Home
|
โหลด 9å­¦å1��8”Ÿä›ç”

โหลด 918วันนี้ (16Ÿä ก.พ.2566) พล.‰ˆต.ท.จิรภพ ภูริŽŸเดช ผˆู้บ&#x;ัญชา

โหลด 9å­¦å1��8”Ÿä›ç”

วันนี้ (14 มิ.ย.2567) หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ หรือ นบข. เห็นชอบในโครงการสนับสนุนปุ๋ยลดต้นทุนการผลิต ของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว หรือ ที่เรียกกันแบบชื่อเล่นว่า โครงการปุ๋ยคนละครึ่ง รัฐจะช่วยออกค่าปุ๋ย ค่าเคมี ชีวภัณฑ์ ให้ โดยเป็นปุ๋ยสูตรเดิม 11 สูตร และ จะเพิ่มใหม่อีก 3 สูตร ในอัตราไร่ละไม่เกิน 500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ ช่วยเหลือเกษตรกร 4.68 ล้านครัวเรือน ซึ่งเป็นนาข้าวทั่วไป 4.48 ล้านครัวเรือน จำนวนพื้นŸäที่ 54 ล้านไร่ นาข้าวอินทรีย์ 2 แสนครัวเรือน พื้นที่ 1.2 ล้านไร่ รัฐประมาณงบประมาณไว้ที่วงเงิน 29,994 ล้านบาท เตรียมนำเสนอที่ประชุม ครม.พิจารณาภายในเดือนมิถุนายนนี้ เท่ากับว่า ชาวนาก็จะควักเงินจ่ายอีกครึ่งหนึ่งในจำนวนเงินพอๆ กัน คิดแล้วจะมีเงินกว่า 6 หมื่นล้านบาท หมุนไปยังผู้ประกอบการปุ๋ย อ่านข่าว : อคส.ประกาศรายชื่อ 7 บริษัทผ่านเกณฑ์ ชิงประมูลข้าว ,,,10 ปี ความหมายที่รัฐอยากสื่อสารคือ "ลดต้นทุนการผลิต" ในมุมมองของนายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ มูลนิธิชีววิถี หรือ ไบโอไทย ก็มองว่า มันเป็นแค่การช่วยจ่าย ยังไม่ใช่การลดต้นทุน เพราะ ต้นทุนจริงๆ มันเกิดจากการที่ชาวนาไทย ใช้ปุ๋ยมากเกินไป ยกเอาผลการศึกษา นักวิจัยจากสถาบันวิจัยด้านนโยบายเศรษฐศาสตร์การเกษตร และสิ่งแวดล้อม ที่เปรียบเทียบปริมาณการใช้ปุ๋ยในหลายประเทศ กับ ผลผลิตข้าวที่ได้รับ พบว่า ไทย อยู่ในกลุ่มที่ใช้ปุ๋ยมาก มากกว่าความต้องการไปถึง 35โหลด 918% แต่ผลผลิตไม่มากตาม และ ยังตกค้างในสิ่งแวดล้อม จากข้อมูล ต้นทุนที่ชาวนาในอำเภอลาดบัวหลวง จ.อยุธยา ต้องจ่ายในการผลิต นาปรัง ปี 65/66 ใน 20 กว่ารายการ เป็นค่าปุ๋ย ถึง 35% ของรายจ่าย โดยมีการบันทึกค่าใช้จ่ายจากการใส่ปุ๋ย 3 รอบ และ ยังไม่นับรวมค่าเคมีชีวภัณฑ์ ทำให้เมื่อหักค่าข้าวที่ขายได้ จะเหลือกำไรเพียงแค่ ไร่ละ 1,070 บาทเท่านั้น การศึกษา ยังพบว่า เมื่อเปรียบเทียบ ต้นทุนชาวนาไทยต่อตัน ที่มีการศึกษากันในปีที่แล้ว จะพบว่า สูงกว่าคู่แข่ง โดยไทยอยู่ที่ 7,452 , อินเดีย 5,718 เวียดนาม 5,615 และ เมียนมา 4353 บาทต่อตัน นายวิฑูรย์ ชี้ว่า ที่เวียดนาม มีต้นทุนถูกลงมาอย่างมาก และ ผลผลิตข้าวดีแซงไทย เพราะ เวียดนาม ใช้แผน 3 ลด 3 เพิ่มมา 20 ปี เดินหน้าสู่การเป็นนาอินทรีย์ที่ต้องมากกว่า 50 % ของพื้นที่เพาะปลูกให้ได้ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ราคาปุ๋ยเคมีแพงขึ้นกว่า 2-3 เท่าตัว จากปัญหาสงคราม และ ราคาพลังงานจริง และ แม้จะปรับตัวลงมาในช่วงหลัง แต่ก็ยังสูงกว่าราคาเดิม 20-30% ทำให้มีข้อสันนิษฐานว่า อาจจะมีปุ๋ยต้นทุนสูงค้างในสต็อกเอกชนอยู่พอสมควรหรือไม่ ไบโอไทย มีความกังวลในเรื่องนี้ นายประจักษ์ ฤกศรีจันทร์ ชาวนาในพื้นที่ ต.สระแก้ว อ.เมืองกำแพงเพชร ซึ่งทำนากว่า 30 ไร่ และต้องซื้อปุ๋ยเป็นเงินกว่า 20,000 บาท บอกว่าหากรัฐช่วยค่าปุ๋ยคนละครึ่ง ก็จะช่วยลดต้นทุนในการปลูกข้าวไปได้มาก ขณะที่ ประสาทพร ใจพรหมเมือง ชาวนาเกษตรอินทรีย์ จ.พิษณุโลก กลุ่มชาวนาที่ปลูกข้าวแบบอินทรีย์ เห็นว่าโครงการดังกล่าวเป็นเรื่องดีช่วยลดต้นทุนให้กับชาวนาได้ แต่ควรพิจารณาเพิ่มเติมให้กับชาวนา ที่ปลูกข้าวแบบเกษตรอินทรีย์ด้วยเพราะต้องการปุ๋ยคอก และสารธรรมชาติอื่นๆ สำหรับการทำนา หากรัฐสนับสนุนก็จะช่วยชาวนากลุ่มนี้ด้วย ชาวนาบ้านเกิ้ง ต.เกิ้ง อ.เมืองมหาสารคาม ต่างสนับสนุนโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง เพราะราคาปุ๋ยเป็นรายจ่ายของชาวนาที่ต้องแบกรับจำนวนมากในแต่ละปี แต่ก็ต้องการให้รัฐบาลสนับสนุนในด้านอื่นด้วยทั้งค่าเกี่ยว หรือ ประกันราคาข้าว เช่นเดียวกับ นายสวัสดิ์ สะภู ชาวนาบ้านปีกฝาย ต.หนองตาด อ.เมืองบุรีรัมย์ ระบุว่าซึ่งส่วนใหญ่ทำนาหว่าน และ ช่วงนี้อยู่ระหว่างรอฝนตกลงมาหล่อเลี้ยงต้นข้าว เพื่อรอใส่ปุ๋ยบำรุงต้นข้าวที่หว่านไปแล้ว บางคนจึงกำจัดวัชพืชออกจากแปลงนา และตัดหญ้าที่ปกคลุมตามคันนา แต่เมื่อทราบว่ารัฐบาลมีโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง โดยรัฐและชาวนาจ่ายกันคนละครึ่ง ต่างบอกว่าเป็นโครงการที่ดีเพราะจะสามารถช่วยแบ่งเบาต้นทุนในการทำนาได้เป็นอย่างดี เนื่องจากปัจจุบันชาวนาต้องแบกรับ ภาระต้นทุนค่อนข้างสูง ทั้งราคาปุ๋ย น้ำมัน และค่าไถแพงขึ้นมาก แต่ก็ยังต้องทำนาเพื่อเก็บผลผลิตไว้บริโภค และขายในยามจำเป็นไม่ต่างจากชาวนาในพื้นที่ตำบลอินทประมูล อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง โดยสมพงษ์ มรกต ที่เห็นด้วยเพราะการปลูกข้าวแต่ละรอบนั้น ต้องใช้ปุ๋ยปริมาณมาก และขณะนี้ราคาปุ๋ยก็ค่อนข้างแพง หากรัฐช่วยเหลือ ก็จะลดคˆ่าใช้จ่ายลงได้ แต่นอกจากโครงการนี้แล้ว ก็ต้องการให้รัฐบาล ช่วยพยุงราคาข้าว อย่าให้ต่ำกว่าตันละ 10,000 บาทด้วย ส่วนนายสาคู สกุลพราหมณ์ ชาวนา จ.สุพรรณบุรี ระบุว่าโครงการนี้ช่วยเหลือชาวนาได้จริง และน่าจะมีผลผลิตเพิ่มขึ้นในรอบปีการผลิตต่อไป หลังจากช่วงที่ผ่านมา สภาพอากาศร้อน ทำให้ปริมาณผลผลิตลดลง แต่ต้นทุนยังสูงเหมือนเดิม แทบไม่เหลือกำไร ขณะที่ชาวนา จ.พระนครศรีอยุธยา ไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้ เพราะชาวนาบางคนใช้วิธีเชื่อปุ๋ยกับร้านค้า หรือเซ็นไว้ก่อน จ่ายทีหลัง จึงมองว่า วิธีการของรัฐอาจไม่ตอบโจทย์ ควรปรับเป็นวิธีอื่น เช่น การใช้คูปองไปแลก อ่านข่าว : กนง.มีมติ สั่งคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.5% ห่วงหนี้ครัวเรือนพุ่ง ศาลปกครองสูงสุดตัดสิน "รถไฟฟ้าสายสีส้ม" รฟม.เดินหน้าต่อ เศรษฐกิจไทยเผาจริง รง.ปิดตัว 1.7 พันแห่ง KKP ชี้แนวโน้มรุนแรง