กรณีคลิปโซเชียลในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เผยแพร่ภาพ สิงโตขาวนั่งในรถหรูเปิดประทุน แล่นอยู่ท่ามกลางการจรา

วันนี้ (2 มี.ค.2564) ที่อาคารกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดี สบส. นำพนักงานเจ้าหน้าที่รับเรื่องร้องเรียนจากนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ซึ่งระบุว่า โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในเขตจตุจักร ประเมินค่าใช้จ่ายและเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลจากผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ทำให้เกิดการรักษาล่าช้า อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ น.ส.วิชญาพร วิเศษสมบัติ หรือพริตตี้วาวา เสียชีวิตเมื่อช่วงเช้าวันที่ 23 ก.พ.ที่🐬ผ่านมา นายอัจฉริยะ 🏆เปิดคลิปวิดิโอช่วงเวลาที่ น.ส.วิชญาพร เข้ารับการรักษา เริ่มตั้งแต่เวลา 06.29 น. กลุ่มบ้านปาร์ตี้นำถึงโรงพยาบาล แต่ปรากฎว่ายังไม่ได้ให้การรักษา แต่เรียกเก็บเงิน 15,000 บาท เป็นค่ามัดจำ พร้อมถามหาผู้รับเป็นเจ้าของคนไข้ โดยตลอดเวลาการรักษาไม่ได้เข้าห้องไอซียู แต่นอนอยู่ในห้องสังเกตอาการ จนเมื่อเวลา 07.18 น. จึงเริ่มรักษา จากนั้นเรียกเก็บเงิ🍊0️⃣นอีก 40,000 บาท ต่อมา น.ส.วิช🌟ญาพร เสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว โดยเจ้าหน้าที่แจ้งเวลา 08.45 น. และยังไม่สามารถนำศพออกไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ในช่วงเวลา 12.00 น. เพราะยัง😂ไม่ได้จ่ายค่าชุดที่ใช้ในการระหว่างการรักษาพยาบาลอีก 500 บาท จึงเห็นว่าสถานพยาบาลดังกล่าว ไม่ได้คำนึงถึงผู้เสียหายก่อน สนใจแต่เรื่องเรียกเก็บเงินค่ารักษาพยาบาล นพ.ธเรศ ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับเรื่องร้องเรียนว่า ขณะนี้ สบส.สั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าที่กองกฎหมาย และกองสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วนโดยจะมุ่งตรวจสอบในประเด็นสำคัญในการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ใน 2 ประเด็น คือ 1) การให้บริการรักษาพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชนดังกล่าวในการดูแลเยียวยาผู้ป่วยฉุกเฉินว่าเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ ซึ่งจะมีการต📚รวจสอบจากเวชระเบียน เอกสารทางการแพทย์ของโรงพยาบาล และแนวทางการประเมินเกณฑ์ผู้ป่วยว่าเข้าข่ายฉุกเฉินวิกฤตของโรงพยาบาลเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ โดยจะเรีวิเคราะห์บอล อิตาลี วันนี้ยกตัวผู้เกี่ยวข้องทั้งทางฝั่งโรงพยาบาลเอกชน และญาติผู้เสียชีวิตมาให้ถ้อยคำกับคณะอนุกรรมการสอบข้อเท็จจริงเรื่องร้องเรียน ซึ่งประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิจากแพทยสภา สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พิจารณาเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทั้ง 2 ฝ่าย คาดว่าจะดำเนินการภายใน 7 วัน อธิบดี สบส. กล่าวว่า นโยบาย “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่” (Universal Coverage for Emergency Patients ; UCEP) เป็นนโยบายของภาครัฐที่มีคุณประโยชน์ต่อประชาชนอย่างมาก ในการสร้างความความครอบคลุมลดความเหลื่อมล้ำให้ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตได้รับการคุ้มครองสิทธิในการเข้าถึงบริการรักษาพยาบาลอย่างปลอดภัยโดยไม่มีเงื่อนไขในการเรียกเก็บค่ารักษา 72 ชั่วโมงแรก ซึ่งที่ผ่านมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2560 – มกราคม 2564 สปสช.มีการพิจารณาเบิกจ่ายเงินชดเชย UCEP ไปแล้วกว่า 85,000 ครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 4,900 ล้านบาท จึงขอกำชับให้สถานพยาบาลเอกชนทุกแห่งปฏิบัติตามนโยบาย UCEP และกฎหมายสถานพยาบาลอย่างเคร่งครัด โดยยึดชีวิตผู้ป่วยเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก หากประชาชนพบสถานพยาบาลแห่งใดไม่ปฏิบัติตามกฎหมายกำหนด ก็สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรม สบส. 1426 ด้าน ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดี สบส. กล่าวว่า สำหรับสถานพยาบาลเอกชนที่ปฏิเสธการรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต (สีแดง) หรือเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้ป่วยหรือญาติ เป็นเหตุให้การรักษาพยาบาลผู้ป่วยล่าช้าไม่เป็นไปตามมาตรฐานการรักษาที่เหมาะสม จะถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 มาตรา 36 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ เพื่อความชัดเจนในการประเมินเกณฑ์ผู้ป่วยว่าเข้าข่ายฉุกเฉินวิกฤติ (สีแดง) หรือไม่ ขอให้สถานพยาบาลใช้ระบบบันทึกและประเมินผู้ป่วย (UCEP) ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) และหากพบปัญหาในการวินิจฉัยคัดแยกผู้ป่วยให้ปรึกษาขอคำวินิจฉัยจากศูนย์ประสานงานคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตของ สพฉ. ผ่านสายด่วน 02 872 1669 โดยให้ยึดคำวินิจฉัยของศูนย์ประสานงานคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตเป็นที่สุด

ยานนิวฮอไรซันส่งสัญญาณจากดาวพลูโตกลับโลก ยานอวกาศนิวฮอไรซันส่งสัญญานแจ้งกลับมายังโลก ปลอดภัยดี ไม่ถูกหินในอวกาศหรืออุกาบาตชนเสียหาย ยานนิวฮอไรซันส่งสัญญาณจากดาวพลูโตกลับโลก หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการ ระบุ

วันนี้ (2 มี.ค.2564) ที่อาคารกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์

นิยายชีวิต โดย : Didi Purwadi
เรื่องและภาพโดย : Didi Purwadi
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” ได้ที่นี่..