“ชูวิทย์” ชี้ศาลยึดทรัพย์ไม่กระทบการทำหน้าที่ ส.ส. “ชูวิทย์” ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย ยื
วันนี้ (29 ม.ค.2568) นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 8 ม.ค.2568 ที่ผ่านมา ซึ่งมีนายสมศักดิ์ เทพส
“ชูวิทย์” ชี้ศาลยึดทรัพย์ไม่กระทบการทำหน้าที่ ส.ส. “ชูวิทย์” ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย ยืนยันคำพิพากษาของศาลที่ตัดสินยึดทรัพย์ ไม่ส่งผลกระทบการทำหน้าที่ ส.ส. พร้อมระบุมูลค่าในการยึดทรัพย์แค่ 340,000 บาท ไม่ใช่ 3.4 ล้านบาท ตามที่เป็นข่าว “ชูวิทย์” ชี้ศาลยึดทรัพย์ไม่กระทบการทำหน้าที่ ส.ส. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย เปิดเผยว่า ยอมรับคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ตัดสินยึดทรัพย์ของตน และและบริษัทโฮแปซิฟิค จำกัด เพราะทุกคนรู้ว่าที่ผ่านมาตนทำอะไร ตนทำก็ยอมรับผิดแต่มูลค่าในการยึดทรัพย์แค่ 340,000 บาท ไม่ใช่ 3.4 ล้านบาท ตามที่เป็นข่าว พร้อมระบุ คำพิพากษาของศาลไม่ส่งผลกระทบการทำหน้าที่ ส.ส.ของตน เพราะการยึดทรัพย์เป็นคดีแพ่ง แต่อยากเรียกร้องให้ดำเนินการกับสถานบริการที่กำลังเปิดในลักษณะนี้ด้วย ควรทำมาตรฐานเดียวกันกับคดีของตน และคดีใดที่ศาลชั้นต้นฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์ยกแล้ว ควรมีการฎีกาแบบคดีของตน ด้านนายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีศาลฎีกามีคำพิพากษาให้ยึดทรัพย์ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย เนื่องจากมีหลักฐานที่เชื่อได้ว่าเป็นเจ้าของธุรกิจที่ดำเนินการจัดหาและค้าประเวณี กรณีดังกล่าวเป็นคดีแพ่ง เบื้องต้นสมาชิกจะยังไม่พ้นสมาชิกภาพความเป็น ส.ส. เนื่องจากการพ้นสมาชิกภาพการเป็นสส.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 102 (7) ระบุว่า เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน เพราะร่ำรวยผิดปกติหรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ ซึ่งเรื่องดังกล่าวต้องมีผู้ร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นสมาชิกภาพ หรือตัวสมาชิกเองหากต้องการให้ศาลวินิจฉัยสามารถเสนอได้ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย เปิดเผยว่า ยอมรับคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ตัดสินยึดทรัพย์ของตน และและบริษัทโฮแปซิฟิค จำกัด เพราะทุกคนรู้ว่าที่ผ่านมาตนทำอะไร ตนทำก็ยอมรับผิดแต่มูลค่าในการยึดทรัพย์แค่ 340,000 บาท ไม่ใช่ 3.4 ล้านบาท ตามที่เป็นข่าว พร้อมระบุ คำพิพากษาของศาลไม่ส่งผลกระทบการทำหน้าที่ ส.ส.ของตน เพราะการยึดทรัพย์เป็นคดีแพ่ง แต่อยากเรียกร้องให้ดำเนินการกับสถานบริการที่กำลังเปิดในลักษณะนี้ด้วย ควรทำมาตรฐานเดียวกันกับคดีของตน และคดีใดที่ศาลชั้นต้นฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์ยกแล้ว ควรมีการฎีกาแบบคดีของตน ด้านนายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีศาลฎีกามีคำพิพากษาให้ยึดทรัพย์ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย เนื่องจากมีหลักฐานที่เชื่อได้pg วอ เลทว่าเป็นเจ้าของธุรกิจที่ดำเนินการจัดหาและค้าประเวณี กรณีดังกล่าวเป็นคดีแพ่ง เบื้องต้นสมาชิกจะยังไม่พ้นสมาชิกภาพความเป็น ส.ส. เนื่องจากการพ้นสมาชิกภาพการเป็นสส.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 102 (7) ระบุว่า เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน เพราะร่ำรวยผิดปกติหรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ ซึ่งเรื่องดังกล่าวต้องมีผู้ร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นสมาชิกภาพ หรือตัวสมาชิกเองหากต้องการให้ศาลวินิจฉัยสามารถเสนอได้
เมื่อวันที่ 2 ก.พ.2567 ณ ห้องฟอร์จูน 3-4 ชั้น 3 โรงแรมแกรนด์ ฟอร์จูน กรุงเทพฯ สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ (SONP) ร่วมกับกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ (TMF) ในโครงการความร่วมมือองค์กรสื่อขับเคลื่อนพั