทาง เช่น ไม่เกิน 20-40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น จึงควรปรับระบบการแจ้งเตือนของ GPS รถโดยสารสาธารณะ ว่าต้องแจ้งเตือนหากใช้ความเร็วเกินกำหนดในสภาพพื้นที่จริง ไม่ใช่แค่ 90" นพ.ธนะพงศ์ ยังระบุว่า รถ 2 ชั้น ยังมีปัญหาอีกแง่มุมหนึ่งด้วย คือ ความยากลำบากของทีมกู้ชีพกู้ภัยในการเข้าช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุ เพราะรถมีความสูงมากแม้ไม่พลิกคว่ำก็ช่วยนำตัวผู้รอดชีวิตออกมาได้ยาก หรือหากพลิกคว่ำก็ยิ่งนำตัวออกมายากเพราะไม่มีทางออกจากชั้นโดยสาร และจากเหตุการณ์ที่ อ.ทับสะแก เมื่อรอยต่อคืนวันที่ 4-5 ธันวาคม 2566 ทางสภาองค์กรของผู้บริโภค ยังพบปัญหาใหม่ คือ การทำประกันภัยเพื่อชดเชยเยียวยาผู้เสียหายของรถโดยสาร อาจไม่ครอบคลุมเพียงพอ ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงที่มักมีผู้เสียหายจำนวนมา👌👊🤚🔛ก (ติดตามรายละเอียดใน EP.3) "ความสูญเสียที่เกิดขึ้นมันมากเกินไป" มักเป็นถ้อยคำที่ถูกพูดซ้ำๆทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์โศกสลด และไม่ควรเป็นเพียง "แผ่นเสียงตกร่อง" และถูกมองเป็นการถอดบทเรียนซ้ำซากที่ไม่นำไปสู่ไปสู่การแก้ปัญหา ทั้งๆที่ มีแนวทาง วิธีการ ข้อเสนอ งานวิจัย และหนทางมากมายที่จะปกป้องทรัพยากรมนุษย์อันมีค่า ไม่ควรต้องสูญเสียกับอุบัติเหตุครั้งแล้วครั้งเล่า รายงานโดย: สถาพร พงษ์พิพัฒน์วัฒนา

ศตวรรษที่ 21 นั้นเรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของมนุษย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็รวมไปถึงแนวคิดของนวัตกรรมใหม่อย่าง “มดลูกเทียม” (Artificial Womb) ที่จะช่วย

วันนี้ (26 ก.ค.2565) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป

นิยายชีวิต โดย : Erik Purnama Putra
เรื่องและภาพโดย : Erik Purnama Putra
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” ได้ที่นี่..