สี จิ้นผิง ปธน.จีน กล่าวอวยพรชาวจีนช่วงเทศกาลตรุษจีน

สำนักบริหารการบินแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ FAA ได้อนุมัติให้รถสามล้อบินได้ที่พัฒนามานานกว่า 14 ปีได้เริ่มทดสอบการบินครั้งแรกที่สนามบินนานาชาติ Grant Country ในเมือง Moss Lake รัฐวอชิงตัน ทะยานขึ้นสูงถึง 5

เพียงแต่ พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจส่งไม้ต่อให้กับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ นั่งหัวโต๊ะประชุม

การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป ที่จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 7 พ.ค.2566 สำหรับผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า มีขั้นตอนง่ายๆ 7 ขั้นตอน ในการใช้สิทธิลงคะแนน มีขั้นตอนดังนี้ ตรวจสอบรายชื่อและล

เมื่อครั้ง “นพดล ปัทมะ” เป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในยุครัฐบาล “สมัคร สุนทรเวช” ผลพวงจากการลงนามคำแถลงการณ์ร่วมกัมพูชา กรณีเขาพระวิหาร คือ จุดเริ่มต้น🎈ที่ถูกเรียกว่า “คนขายชาติ” วันที่ 4 กันยายน 2558 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีมติ 6 : 3 ยกฟ้อง โดยระบุว่า การลงนามแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวสมเหตุสมผลถูกต้องตามสถานการณ์ ไม่กระทบต่อสิทธิทางเขตแดนและการทวงคืนเขาพระวิหารในอนาคต ทำให้ “พ้นมลทิน” และกลับมารับตำแหน่งสำคัญทางการเมืองอีกครั้งในฐานะสส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และได้รับมอบหมายงานสำคัญในสภา ให้นั่งเก้าอี้ประธานกรรมาธิการการต่าง📝ประเทศ “จริงๆ ตอนนี้ก็ไม่ได้อยากจะไปฟ้อง แต่ก็ต้องดำเนินการบ้าง เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ นี่ขนาดคำพิพากษาบอกว่า ผมไม่ได้ทำให้เสียดินแดน และยังทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติ ก็ยังมีโจมตีผมในโซเชียล” เรื่องราวในอดีตกลายเป็นจุดสนใจของคนไทยทั้งประเทศ และกลับมาเป็นประเด็นอีกครั้งเมื่อได้รับบทบาทร่วมเจรจาพื้นที่ทับซ้อนไทย - กัมพูชา รายการคุยนอกกรอบ กับ “สุทธิชัย หยุ่น” “เปิดใจ “นพดล” ในฐานะประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ ที่ต้องแบกรับความคาดหวังของคนไทยทั้งประเทศ และการถูกจับตามองเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร และ สมเด็จฮุน เซน แห่งกัมพูชา นพดล ในฐานะกรรมาธิการต่างประเทศ รัฐสภา เล่าถึงบทบาทการทำงานของกรรมาธิการว่า ประกอบด้วยหลายพรรคการเมืองทั้งฝ่ายค้าน และรัฐบาล ทำหน้าที่ศึกษาหาข้อเท็จจริงในประเด็นต่างด้านต่างประเทศเพื่อเสนอแนะตรวจสอบรัฐบาล การจัดสัมมนาทิศทางนโยบายต่างประเทศ และหากเป็นนโยบายของรัฐบาลถือเป็นภารกิจหลักที่ต้องผลักดัน แต่ก็ต้องฟังเสียงฝ่ายค้านด้วย เมื่อถามทิศทางที่ไทย เข้าไปมีบทบาทช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมใน“เมียนมา” ขณะเดียวกันยังมีการเจรจาให้อาเซียนมีส่วนให้เกิดกระบวนการสันติภาพ?... ในฐานะประธานกรรมาธิการการต่างประเทศมองว่า การช่วยเหลือหมู่บ้าน 3 แห่ง ในรัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา ที่กำลังเดือดร้อนจากการสู้รบ เป็นบทบาทสำคัญของไทย ที่ถือเป็นเสาหลักนโยบายต่างประเทศ “เพื่อนบ้านมั่นคง ไทยมั่นคง เพื่อนบ้านมีความสุข เรามีความสุข” จึงสนับสนุนให้รัฐบาลเดินหน้าและผลักดันอาเซียนเข้าร่วม โดยใช้งบประมาณจากกองทุน AHA หรือ กองทุนอาเซียนเพื่อการจัดการภัยพิบัติ และบรรเทาภัยฉุกเฉิน ช่วยเหลือชาวเมียนมาที่ได้รับความเดือดร้อนทั้งหมด …ถามต่อในกระบวนการเจรจา ดูเหมือนว่าฝ่ายรัฐบาลทหารเมียนมา เริ่มที่จะอ่อนไหว เพราะว่าการโจมตีจากฝ่ายต่อต้านสามารถยึดพื้นที่ได้เพิ่มขึ้น คิดว่าโอกาสการเจรจาจะสูงขึ้นกว่าเดิมที่ผ่านหรือไม่ “ผมเป็นประเภทที่ให้โอกาสสันติภาพ คิดว่าคุยกันดีกว่า ผมเป็นฝ่ายนกพิราบอยากจะให้มีการเจรจา ไม่อยากให้มีการสูญเสีย ไม่อยากให้เด็ก หรือคนแก่ต้องอพยพหนีภัยสงคราม เพราะฉะนั้นเราต้องทำงานหนักขึ้น” นพดล กล่าวว่า โอกาสการเจรจาอาจต้องแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ กรอบระหว่างที่จะโน้มน้าวให้เมียนมามาสู่โต๊ะเจรจาจะทำอย่างไร , ภายในเมียนมาจะคุยกันอย่างไร โดยส่วนตัวคิดว่าประเทศไทยน่าจะทำในกรอบของอาเซียน ด้วยการเป็นหัวหอกดึงลาวซึ่งเป็นประธานอาเซียนมาร่วมเจรจา รวมถึงการคุยกับประเทศอินเดีย จีน ที่มีบทบาทสำคัญต่อประเทศไทยเพื่อทำความเข้าใจ “เริ่มจากการคุยอย่างนี้ได้หรือไม่ อินเดีย จีน อาเซียน ลาว ซึ่งเป็นประธานอาเซียน ไทย และเชิญ สภาบริหารแห่งรัฐเมียนมา หรือ SAC ดูว่า เราจะขับเคลื่อนสันติภาพอย่างไร ถามว่าในกรอบอะไร… ก็ในกรอบฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน แล้วขั้นตอนต่อไปถึงไปคุยภายในของเมียนมา ว่าจะให้ SAC จะฝ่ายต่อต้านพม่า NUG หรือจะเป็นกลุ่มชาติพันธ์ต่างๆ ค่อยเป็นขั้นตอนที่สอง” ….เมื่อถูกตั้งคำถามการทำหน้าที่ของประเทศไทย มีความเป็นกลางพอไหม ประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ ตอบว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นพยานหลักฐานที่บ่งบอกว่า ประเทศ ไทยลำเอียง ส่วนความไว้ใจทางการทูตของเมียนมาที่มีต่อประเทศไทย อาจทำให้ต้องทำงานหนักขึ้น ได้รับผลกระทบมากที่สุด การเจรจาไม่ใช่เรื่องง่ายเนื่องด้วยมีข้อจำกัดในแง่ที่ว่า “เขารบกันตั้งแต่ที่เรายังไม่เกิด” ฉะนั้นจึงต้องโน้มน้าวให้ทั้งสองฝ่าย ยับยั้งชั่งใจในการที่จะต่อสู้กัน หรือที่เรียกกว่า “การทูตซอฟต์พาวเวอร์” ด้วยการชักจูงให้เขาเห็นว่า “สันติภาพ” ความท้าทายของโลกมีมากมายที่จะทุ่มเทสรรพกำลังไปเร่งแก้ปัญหามากกว่าการรบกัน อาทิ อาชญากรรมทางไซเบอร์ , การโกงของกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ , PM 2.5 , โลกร้อน ส่วนเรื่องที่สมเด็จฮุน เซน ประธานคณะองคมนตรีกัมพูชา และอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา มาเยี่ยมคุณทักษิณ ชินวัตร ทำให้เริ่มมองถึงทฤษฎี “สมคบคิด” กันหรือเปล่า ในเรื่องของการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนไทย - กัมพูชา นพดล ยืนยันว่า ไม่สามารถสมคบคิดกันได้เนื่องด้วยพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลบริเวณไหล่ทวีประหว่างไทยและกัมพูชา หรือ OCA กลไกตาม MOU 44 จะต้องมีคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค หรือ JTC ไทย-กัมพูชา ซึ่งขณะนี้รัฐบาลยังไม่ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ หลังจากแต่งตั้งเสร็จ ต้องใช้มติ ครม. เพื่อวางโครงสร้างการเจรจา “เข้าใจว่ากระทรวงการต่างประเทศได้เสนอองค์ประกอบไปให้รัฐบาลแล้ว แต่ยังไม่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการ JTC ทุกครั้งที่มีรัฐบาลใหม่จะต้องมี JTC ชุดใหม่ ซึ่งผมคิดว่าอาจจะเป็นกติกา เป็นวิธีปฏิบัติว่ารัฐบาลใหม่ อาจจะต้องการองค์ประกอบของ JTC ที่แตกต่างจากรัฐบาลที่แล้ว” และย้ำว่า ไทยจะไม่เสียเกาะกูดแน่นอน หากเดินตาม MOU44 ด้วยภูม🐴🐦💪ิหลัง กัมพูชามีการลากเส้นเขตแดนทางทะเลเมื่อปี 2515 จากนั้นในปี 2516 ประเทศไทยก็ลากเส้นแดนซ้อนกัน ดังนั้นเมื่อพื้นที่ซ้อนกันก็จะตกลงกันว่าจะแบ่งเขตกันอย่างไร “จะเจรจา หรือรบก🐢ัน” ประเทศไทยก็เลือกการเจรจา วันที่ 18 มิถุนายน 2544 ประเทศไทยและกัมพูชา ได้มีการตกลงกัน โดย ดร.สุรเกียรติ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศในขณะนั้นเป็นคนไปเซ็นรับกลไกเจรจาแบบ “ปาท่องโก๋ คือเจรจาแบบแพ็กเกจ” (เรื่องเขตแดน – เรื่องพัฒนาร่วม) เจรจาแบบแบ่งแยกกันไม่ได้ บนเส้นละติจูดที่ 11 ร่างเขตแดนและพัฒนาร่วม ต้องเจรจาไปพร้อมๆ กัน โดยกรรมการชุดเดียวกัน …จึงทำให้เข้าใจได้ว่าทำไมเขตแดนถึงสำคัญ นั้นก็เพราะว่า “เราจะรู้พื้นที่พัฒนาร่วมก็ต่อเมื่อเรารู้ว่าเส้นเขตแดนมันลากไปอย่างไร” ส่วนจะเจรจาอย่างไรทั้งในเรื่องของพื้นที่ทับซ้อน กับพื้นที่ใช้ประโยชน์ร่วมกัน ต้องเจรจาพร้อมกันหรือไม่ คิดว่ารัฐบาลในฐานะที่อยู่พรรคเพื่อไทยด้วย จะแนะนำกระทรวงต่างประเทศได้ และในฐานะประธานกรรมาธิการต่างประเทศ ควรจะเดินอย่างไร.. ประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ กล่าวว่า เบื้องต้นต้องเร่งตั้งคณะกรรมการกลไกในการเจรจา ที่มีทั้งฝ่ายต่างประเทศ ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายใน และระหว่างประเทศ เพื่อหาข้อยุติเรื่องเส้นเขตแดนทางทะเลให้เร็วที่สุด และจากการเดินทางเข้ามาของ “พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา” เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 กับคำแถลงของ “นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี”ระบุชัดเจน ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะเจรจาทั้งสองเรื่องไปด้วยกัน ส่วนสำคัญคือจะต้องรีบนำเอาน้ำมันและแก๊สขึ้นมาใช้ให้เร็วที่สุด ก่อนที่จะไม่สามารถใช้ได้เนื่องด้วยพลังงานสะอาดจะเข้ามาแทนที่ในไม่ช้า และต้องโน้มน้าวและอธิบายข้อเท็จจริงให้ประชาชนเข้าใจ และห้ามมีผลประโยชน์ทับซ้อน …ส่วนข้อสงสัยเมื่อ “นายทักษิณ ชินวัตร” สนิทกับ “สมเด็จฮุน เซน” รวมถึงการที่ “ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา” มาพบ “นายเศรษฐา ทวีสิน” และการที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตรเดินทางไปกัมพูชา มีอะไรทับซ้อนหรือไม่ นพดล บอกว่า มั่นใจว่าไม่มีอะไรทับซ้อน ไม่อยากให้มองว่าความสนิทสนม เท่ากับ “เกี้ยเซียะ” หรือลักลอบมีข้อตกลงทางผลประโยชน์ หรืออีกนัย🐏🚨 “สนิทสนม เท่ากับ ทับซ้อน” แต่มองว่าความสนิทสนมจะทำให้การเจรจาง่ายขึ้น แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าจะไม่ “เกี้ยเซียะ”…? นพดล อธิบายให้ฟังว่า การเจรจาที่มีคณะกรรมการด้านเทคนิค JTC ที่จะประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ อีกทั้งข้าราชการประจำกระทรวงการต่างประเทศ ในการร่วมเจรจา เมื่อได้ข้อสรุปยังต้องนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีพรรคร่วมเพื่อพิจารณา ก่อนนำเข้ารัฐสภาอีกครั้ง ดังนั้นหากมีอะไรไม่ชอบมาพากล ส.ส.ฝ่ายค้าน ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ พรรคก้าวไกล ก็คงจะไม่ปล่อยผ่าน “ผมคิดว่าถ้ามีผู้ดำเนินการด้านต่างประเทศที่มุ่งมั่น ผมว่าทำสำเร็จได้ โดยเฉพาะบรรยากาศในการพูดคุยกันค่อนข้างไปในทิศทางที่ดี เพราะมีทั้ง “สมเด็จฮุน เซน” “ฮุน มาเนต” “นายเศรษฐา ทวีสิน” “นายทักษิณ ชินวัตร” จะทำให้การคุยแบบเปิดอก เกิดความโปร่งใส และหาทางออกของปัญหานี้ได้” ในขณะที่รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ “นพดล” ถูกกล่าวหาว่าทำให้เสียดินแดน กลายเป็นคนขายชาติ เนื่องจากขณะนั้นจะมีการขึ้นทะเบียนมรดกโลกปราสาท พระวิหาร วันที่ 7 กรกฎาคม 2551 “ผมก็บอกว่า ปราสาทเป็นของคุณตามคำตัดสินศาลโลก เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2505 แต่คุณต้องตัดพื้นที่ทับซ้อนออกมา” ท้ายที่สุด ศาลยกฟ้อง และยังบอกว่าสิ🍄่งที่ตนเองทำเป็นประโยชน์ แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังถูกโจมตีในโซเชียล จึงมองว่า “เราต้องทำให้ประชาชนได้รู้ข้อเท็จจริง ส่วนเขาจะไม่ชอบหน้าเราไม่เป็นไร แต่ต้องบนพื้นฐานของข้อเท็จจริง แต่ถ้าเขาไม่ชอบหน้าเราเพราะว่าเกลียดรัฐบาลเพราะความเท็จ เราต้องรีบชี้แจง” ในฐานะที่เป็นประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ” ยอมรับว่า การต่างประเทศเป็นงานที่ต้องใช้เวลาถึงจะเห็นผล ประชาชนอาจจะไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงในระยะสั้น แต่ได้ทำไปหลายเรื่องแล้ว ทั้ง การตรวจสอบและเร่งให้รัฐบาลเจรจา เพื่อหาข้อสรุปเขตการค้าเสรี กับ อียู การหารือกับทูตเกาหลีใต้เพื่อเพิ่มโควตาแรงงานที่ไปถูกกฎหมาย ลดปัญหาเรื่องผีน้อย การดูแลเรื่องการอพยพย้ายถิ่นฐาน ,พูดคุยกับอุปทูตจีน เพื่อผลักดันรถไฟจีน ลาว ไทย ให้แล้วเสร็จทันกำหนดตามที่ตั้งเป้าไว้ปี 2571 ในเส้นทาง “กรุงเทพ – โคราช” แต่ขณะนี้เพิ่งดำเนินการไปเพียง 14 กิโลเมตร จาก 250 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าช้ามาก ส่วนทางกับนโยบายที่ประเทศไทยต้องการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ ขณะที่การขันแข่งทางมหาอำนาจระหว่างอเมริกา กับ จีน ในประเทศไทย มีความสำคัญทั้งสองประเทศไม่สามารถเลือกได้ ซึ่งไทยต้องมีความเป็นกลางที่สมดุล สร้างสัมพันธ์อันดีในประเด็นที่ตอบโจทย์ของแต่ประเทศ เพื่อพัฒนาร่วมกันได้ สิ่งสำคัญต้องมองผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง โดย 4 สิ่งสำคัญที่การต่างประเทศของไทยต้องมี คือ การยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาติ , เติบโตไปกับเพื่อนบ้าน ซึ่งสำคัญ คือ เพื่อนบ้านเราต้องดีก่อน เราต้องมั่นคงก่อน ดังนั้นปัญหาเมียนมาต้องแก้ไข เพราะจะโยงไปถึงการแก้ปัญหา PM2.5 ข้ามพรมแดน รวมถึงเรื่องยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ , “ต้องกินได้” คำว่ากินได้ คือประชาชนต้องได้ประโยชน์เรื่องปากท้อง เศรษฐกิจ และ ประเทศไทยจะต้องกลับมาสู่จอเรดาร์โลกโดยเป็นผู้สนับสนุนสันติภาพ และความมั่งคั่งในโลก “ประวัติการทูตแบบซอฟต์พาวเวอร์ของไทยมีมาอย่างยาวนาน เสียดายช่วงหบอล พี มี ลีก ล่าสุดลังๆ เราหายไป เราต้องเริ่มใหม่ เริ่มจากการเจรจาหยุดการสู้รบในเมียนมา ถ้าเราแก้ไขได้ จะเป็นประโยชน์มาก ต้องทำงานต่อเนื่อง ต้องทำงานหนัก โน้มน้าวพูดคุย”นพดล ทิ้งท้าย รายการคุยนอกกรอบ กับ “สุทธิชัย หยุ่น”ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 21.30-22.00น.

เมื่อครั้ง “นพดล ปัทมะ” เป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในยุครัฐบาล “สมัคร สุนทรเวช” ผลพวงจากการลงนามคำแถลงการณ์ร่วมกัมพูชา กรณีเขาพระวิหาร คือ จุดเริ่มต้นที่ถูกเรียกว่า “คนขายชาติ” วันที่