เมื่อวันที่ 2 เม.ย.2568 ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ยืนพูดที่สวนกุหลาบในทำเนียบขาวเป็นเวลากว่า

วันนี้ (23 เม.ย.2567) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวถึงกรณีมีเอกสารหลุดที่มีเนื้อหาพาดพิงว่า หนึ่งในกรรมการ ป.ป.ช. อักษรย่อ ส. เคยขอให้ พล.

เมื่อวันที่ 2 เม.ย.2568 ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ยืนพูดที่สวนกุหลาบในทำเนียบขาวเป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมง ประกาศนโยบายใหม่ที่เขย่าโลก โดยเผยว่าจะเก็บภาษีร้อยละ 54 สำหรับสินค้าทุกอย่างที่นำเข้าจากจีน โดยเพิ่มจากภาษีเดิมที่มีอยู่ร้อยละ 20 ซึ่งหมายความว่าสินค้าจีนทุกชิ้นที่เข้าสหรัฐฯ จะแพงขึ้นอย่างมาก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทรัมป์ขึ้นภาษีจีน ตั้งแต่เขากลับมาเป็นประธานาธิบดีในเดือน ม.ค.2568 เขาได้เพิ่มภาษีสินค้าจีนไปแล้ว 2 รอบ รอบละร้อยละ 10 โดยบอกว่าเป็นการหยุดยาเฟนทานิลผิดกฎหมายที่ไหลมาจากจีน แต่ครั้งนี้ ภาษีร้อยละ 54 เป็นการก้าวไปอีกขั้นที่หนักหน่วงกว่าเดิม และไม่ใช่แค่จีนที่โดน ทรัมป์ยังเพิ่มภาษีร้อยละ 10 สำหรับสินค้าทุกอย่างที่เข้าสหรัฐฯ จากทุกประเทศ และตั้งภาษีพิเศษสำหรับบางชาติในเอเชีย เช่น เวียดนาม ร้อยละ 46 และกัมพูชา ร้อยละ 49 รวมถึงไทย ร้อยละ 36 ซึ่งทำให้ธุรกิจทั่วโลกต้องตื่นตระหนก เป้าหมายของทรัมป์คือการเปลี่ยนแปลงวิธีการค้าขายของสหรัฐฯ ที่ใช้มานานกว่า 100 ปี เขาต้องการให้บริษัทอเมริกันย้ายการผลิตกลับมาที่สหรัฐฯ และลดการพึ่งพาจีน แต่ผลที่ตามมาคือความโกลาหลในวงการค้า เบน ชวาลล์ ที่ปรึกษาด้านห่วงโซ่อุปทานจาก STG Consultants บอกว่านโยบายแบบนี้เปลี่ยนเร็วเกินไป ธุรกิจตามไม่ทัน อยากรู้แผนระยะยาวของทรัมป์จริง ๆ และยังชี้ว่า ภาษีใหม่นี้ทำให้แผนที่วางไว้ล้มเหลว เพราะตอนนี้ไม่ใช่แค่จีนที่โดน แต่ประเทศอื่นในเอเชียที่บริษัทเคยย้ายไปก็โดนด้วย เกร็ก มาซซา เจ้าของบริษัทโคมไฟในคอนเนตทิคัต ซึ่งนำเข้าสินค้าจากจีน บอกว่าเขาเคยขึ้นราคาสินค้าแค่ร้อยละ 5 เพื่อไม่ให้ลูกค้าต้องจ่ายแพงเกินไปจากภาษีรอบก่อน แต่ครั้งนี้คิดว่าคนอเมริกันคงรับราคาที่สูงขŒึ้นจากภาษีร้อยละ 54 ไม่ไหว มาซซากังวลว่าธุรกิจจะต้องเลือกว่าจะอยู่กับจีนต่อไป หรือลองผลิตในสหรัฐฯ ซึ่งตอนนี้ยังดูยาก เพราะต้นทุนในสหรัฐฯ สูงกว่ามาก นักวิเคราะห์บอกว่า ภาษีครั้งนี้สูงเกินกว่าที่คาดไว้ และอาจเปลี่ยนความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ที่มีมูลค่ากว่าครึ่งล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ไปตลอดกาล เช้าวันที่ 3 เม.ย.2568 กระทรวงพาณิชย์จีนออกแถลงการณ์ทันทีหลังทรัมป์ประกาศ จีนเรียกภาษีของทรัมป์ว่าเป็นการข่มขู่ฝ่ายเดียว และบอกว่าสหรัฐฯ ตั้งภาษีตามความคิดของตัวเอง โดยไม่สนกฎการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งทำร้ายทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และจีนยังขอให้สหรัฐฯ ยกเลิกภาษี และหาทางแก้ปัญหาด้วย การเจรจาที่เท่าเทียม ในอดีต จีนเคยตอบโต้ภาษีของทรัมป์มาแล้ว ในสมัยแรกของเขาจีนเก็บภาษีสินค้าสหรัฐฯ เช่น ผลไม้ ธัญพืช น้ำมัน และจำกัดการส่งออกบางอย่าง ตอนที่ทรัมป์ขึ้นภาษีร้อยละ 20 ไปก่อนหน้านี้ จีนก็ตอบกลับแบบไม่หนักมาก ด้วยการเก็บภาษีสินค้าเกษตรแล€ะพลังงานของสหรัฐฯ และลงโทษบริษัทอเมริกันบางแห่ง นักวิเคราะห์ เคร็ก ซิงเกิลตัน จาก Foundation for Defense of Democracies คาดว่า ครั้งนี้จีนจะเฉียบขาดขึ้น อาจเลือกเก็บภาษีสินค้าที่กระทบฐานเสียงของทรัมป์ เช่น ข้าวโพด หรือเครื่องจักรอุตสาหกรรม และอาจแบนบริษัทสหรัฐฯ บางราย หรือควบคุมการส่งออกวัตถุดิบที่สหรัฐฯ ต้องการ ปธน.สี จิ้นผิง ต้องระวังถ้าตอบโต้สหรัฐฯ แรงและเร็วเกินไป อาจดูเหมือนยอมแพ้ แต่ถ้าช้าเกินไป สงครามการค้าอาจยืดเยื้อ ทรัมป์เองก็บอกว่าเขาอยากเจรจากับจีน และอาจมีโอกาสที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะนั่งโต๊ะคุยกันในสัปดาห์นี้ แต่ตอนนี้ ดูเหมือนทั้งคู่ยังไม่ยอมถอยให้กันง่าย ๆ ตอนนี้ เศรษฐกิจจีนกำลังแย่อยู่แล้ว จากปัญหาบ้านราคาตก คนซื้อของน้อย และเงินฝืด ภาษีของทรัมป์ยิ่งทำให้แย่เข้าไปอีก แต่บางคนมองว่า จีนอาจได้ประโยชน์ในระยะยาว เพราะสหรัฐฯ กลายเป็นคู่ค้าที่ไว้ใจไม่ได้ ประเทศอื่น ๆ เช่น ญี่ปุ่น หรือเกาหลีใต้ อาจหันมาค้าขายกับจีนมากขึ้น ก่อนที่ทรัมป์จะประกาศภาษีใหม่ไม่กี่วัน เมื่อวันที่ 28 มี.ค.2568 สี จิ้นผิง เชิญผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทดังทั่วโลกกว่า 40 คน เช่น FedEx, Qualcomm, BMW, Toyota และ Apple มาประชุมที่ปักกิ่ง เขาบอกว่า สี สัญญาว่าจะทำให้บริษัทต่างชาติเข้าถึงตลาดจีนง่ายขึ้น ปฏิบัติต่อทุกบริษัทอย่างเท่าเทียม และคุยกับนักลงทุนบ่อย ๆ เพื่อให้พวกเขามั่นใจ เขายังบอกว่า บริษัทต่างชาติช่วยสร้างงานในจีนกว่า 30 ล้านตำแหน่ง และทำเงินภาษีให้จีนถึง 1 ใน 7 ของทั้งหมด สีพูดอย่างชัดเจนว่าการตัดขาดกัน หรือทำลายห่วงโซ่อุปทาน ไม่ช่วยใครเลย ซึ่งเหมือนเป็นการตำหนิทรัมป์ที่กำลังจะขึ้นภาษี เขาขอให้บริษัทใหญ่ ๆ เจรจาผลประโยชน์บนเหตุและผล ก่อนหน้านี้ ที่ฟอรัมการพัฒนาจีนเมื่อวันที่ 23-24 มี.ค. หลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ก็บอกกับนักธุรกิจ 86 บริษัทว่า โลกกำลังไม่แน่นอน พวกเราต้องช่วยกันต้านการกีดกันการค้า และย้ำว่าจีนพร้อมรับมือ "ความผันผวนจากภายนอก" 31 มี.ค. ทิม คุก ซีอีโอของ Apple คุยกับรัฐมนตรีพาณิชย์จีน หวัง เหวินเทา และสัญญาว่าจะลงทุนในจีนมากขึ้น ทั้งด้านห่วงโซ่อุปทาน การวิจสล็อต เบ ท 1 บาท ฝากถอน ไม่มี ขั้นต่ำัย และงานสังคมสงเคราะห์ หวังบอกว่า ภาษีของสหรัฐฯ ทำลายธุรกิจและสร้างความไม่แน่นอน แต่จีนอยากร่วมมือกับสหรัฐฯ เพื่อให้ทุกอย่างดีขึ้น การเคลื่อนไหวนี้แสดงว่าจีนรู้ล่วงหน้าว่าทรัมป์จะทำอะไร และพยายามหาพันธมิตรใหม่ ๆ จากยุโรป เอเชีย และที่อื่น ๆ เพื่อลดการพึ่งพาสหรัฐฯ คำเปรียบเปรยจีนที่ได้ยินมานาน "อย่าปลุกมังกรตื่น" หมายถึง การหลีกเลี่ยงการยั่วยุมหาอำนาจที่หลับใหล เพราะเมื่อตื่นขึ้น จะแสดงพลังที่ไม่อาจตŸæ‹้านทานได้ การกระทำของทรัมป์อาจถูกมองว่าเป็นการ "ปลุกมังกร" ที่ทำให้จีนต้องลุกขึ้นสู้ แต่ในทางกลับกัน การเตรียมการล่วงหน้าของ สี จิ้นผิง เช่น การดึงดูดนักลงทุนและกระจายตลาดไปยังยุโรป แอฟริกา และลาตินอเมริกา แสดงถึงความฉลาดหลักแหลมที่มากกว่าการตอบโต้ด้วยอารมณ์ มังกรไม่ได้ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความโกรธ แต่กำลังขยับตัวอย่างมีกลยุทธ์ เจสัน ซู จาก Hudson Institute ชี้ว่า ภาษีของทรัมป์อาจทำให้สหรัฐฯ กลายเป็นพันธมิตรที่คาดเดาไม่ได้ในสายตาเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และไต้หวัน ซึ่งอาจหันมาพึ่งจีนมากขึ้น หวัง ตัน จาก Eurasia Group เห็นด้วยว่า จีนไม่ได้ตัดขาดจากโลก แค่เปลี่ยนจุดหมายจากสหรัฐฯ ไปที่อื่น อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจจีนยังเปราะบาง และการพึ่งพาการส่งออกที่ลดลงอาจกระทบการผลิตและความเชื่อมั่นภายในประเทศ นิค มาร์โร จาก Economist Intelligence Unit ระบุว่า "ความท้าทายของจีนคือการปรับสมดุลเศรษฐกิจ ซึ่งภาษีของทรัมป์อาจทำให้ยากขึ้น" ดังนั้น การรับมือกับการขึ้นภาษีของทรัมป์จึงเป็นดาบสองคมของจัน หากสำเร็จ มังกรจะยิ่งแข็งแกร่ง แต่หากล้มเหลว อาจกลายเป็นการตื่นขึ้นที่ไม่ทันการณ์ ที่มา : BBC, CNN อ่านข่าวเพิ่ม : "กสม." ขอ "สตง." ให้ความร่วมมือสอบสวน เหตุ "ตึกถล่ม" "ทรัมป์" รีดภาษีทำผู้ผลิตรถยนต์ปลดคน-ระงับการผลิตบางส่วน

วันนี้ (17 ก.ย.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี 2567 และขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ