วันนี้ (26 ม.ค.2567) ตำรวจชุดสืบสวนนครบาล ร่วมกับ ตำรวจ สน.มักกะสัน เข้าตรวจสอบ อาบ อบนวด แห่งหนึ่ง บา ค่า ร่า ส โบä เบ็ ต
วันนี้ (9 พ.ย.2565) ผู้เสียหายที่เป็นภรรยาของตำรวจยศ "จ่าสิบตำรวจ" สังกัดตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ตรวจสอบ,,,และดำเนินคดีกั
"ไม่แปลกใจที่ผลตรวจสอบข้าว 10 ปี ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ไม่พบอะฟลาท็อกซินและสารปนเปื้อน มีคุณค่าทางอาหาร ประเด็นสำคัญที่ประชาชนต้องทราบ ข้าว 10 ปี ทั้ง 2 คลังนี้ แม้จะเป็นข้าวหอมมะลิ แต่ก็เป็นคลังที่ผู้ชนะประมูลรับข้าวไปบางส่วน ส่วนที่เหลือไม่มารับ เพราะมีข้าวขาวปลอมปนเข้ามา ภาษาชาวบ้านคือ "ข้าวเหลือทิ้ง" สภาพกองข้าว10 ปี 1 ใน 2 โกดังที่จ.สุรินทร์ สภาพกองข้าว10 ปี 1 ใน 2 โกดังที่จ.สุรินทร์ ที่สำคัญคือ มีการเปิดคลังเข้าไปจัดเรียงกองข้าวใหม่ พ🌍บมีกระสอบข้าวใหม่ที่ดูสภาพยังดี ไม่มีรหัสของโครงการรับจำนำข้าวพ่นติดข้างกระสอบ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า มีข้าวกระสอบใหม่เข้าไปผสมหรือไม่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี คำถามที่ต้องถาม คือ ตกลงแล้วข้าวที่เอามาส่งตรวจคือข้าวใหม่หรือข้าวเก่า เป็นหอมมะลิหรือข้าวเจ้า ทำไมจึงทำเงียบๆ ไม่โปร่งใส ทางที่ดีควรจะให้นักวิชาการเข้าไปสุ่มตรวจ เพื่อความโปร่งใส และสร้างความเชื่อมั่นต่อข้าวไทย" นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊ก ตั้งข้อสังเกตทันที หลังกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ออกมาเปิดเผยผลตรวจข้าวสารหอมมะลิ จากองค์การคลังส🎉ินค้า ที่กระทรวงพาณิชย์นำมาให้ตรวจสอบ เมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา แม้นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จะย้ำถึง 2 รอบว่า เราไม่ได้บอกว่าข้าว 10 ปี แต่เป็นตัวอย่างข้าวที่ได้รับจากกระทรวงพาณิชย์ มีคุณค่าทางโภชนาการ ไม่แตกต่างจากข้าวที่อยู่ในท้องตลาดที่เราหาซื้อในปัจจุบัน แต่ก็ต้องมองเรื่องการปนเปื้อนอีกเช่นกันที่พบว่า ไม่ได้มาตรฐาน ตัวอย่างข้าวในโกดัง10 ปีที่กระทรวงพาณิชย์นำมาให้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตรวจสอบหาสารปนเปื้อน ตัวอย่างข้าวในโกดัง10 ปีที่กระทรวงพาณิชย์นำมาให้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตรวจสอบหาสารปนเปื้อน เป็นข่าวใหญ่อีกครั้ง เมื่อ "ภูมิธรรม เวชยชัย"รองนายกรัฐมนต🍂รี และรมว.พาณิชย์ เดินสายโรดโชว์จ.สุรินทร์ ถึง 2 รอบในช่วงเดือนเม.ย. เข้าตรวจสอบโกดังเก็บข้าวสารของ บจก.พูนผลเทรดดิ้งหลัง 4 อ.เมือง และคลังกิตติชัย หลัง 2 อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ข้าวหอมมะลิ 15,012 ตัน หรือ 145,590 กระสอบ ซึ่งเป็นข้าวที่เก็บไว้ในโกดังถึง 10 ปี ในโครงการรับจำนำข้าว สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และข้าวเป็นล็อตสุดท้ายของโครงการรับจำนำ เป้าประสงค์ คือ การยืนยันว่าข้าวที่อยู่ในโกดัง ถึง 10 ปี ยังสามารถนำมาหุงกินได้ ขายได้ ไม่ใช่ "ข้าวเน่า"อย่างที่รัฐบาลชุดที่แล้วตั้งข้อกล่าวหา หรือ มีผู้พยายามยัดเยียดให้นำข้าวดังกล่าวประมูลเข้าสู่อุตสาหกรรมสัตว์ หากย้อนกลับเมื่อ 17 ปีที่แล้ว หรือปี 2554 รัฐบาลยิ่งลักษณ์ มีนโยบายช่วยเหลือชาวนาโดยผุด "โครงการรับจำนำข้าว" หรือ รับจำนำข้าวทุกเม็ด โดยรับซื้อข้าวจากชาวนาในระดับราคาที่กำหนด ถือว่าเป็นการประกันรายได้ให้กับเกษตรกรทางหนึ่งว่าอย่างไรเสีย ราคาข้าวก็ไม่ตก และแม้จะตกก็ไม่กระทบกับรายได้ของชาวนา เพราะรัฐบาลประกันราคาข้าวไว้ให้แล้ว โดยราคาข้าวที่รัฐบาลรับซื้อในขณะนั้น สูงถึง 15,000-20,000 บาท/ตัน และสูงกว่าราคาข้าวในตลาดขณะนั้นถึงประมาณ 50% แน่นอน ราคาข้าวที่สูงกว่าราคาตลาดหลายเท่าตัว ทำให้หลายฝ่ายเริ่มกังวลเรื่องความโปร่งใส่ในการรับจำนำ เพราะเป็นการรับจำนำแบบไม่มีโควตาและทุกเมล็ด ส่งผลให้ โรงสี ชาวนา ต่างเร่งปลูกข้าวเพื่อเก็บเกี่ยวให้ทันรอบการรับจำนำ ส่วนคุณภาพข้าวอาจเท่าเดิมหรือลดลงอยู่ที่การดูแล เรียกได้ว่ายุคนั้นเป็นยุคเฟื่องฟูของชาวนา และโรงสี เพราะชาวนาขาย โรงสีรับซื้อ เก็บข้าวเข้าสต็อกจนแน่นประเทศ ข้อมูลของ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2554-2557 รัฐบาลรับจำนำข้าวไปทั้งหมด 5 ครั้ง รวมปริมาณข้าว 54.35 ล้านตัน มูลค่าทั้งหมด 8.57 แสนล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานทั้งหมด 9.85 แสนล้านบาท ส่วนมากเป็นเงินนอกงบประมาณที่กู้จากสถาบันการเงินของรัฐ โดยรัฐบาลไม่ต้องขออนุมัติจากรัฐสภา ในปี 2554 ที่เปิดรับจำนำข้าวครั้งแรก มีเกษตรกรมาขึ้นทะเบียนโครงการกว่า 3.26 ล้านครัวเรือน ครอบคลุมพื้นทบา ค่า ร่า ส โบ เบ็ ตี่ปลูกข้าวถึงประมาณ 59.78 ล้านไร่ ผลจากการรับซื้อข้าวในราคาสูง ชาวนาทั่วประเทศ (ทั้งผู้เข้าร่วมและไม่เข้าร่วมโครงการ) ได้รับผลประโยชน์ส่วนเกินไปทั้งหมดถึง 5.6 แสนล้านบาท แต่ประโยชน์ส่วนใหญ่ตกเป็นของชาวนารายกลางและรายใหญ่ ซึ่งอาศัยในเขตชลประทานของภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง เนื่องจากรัฐต้องแบกรับต้นทุนในการซื้อข้าวที่สูง ท้ายที่สุดแล้วในเดือนเม.ย.ปี 2557 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของโครงการ โครงการจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์มีการขาดทุนการคลังสูงถึง 5.39 แสนล้านบาท หรือเกือบ 53% ของค่าใช้จ่าย นี่ยังไม่รวมถึงค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ระบายข้าวในสต๊อกที่ในปี 2558 คิดเป็นจำนวนถึง 18 ล้านตัน จากการการระบายข้าวของรัฐบาลที่ผ่านมาจากทั้ง 6 โครงการรับจำนำข้าวตั้งแต่ปี 2551/52 ถึง 2556/57 ระบายออกไปแล้วทั้งสิ้น 44 ครั้ง ประมาณ 13.8 ล้านตัน จาก 13.9 ล้านตัน มูลค่าที่ระบายได้แล้วทั้งสิ้น 105,000 ล้านบาท และยังคงเหลือ 15,000 ตันที่ต้องระบายต่อไป ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศเป็นผู้จัดประมูล 42 ครั้ง และองค์การคลังสินค้าเปิดประมูล 2 ครั้ง และมีข้าวในส่วนของ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.)ในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกตั้งแต่ปี 2551-2557 รวม 8.5 ล้านตัน โดยระบายข้าวได้คิดเป็นเงิน 74,187 ล้านบาท แต่เมื่อโครงการรับจำนำข้าวปิดตัวลง มีการประเมินตัวเลขความเสียหาย TDRI เคยมีการคาดการณ์ ว่า ค่าใช้จ่ายที่รัฐบาลชุดถัดมาจะต้องใช้ระบายข้าวในระยะเวลา 5-10 ปี จะทำให้รัฐบาลขาดทุนเพิ่มขึ้น 6.78 แสนล้านบาทและ 9.1 แสนล้านบาท ตามลำดับ และมีสิทธิที่ตัวเลขขาดทุนจะสูงขึ้นอีก เพราะข้าวที่เก็บไว้ส่วนมากไม่มีคุณภาพพอให้คนรับประทาน โดยจาก 18 ล้านตัน มีข้าวผ่านมาตรฐานเพียง 2.36 ล้านตัน เท่านั้น นายภูมิธรรม ในฐานะรมว.พาณิชย์ และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โชว์กินข้าว 10 ปี ที่อยูในโกดัง นายภูมิธรรม ในฐานะรมว.พาณิชย์ และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โชว์กินข้าว 10 ปี ที่อยูในโกดัง การจัดอีเวนท์ยิ่งใหญ่การโชว์กินข้าวที่เก็บอยู่ในคลังถึง 10 ปี ของ นายภูมิธรรม ในฐานะรมว.พาณิชย์ และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ทำให้สังคมต้องตั้งคำถามถึงเหตุผล แม้จะยืนยันว่า ข้าว 10 ปีที่หุงออกมาอาจจะมีกลิ่นหอมลดลงไป แต่ความนุ่มนวลใช้ได้ ผู้ส่งออกข้าวมีความเห็นตรงกันว่า คุณภาพและรสชาติยังใช้ได้ไม่มีแมลงเจาะ หากนำไปขัดเพิ่มเชื่อว่าตลาดส่งออกยอมรับได้ และยังรับประกันว่า หากดูทางกายภาพ พบว่า เมล็ดข้าวยังมีจมูกข้าว สวยงาม สีสันอาจมีความเหลืองมากขึ้นซึ่งเป็นธรรมชาติของข้าวอายุ 10 ปี แต่เมื่อลองสัมผัส พบว่ากองข้าวมีผงฝุ่นที่เกิดจากย่อยสลายของผิวข้าวและถูกมอดกินข้าว แต่โดยรวมกองข้าวทั้งหมดยังอยู่ในคุณภาพดี จึงต้องยอมรับว่าข้าวของโกดังทั้ง 2 แห่ง ดูแลรักษากองข้าวได้เป็นอย่างดี นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แม้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จะเปิดผลการตรวจข้าวและระบุว่า เป็นข้าวที่กินได้ และไม่ยืนยันว่า ข้าวที่รับจากกระทรวงพาณิชย์มาตรวจนั้นเป็นข้าว 10 ปีหรือไม่ ยิ่งทำให้เกิดข้อกังขา โดยเฉพาะหากรัฐบาลจะเปิดประมูลข้าวและส่งไปขายยังแอฟริกาว่า มีความเหมาะสมหรือไม่ หรือรัฐบาลเพียงแค่ต้องการคำยืนยันแบบค้านสายตาประชาชนทั่วไปว่า ข้าวในโครงการรับจำนำข้าวไม่เน่า และยังขายได้ เพื่อยืนยันว่า โครงการรับจำนำขาวสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไม่ได้มีการกระทำที่ทุจริต เจ้าหน้าที่กำลังซาวข้าวเพื่อหุง โดยซาวกว่า 15 ครั้ง เจ้าหน้าที่กำลังซาวข้าวเพื่อหุง โดยซาวกว่า 15 ครั้ง สภาพซากสัตว์ที่เข้ามากินข้าวในโกดัง สภาพซากสัตว์ที่เข้ามากินข้าวในโกดัง ทั้งนี้ “ไทยพีบีเอสออนไลน์”ได้สอบถามไปยังองค์การคลังสินค้า (อคส.) เกี่ยวกับการเปิดประมูลข้าว 2 โกดัง กลับไม่รับคำตอบว่าทีโออาร์เปิดประกาศประมูลข้าวเมื่อไหร่ ทันกำหนดที่รมว.พาณิชย์ประกาศว่าจะเปิดประมูลภายในพ.ค.นี้หรือไม่ และจากการเข้าไปตรวจสอบข้อมูลการระบายข้าว 2 ครั้งของอคส .กลับพบว่าไฟล์ไม่สามารถเปิดได้ และรักษาการผอ.อคส กลับโยนให้ไปหาข้อมูลที่สมาคมผู้ส่งออกข้าวหรือสมาคมอื่นแทน แหล่งข่าวจากกลุ่มโรงสี ยืนยันกับ “ไทยพีบีเอสออน์ไลน์”ว่า หากรัฐบาลต้องการจะเปิดประมูลขายข้าว รัฐบาลสามารถทำได้ เพราะที่ผ่านมาการประมูลข้าวที่อยู่ในโกดังที่มีข้าวอายุหลายปี และอคส.เองก็เปิดประมูลข้าว 2 โกดังนี้ไปแล้ว สุดท้ายก็มีคำสั่งยกเลิกการประมูล โดยอ้างว่า ผู้เข้าร่วมประมูลไม่มารับมอบข้าว “ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์เปิดประะมูลระบายข้าวที่อยู่ในโกดังมาโดยตลอดและบางโกดังก็มีอายุข้าวใกล้เคียงกับ 2โกดังนี้ ก็ไม่เห็นมีใครออกมาคัดค้านเพราะข้าวที่เอกชนประมูลไปต้องผ่านกระบวนการอีกหลายขั้นตอนกว่าจะมาถึงปากผู้บริโภค แต่การมาโชว์กินข้าวละบอกว่าข้าว 10 ปีกินได้ ทำให้เกิดกระแสเชิงลบเช่🐶นนี้ ซึ่งมองว่าเรืองนี้มีนัยยะทางการเมืองแอบแฝงอยู่” แหล่งข่าวคนเดิมยังกล่าวอีกว่า รัฐบาลพยายามจะแก้ต่างให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ว่า ข้าวที่เก็บอยู่ในโกดัง มาถึง 10 ปียังสามารถรับประทานได้และขายได้ แล้วที่ผ่านมารัฐบาลชุดก่อนที่นำข้าวมาขายเข้าอุตสาหกรรมเพื่ออาหารสัตว์ ในราคากิโลกรัมละ 2-3 บาท แล้วอ้างว่าเป็นข้าวเน่า เป็นการจัดฉากกลั่นแกล้งทางการเมืองหรือเปล่า เป็นคำถามที่คนในอุตสาหกรรมข้าวตั้งคำถามกลับไปยังรัฐบาลนัก กองข้าวสารหอมมะลิในโกดังข้าวที่สุรินทร์ กองข้าวสารหอมมะลิในโกดังข้าวที่สุรินทร์ ปฎิเสธไม่ได้ว่า ผลการตรวจสอบของนักวิชาการอิสระก่อนหน้านี้ที่ออกมาระบุว่า ข้าวจากโกดังดังกล่าวที่ “นักข่าว”นำมาให้ตรวจสอบนั้น อาจมีปัญหาเรื่องสารอะฟลาท็อกซิน เชื้อรา และสารปนเปื้อนอื่นๆ สวนทางกับนโยบายของกระทรวงพาณิชย์และผู้ส่งออกยืนยันว่า ข้าวที่อยู่ในโกดังสามาถส่งออกไปยังตลาดแอฟริกาได้เพราะคนแอฟริกาชอบข้าวเก่าและบางส่วนจะจำหน่ายในประเทศเพราะยังมีกลุ่มคนที่นิยมรับประทานข้าวเก่า รศ.พันทิพา พงษ์เพียจันทร์ ที่ปรึกษาฝ่ายวิจัยและวิชาการ คณะเกษตรศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กว่า กรณีที่มีการนำข้าวเก่าอายุ 10 ปี มารับประทานนั้น อาจทำให้ได้รับสารพิษจากเชื้อราไปแล้วหลายชนิด ไม่ควรขายให้คนหรือสัตว์นำไปบริโภค เพราะอาจจะทำให้มีผู้ป่วยด้วยมะเร็งมากขึ้น สำหรับผู้บริโภคโดยตรง ขณะที่การจะนำไปเลี้ยงสัตว์ ก็จะได้ผลิตภัณฑ์ เนื้อ นม ไข่ ที่มีสารพิษจากเชื้อราตกค้างในอาหารทำให้เพิ่มโอกาสเป็นมะเร็งมาก และหากนำไปขายให้ประเทศแถบแอฟริกา ซึ่งข้าวที่เน่าเสียนี้จะกระทบต่อชื่อเสียงของข้าวไทยที่จะกระจายไปทั่วโลก ทำให้คู่แข่งได้เปรียบ รวมถึงจะใช้ระยะเวลานานกว่าจะกู้ชื่อเสียงกลับคืนมาคงหลายปี และอาจทำให้เสียตลาดข้าวให้คู่แข่ง กองข้าวในโกดังข้าวหลังที่ 1 กองข้าวในโกดังข้าวหลังที่ 1 “ขอแนะนำให้นำข้าวเหล่านี้ ไปผลิตเป็นแอลกอฮอล์ หรือน้ำส้มสายชู และควรสอบถามนักวิชาการด้านวิทยาศาสตร์การอาหารต่อไป ทั้งนี้ การตรวจสอบสารพิษเหล่านี้ สามารถตรวจได้ที่มหาวิทยาลัยที่มีห้องปฏิบัติการตรวจอาหารทั่วไป หรือ กรมปศุสัตว์ หรือบริษัทรับตรวจสารพิษในอาหารขึ้น” สอดคล้องกับ นายสมพร อิศวิลานนท์ นักวิชาการเศรษฐศาสตร์อาวุโส และผู้เชี่ยวชาญด้านข้าว บอกว่า ปกติข้าวที่เก็บมาหลาย แน่นอนว่าสารอาหารจะเสื่อมลง ยิ่งข้าว 10 ปีต้องไปสีข้าวเพื่อปรับสภาพใหม่ ดังนั้นวิตามินต่าง ๆ ที่อยู่กับข้าวก็จะหายไป และสัมผัสของความอร่อยก็จะหายไปด้วย รวมถึงความหอมของข้าวก็จะหายไปแทนที่ด้วยกลิ่นอับ นายสมพรกล่าวอีกว่า การล้างน้ำ 15 ครั้งช่วยได้แต่ออกไม่หมดสิ่งที🧜♀️่กลัวคือเรื่องของเชื้อรา เพราะมีการแสดงให้เห็นแค่ด้านกายภาพลักษณะเม็ดข้าว แต่ด้านคุณภาพของข้าวไม่พูดให้ชัดเจนว่าปลอดเชื้อราหรือไม่ นายสมพรกล่าวว่า ข้าวล็อตนี้สามารถทานได้แต่โภชนาการจะไม่เหมือนข้าวปกติ หากรัฐจะมีการส่งออกข้าวจริง ต้องมีกรอบและระบุให้ชัดเจนว่าจะจำหน่ายไปที่ไหน เพราะกันไม่ให้เกิดความปั่นป่วนตลาดในประเทศ และตรวจให้ชัดเจนว่าไม่มีเชื้อรา ทั้งนี้ที่ผ่านมา สภาองค์กรของผู้บริโภค และภาคีเครือข่าย ประกาศขอเป็นตัวแทนตรวจสอบคุณภาพข้าวสาร 10 ปี เพื่อคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิประชาชน โดยตั้งคณะกรรมการจากทุกภาคส่วน เพื่อตรวจสอบตามหลักเกณฑ์การตรวจสินค้าระดับการส่งออกข้าวไปต่างประเทศ และประกาศผลการทดสอบให้สาธารณชนทราบ ซึ่งทางสภาฯได้ส่งหนังสือด่วนให้นายภูมิธรรมในการขอเข้าเก็บตัวอย่างข้าวสาร จากโรงสีทุกแห่ง เพื่อส่งห้องปฏิบัติการที่ได้รับรอง ISO17025 ตามมาตรฐานการส่งอออกข้าว และพร้อมเผยแพร่ผลการทดสอบต่อสาธารณะ เม็ดข้าวหอมมะลิในโกดังที่มีเศษผงปนเปื้อน เม็ดข้าวหอมมะลิในโกดังที่มีเศษผงปนเปื้อน คนงานและสื่อมวลชนที่ลงพื้นที่สำรวจโกดังข้าว กำลังขึ้นไปสำรวจในกองข้าว คนงานและสื่อมวลชนที่ลงพื้นที่สำรวจโกดังข้าว กำลังขึ้นไปสำรวจในกองข้าว “ขอให้รัฐบาลยุติการจำหน่ายข้าว เพื่อการบริโภคหรืออาหารสัตว์ หากผลตรวจยืนยันจากห้องทดลองว่า มีสารเคมีตกค้างที่เป็นอันตราย หรือมีสารก่อมะเร็ง ไม่ว่าจะเป็นการบริโภคภายในประเทศหรือต่างประเทศโดยขอให้รัฐบาลดำเนินการเปิดประมูลเพื่อการใช้ประโยชน์ในด้านอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบริโภคหรือห่วงโซ่อาหาร สามารถทำได้ทันที” สำหรับโครงการรับจำนำข้าวเปลือก รัฐบาลยิ่งลักษณ์ พบว่ามีการ รับจำนำข้าวเปลือก 54.35 ล้านตัน มี ค่าใช้จ่าย 9.85 แสนล้านบาท ใช้เงินซื้อข้าวจากชาวนา 8.57 แสนล้าน หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ( คสช.) ตรวจสอบข้าวในสต็อก พบว่า มีข้าวสารในสต็อกรัฐบาล 17.76 ล้านตัน ระบายข้าวไปแล้ว 16.84 ล้านตัน มูลค่าร่วม 179,187 ล้📖านบาท แบ่งเป็นข้าวในโกดัง อคส. ความเสียหาย 500,000 ล้านบาท และข้าวในโกดังอตก. ความเสียหาย 142,024 ล้านบาท รวม 642 ,024 ล้านบาท และส่งให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)ตรวจสอบความเสียหายทางบัญชีที่มีการระบุว่าข้าวหายไป 9.4แสนตันนั้น กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์เคยอกมาชี้แจงว่าเป็นความคลาดเคลื่อนทางบัญชี จนถึงปัจจุบัน ตัวเลขดังกล่าวก็ยังไม่ได้รับความกระจ่างว่าสรุปแล้วข้าวหายหรือตัวเลขทางบัญชีคลาดเคลื่อน เพราะหน่วยงานต่างโยนความรับผิดชอบ แม้รัฐบาลชุดนี้ จะพยายามดันทุรังฟอกขาวให้ข้าว 10 ปีให้สามาถนำกลับมาเปิดประมูลเพื่อให้คนบริโภคได้ โดยเป้าหมาย คือ ส่งออกไปแอฟริกาใต้ที่นิยมกินข้าวเก่า แต่นับจากนี้ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่า ข้าว 15,000 ตัน ซึ่งจะส่งออกไปขายยังแอฟริกาใต้บริโภคหรือสอดไส้กระจายให้คนไทยได้กินกัน ในการเปิดประมูลข้าว 2โกดัง ที่อคส. เป็นเจ้าภาพในปี2557-2558 โดย คสช. จัดเกรดข้าวทั้ง 2 คลังนี้ เป็น เกรด เอ สำหรับคนบริโภค อคส.ประมูลครั้งแรก (57/58) ผู้ชนะประมูลไม่มาชำระเงิน ในจำนวนนี้ เป็นเจ้าของคลังที่ชนะการประมูลด้วย อคส. ยกเลิกสัญญา ฟ้องและให้จ่ายค่าเช่าค่าฝากเก็บ โดยราคาประมูล 26-27 บาท/กก. ประมูลครั้งที่ 2 (1/62) ธ.ค. 2562 ผู้ชนะประมูลไม่มาชำระเงินและรับมอบข้าว ครั้งนี้อคส. ฟ้องและให้จ่ายค่าเช่าและค่าฝากเก็บ ราคาประมูล 20-23 บาท/กก. ประมูลครั้งที่ 3 (1/66) ก.ค.2566 ครั้งนี้ เอกชนคัดค้าน TOR เรื่องแสดงฐานะการเงิน ทำให้อคส. ยกเลิกประมูลและส่งกลับให้คณะกำหนด TOR พิจารณา แต่ใกล้หมดเวลาที่ นบข. อนุมัติ จึงประมวลเรื่องเข้า นบข. ขอขยายเวลา อย่างไรก็ตามปกติ นบข. จะขยายเวลาให้คราวละ 1 ปี ซึ่งวันที่ 1 พ.ย. 2566 นบข.อนุมัติให้ขยายเวลาโครงการถึง 30 ก.ย.2567 และอยู่ในช่วงผลผลิตข้าวหอมมะลิออกสู่ตลาด จึงชะลอให้พ้นช่วงดังกล่าว ประมูลครั้งที่ 4 (1/67) ไม่มีเอกชนเข้าร่วมฟัง TOR เสมือนว่าขาดความร่วมมือและอาจไม่เกิดการแข่งขันราคา เนื่องจากเอกชนทราบว่า รมว.พาณิชย์ สั่งยกเลิกการประมูล ทำให้อคส.ยกเลิกประมูล อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ อคส.ได้ รวบรวมข้าวคงค้างทั้งหมด ทั้งข้าวในคลังกลาง ข้าวนอกคลังกลางและข้าวนอกบัญชี เพื่อจัดประมูลและระบายข้าวเสร็จสิ้น รวม 5 โครงการ คือ นาปรัง 52 ,นาปี 54/55 ,นาปี 55/56 ,นาปรัง 55 และนาปี 48/49 รวมถึงเรียกค่าสินไหมประกันภัยครบทุกกรณี ซึ่งมีนาปี 51/52 โดยเสร็จในการประมูลครั้งที่ 1/65 ที่ผ่านมา โดยรับชำระเงินและส่งมอบแล้ว อ่านข่าว: แกะรอย มหกรรมโชว์กินข้าว 10 ปี กินได้จริงหรือ? ฤาหาทางลง “ภูมิธรรม” สั่ง อคส.ประมูลข้าว 10 ปี ย้ำไม่พบสารก่อมะเร็ง การันตีข้าว 10 ปีโภชนาการยังครบ ไร้อะฟลาท็อกซิน
วันนี้ (10 มิ.ย.25��67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนผู้เสียหายกว่า 20 คนนำหลักฐาæนการโอนเงิน เข้าแจ้งควา
วันนี้ (3 ส.ค.2å¦å566) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ จัดแถลงข่าว "แฉเพื่อชาติ EP 1" ภายหลังพรรคเพื่อไทยแถลงฉีก
บา ค่า ร่า ส โบ เบ็ ต
วันนี้ (26 ม.ค.2567) ตำรวจชุดสืบสวนนครบาล ร่วมกับ ตำรวจ สน.มักกะสัน เข้าตรวจสอบ อาบ อบนวด แห่งหนึ่ง บา ค่า ร่า ส โบä เบ็ ต
วันนี้ (9 พ.ย.2565) ผู้เสียหายที่เป็นภรรยาของตำรวจยศ "จ่าสิบตำรวจ" สังกัดตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ตรวจสอบ,,,และดำเนินคดีกั
"ไม่แปลกใจที่ผลตรวจสอบข้าว 10 ปี ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ไม่พบอะฟลาท็อกซินและสารปนเปื้อน มีคุณค่าทางอาหาร ประเด็นสำคัญที่ประชาชนต้องทราบ ข้าว 10 ปี ทั้ง 2 คลังนี้ แม้จะเป็นข้าวหอมมะลิ แต่ก็เป็นคลังที่ผู้ชนะประมูลรับข้าวไปบางส่วน ส่วนที่เหลือไม่มารับ เพราะมีข้าวขาวปลอมปนเข้ามา ภาษาชาวบ้านคือ "ข้าวเหลือทิ้ง" สภาพกองข้าว10 ปี 1 ใน 2 โกดังที่จ.สุรินทร์ สภาพกองข้าว10 ปี 1 ใน 2 โกดังที่จ.สุรินทร์ ที่สำคัญคือ มีการเปิดคลังเข้าไปจัดเรียงกองข้าวใหม่ พ🌍บมีกระสอบข้าวใหม่ที่ดูสภาพยังดี ไม่มีรหัสของโครงการรับจำนำข้าวพ่นติดข้างกระสอบ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า มีข้าวกระสอบใหม่เข้าไปผสมหรือไม่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี คำถามที่ต้องถาม คือ ตกลงแล้วข้าวที่เอามาส่งตรวจคือข้าวใหม่หรือข้าวเก่า เป็นหอมมะลิหรือข้าวเจ้า ทำไมจึงทำเงียบๆ ไม่โปร่งใส ทางที่ดีควรจะให้นักวิชาการเข้าไปสุ่มตรวจ เพื่อความโปร่งใส และสร้างความเชื่อมั่นต่อข้าวไทย" นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊ก ตั้งข้อสังเกตทันที หลังกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ออกมาเปิดเผยผลตรวจข้าวสารหอมมะลิ จากองค์การคลังส🎉ินค้า ที่กระทรวงพาณิชย์นำมาให้ตรวจสอบ เมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา แม้นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จะย้ำถึง 2 รอบว่า เราไม่ได้บอกว่าข้าว 10 ปี แต่เป็นตัวอย่างข้าวที่ได้รับจากกระทรวงพาณิชย์ มีคุณค่าทางโภชนาการ ไม่แตกต่างจากข้าวที่อยู่ในท้องตลาดที่เราหาซื้อในปัจจุบัน แต่ก็ต้องมองเรื่องการปนเปื้อนอีกเช่นกันที่พบว่า ไม่ได้มาตรฐาน ตัวอย่างข้าวในโกดัง10 ปีที่กระทรวงพาณิชย์นำมาให้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตรวจสอบหาสารปนเปื้อน ตัวอย่างข้าวในโกดัง10 ปีที่กระทรวงพาณิชย์นำมาให้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตรวจสอบหาสารปนเปื้อน เป็นข่าวใหญ่อีกครั้ง เมื่อ "ภูมิธรรม เวชยชัย"รองนายกรัฐมนต🍂รี และรมว.พาณิชย์ เดินสายโรดโชว์จ.สุรินทร์ ถึง 2 รอบในช่วงเดือนเม.ย. เข้าตรวจสอบโกดังเก็บข้าวสารของ บจก.พูนผลเทรดดิ้งหลัง 4 อ.เมือง และคลังกิตติชัย หลัง 2 อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ข้าวหอมมะลิ 15,012 ตัน หรือ 145,590 กระสอบ ซึ่งเป็นข้าวที่เก็บไว้ในโกดังถึง 10 ปี ในโครงการรับจำนำข้าว สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และข้าวเป็นล็อตสุดท้ายของโครงการรับจำนำ เป้าประสงค์ คือ การยืนยันว่าข้าวที่อยู่ในโกดัง ถึง 10 ปี ยังสามารถนำมาหุงกินได้ ขายได้ ไม่ใช่ "ข้าวเน่า"อย่างที่รัฐบาลชุดที่แล้วตั้งข้อกล่าวหา หรือ มีผู้พยายามยัดเยียดให้นำข้าวดังกล่าวประมูลเข้าสู่อุตสาหกรรมสัตว์ หากย้อนกลับเมื่อ 17 ปีที่แล้ว หรือปี 2554 รัฐบาลยิ่งลักษณ์ มีนโยบายช่วยเหลือชาวนาโดยผุด "โครงการรับจำนำข้าว" หรือ รับจำนำข้าวทุกเม็ด โดยรับซื้อข้าวจากชาวนาในระดับราคาที่กำหนด ถือว่าเป็นการประกันรายได้ให้กับเกษตรกรทางหนึ่งว่าอย่างไรเสีย ราคาข้าวก็ไม่ตก และแม้จะตกก็ไม่กระทบกับรายได้ของชาวนา เพราะรัฐบาลประกันราคาข้าวไว้ให้แล้ว โดยราคาข้าวที่รัฐบาลรับซื้อในขณะนั้น สูงถึง 15,000-20,000 บาท/ตัน และสูงกว่าราคาข้าวในตลาดขณะนั้นถึงประมาณ 50% แน่นอน ราคาข้าวที่สูงกว่าราคาตลาดหลายเท่าตัว ทำให้หลายฝ่ายเริ่มกังวลเรื่องความโปร่งใส่ในการรับจำนำ เพราะเป็นการรับจำนำแบบไม่มีโควตาและทุกเมล็ด ส่งผลให้ โรงสี ชาวนา ต่างเร่งปลูกข้าวเพื่อเก็บเกี่ยวให้ทันรอบการรับจำนำ ส่วนคุณภาพข้าวอาจเท่าเดิมหรือลดลงอยู่ที่การดูแล เรียกได้ว่ายุคนั้นเป็นยุคเฟื่องฟูของชาวนา และโรงสี เพราะชาวนาขาย โรงสีรับซื้อ เก็บข้าวเข้าสต็อกจนแน่นประเทศ ข้อมูลของ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2554-2557 รัฐบาลรับจำนำข้าวไปทั้งหมด 5 ครั้ง รวมปริมาณข้าว 54.35 ล้านตัน มูลค่าทั้งหมด 8.57 แสนล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานทั้งหมด 9.85 แสนล้านบาท ส่วนมากเป็นเงินนอกงบประมาณที่กู้จากสถาบันการเงินของรัฐ โดยรัฐบาลไม่ต้องขออนุมัติจากรัฐสภา ในปี 2554 ที่เปิดรับจำนำข้าวครั้งแรก มีเกษตรกรมาขึ้นทะเบียนโครงการกว่า 3.26 ล้านครัวเรือน ครอบคลุมพื้นทบา ค่า ร่า ส โบ เบ็ ตี่ปลูกข้าวถึงประมาณ 59.78 ล้านไร่ ผลจากการรับซื้อข้าวในราคาสูง ชาวนาทั่วประเทศ (ทั้งผู้เข้าร่วมและไม่เข้าร่วมโครงการ) ได้รับผลประโยชน์ส่วนเกินไปทั้งหมดถึง 5.6 แสนล้านบาท แต่ประโยชน์ส่วนใหญ่ตกเป็นของชาวนารายกลางและรายใหญ่ ซึ่งอาศัยในเขตชลประทานของภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง เนื่องจากรัฐต้องแบกรับต้นทุนในการซื้อข้าวที่สูง ท้ายที่สุดแล้วในเดือนเม.ย.ปี 2557 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของโครงการ โครงการจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์มีการขาดทุนการคลังสูงถึง 5.39 แสนล้านบาท หรือเกือบ 53% ของค่าใช้จ่าย นี่ยังไม่รวมถึงค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ระบายข้าวในสต๊อกที่ในปี 2558 คิดเป็นจำนวนถึง 18 ล้านตัน จากการการระบายข้าวของรัฐบาลที่ผ่านมาจากทั้ง 6 โครงการรับจำนำข้าวตั้งแต่ปี 2551/52 ถึง 2556/57 ระบายออกไปแล้วทั้งสิ้น 44 ครั้ง ประมาณ 13.8 ล้านตัน จาก 13.9 ล้านตัน มูลค่าที่ระบายได้แล้วทั้งสิ้น 105,000 ล้านบาท และยังคงเหลือ 15,000 ตันที่ต้องระบายต่อไป ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศเป็นผู้จัดประมูล 42 ครั้ง และองค์การคลังสินค้าเปิดประมูล 2 ครั้ง และมีข้าวในส่วนของ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.)ในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกตั้งแต่ปี 2551-2557 รวม 8.5 ล้านตัน โดยระบายข้าวได้คิดเป็นเงิน 74,187 ล้านบาท แต่เมื่อโครงการรับจำนำข้าวปิดตัวลง มีการประเมินตัวเลขความเสียหาย TDRI เคยมีการคาดการณ์ ว่า ค่าใช้จ่ายที่รัฐบาลชุดถัดมาจะต้องใช้ระบายข้าวในระยะเวลา 5-10 ปี จะทำให้รัฐบาลขาดทุนเพิ่มขึ้น 6.78 แสนล้านบาทและ 9.1 แสนล้านบาท ตามลำดับ และมีสิทธิที่ตัวเลขขาดทุนจะสูงขึ้นอีก เพราะข้าวที่เก็บไว้ส่วนมากไม่มีคุณภาพพอให้คนรับประทาน โดยจาก 18 ล้านตัน มีข้าวผ่านมาตรฐานเพียง 2.36 ล้านตัน เท่านั้น นายภูมิธรรม ในฐานะรมว.พาณิชย์ และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โชว์กินข้าว 10 ปี ที่อยูในโกดัง นายภูมิธรรม ในฐานะรมว.พาณิชย์ และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โชว์กินข้าว 10 ปี ที่อยูในโกดัง การจัดอีเวนท์ยิ่งใหญ่การโชว์กินข้าวที่เก็บอยู่ในคลังถึง 10 ปี ของ นายภูมิธรรม ในฐานะรมว.พาณิชย์ และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ทำให้สังคมต้องตั้งคำถามถึงเหตุผล แม้จะยืนยันว่า ข้าว 10 ปีที่หุงออกมาอาจจะมีกลิ่นหอมลดลงไป แต่ความนุ่มนวลใช้ได้ ผู้ส่งออกข้าวมีความเห็นตรงกันว่า คุณภาพและรสชาติยังใช้ได้ไม่มีแมลงเจาะ หากนำไปขัดเพิ่มเชื่อว่าตลาดส่งออกยอมรับได้ และยังรับประกันว่า หากดูทางกายภาพ พบว่า เมล็ดข้าวยังมีจมูกข้าว สวยงาม สีสันอาจมีความเหลืองมากขึ้นซึ่งเป็นธรรมชาติของข้าวอายุ 10 ปี แต่เมื่อลองสัมผัส พบว่ากองข้าวมีผงฝุ่นที่เกิดจากย่อยสลายของผิวข้าวและถูกมอดกินข้าว แต่โดยรวมกองข้าวทั้งหมดยังอยู่ในคุณภาพดี จึงต้องยอมรับว่าข้าวของโกดังทั้ง 2 แห่ง ดูแลรักษากองข้าวได้เป็นอย่างดี นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แม้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จะเปิดผลการตรวจข้าวและระบุว่า เป็นข้าวที่กินได้ และไม่ยืนยันว่า ข้าวที่รับจากกระทรวงพาณิชย์มาตรวจนั้นเป็นข้าว 10 ปีหรือไม่ ยิ่งทำให้เกิดข้อกังขา โดยเฉพาะหากรัฐบาลจะเปิดประมูลข้าวและส่งไปขายยังแอฟริกาว่า มีความเหมาะสมหรือไม่ หรือรัฐบาลเพียงแค่ต้องการคำยืนยันแบบค้านสายตาประชาชนทั่วไปว่า ข้าวในโครงการรับจำนำข้าวไม่เน่า และยังขายได้ เพื่อยืนยันว่า โครงการรับจำนำขาวสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไม่ได้มีการกระทำที่ทุจริต เจ้าหน้าที่กำลังซาวข้าวเพื่อหุง โดยซาวกว่า 15 ครั้ง เจ้าหน้าที่กำลังซาวข้าวเพื่อหุง โดยซาวกว่า 15 ครั้ง สภาพซากสัตว์ที่เข้ามากินข้าวในโกดัง สภาพซากสัตว์ที่เข้ามากินข้าวในโกดัง ทั้งนี้ “ไทยพีบีเอสออนไลน์”ได้สอบถามไปยังองค์การคลังสินค้า (อคส.) เกี่ยวกับการเปิดประมูลข้าว 2 โกดัง กลับไม่รับคำตอบว่าทีโออาร์เปิดประกาศประมูลข้าวเมื่อไหร่ ทันกำหนดที่รมว.พาณิชย์ประกาศว่าจะเปิดประมูลภายในพ.ค.นี้หรือไม่ และจากการเข้าไปตรวจสอบข้อมูลการระบายข้าว 2 ครั้งของอคส .กลับพบว่าไฟล์ไม่สามารถเปิดได้ และรักษาการผอ.อคส กลับโยนให้ไปหาข้อมูลที่สมาคมผู้ส่งออกข้าวหรือสมาคมอื่นแทน แหล่งข่าวจากกลุ่มโรงสี ยืนยันกับ “ไทยพีบีเอสออน์ไลน์”ว่า หากรัฐบาลต้องการจะเปิดประมูลขายข้าว รัฐบาลสามารถทำได้ เพราะที่ผ่านมาการประมูลข้าวที่อยู่ในโกดังที่มีข้าวอายุหลายปี และอคส.เองก็เปิดประมูลข้าว 2 โกดังนี้ไปแล้ว สุดท้ายก็มีคำสั่งยกเลิกการประมูล โดยอ้างว่า ผู้เข้าร่วมประมูลไม่มารับมอบข้าว “ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์เปิดประะมูลระบายข้าวที่อยู่ในโกดังมาโดยตลอดและบางโกดังก็มีอายุข้าวใกล้เคียงกับ 2โกดังนี้ ก็ไม่เห็นมีใครออกมาคัดค้านเพราะข้าวที่เอกชนประมูลไปต้องผ่านกระบวนการอีกหลายขั้นตอนกว่าจะมาถึงปากผู้บริโภค แต่การมาโชว์กินข้าวละบอกว่าข้าว 10 ปีกินได้ ทำให้เกิดกระแสเชิงลบเช่🐶นนี้ ซึ่งมองว่าเรืองนี้มีนัยยะทางการเมืองแอบแฝงอยู่” แหล่งข่าวคนเดิมยังกล่าวอีกว่า รัฐบาลพยายามจะแก้ต่างให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ว่า ข้าวที่เก็บอยู่ในโกดัง มาถึง 10 ปียังสามารถรับประทานได้และขายได้ แล้วที่ผ่านมารัฐบาลชุดก่อนที่นำข้าวมาขายเข้าอุตสาหกรรมเพื่ออาหารสัตว์ ในราคากิโลกรัมละ 2-3 บาท แล้วอ้างว่าเป็นข้าวเน่า เป็นการจัดฉากกลั่นแกล้งทางการเมืองหรือเปล่า เป็นคำถามที่คนในอุตสาหกรรมข้าวตั้งคำถามกลับไปยังรัฐบาลนัก กองข้าวสารหอมมะลิในโกดังข้าวที่สุรินทร์ กองข้าวสารหอมมะลิในโกดังข้าวที่สุรินทร์ ปฎิเสธไม่ได้ว่า ผลการตรวจสอบของนักวิชาการอิสระก่อนหน้านี้ที่ออกมาระบุว่า ข้าวจากโกดังดังกล่าวที่ “นักข่าว”นำมาให้ตรวจสอบนั้น อาจมีปัญหาเรื่องสารอะฟลาท็อกซิน เชื้อรา และสารปนเปื้อนอื่นๆ สวนทางกับนโยบายของกระทรวงพาณิชย์และผู้ส่งออกยืนยันว่า ข้าวที่อยู่ในโกดังสามาถส่งออกไปยังตลาดแอฟริกาได้เพราะคนแอฟริกาชอบข้าวเก่าและบางส่วนจะจำหน่ายในประเทศเพราะยังมีกลุ่มคนที่นิยมรับประทานข้าวเก่า รศ.พันทิพา พงษ์เพียจันทร์ ที่ปรึกษาฝ่ายวิจัยและวิชาการ คณะเกษตรศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กว่า กรณีที่มีการนำข้าวเก่าอายุ 10 ปี มารับประทานนั้น อาจทำให้ได้รับสารพิษจากเชื้อราไปแล้วหลายชนิด ไม่ควรขายให้คนหรือสัตว์นำไปบริโภค เพราะอาจจะทำให้มีผู้ป่วยด้วยมะเร็งมากขึ้น สำหรับผู้บริโภคโดยตรง ขณะที่การจะนำไปเลี้ยงสัตว์ ก็จะได้ผลิตภัณฑ์ เนื้อ นม ไข่ ที่มีสารพิษจากเชื้อราตกค้างในอาหารทำให้เพิ่มโอกาสเป็นมะเร็งมาก และหากนำไปขายให้ประเทศแถบแอฟริกา ซึ่งข้าวที่เน่าเสียนี้จะกระทบต่อชื่อเสียงของข้าวไทยที่จะกระจายไปทั่วโลก ทำให้คู่แข่งได้เปรียบ รวมถึงจะใช้ระยะเวลานานกว่าจะกู้ชื่อเสียงกลับคืนมาคงหลายปี และอาจทำให้เสียตลาดข้าวให้คู่แข่ง กองข้าวในโกดังข้าวหลังที่ 1 กองข้าวในโกดังข้าวหลังที่ 1 “ขอแนะนำให้นำข้าวเหล่านี้ ไปผลิตเป็นแอลกอฮอล์ หรือน้ำส้มสายชู และควรสอบถามนักวิชาการด้านวิทยาศาสตร์การอาหารต่อไป ทั้งนี้ การตรวจสอบสารพิษเหล่านี้ สามารถตรวจได้ที่มหาวิทยาลัยที่มีห้องปฏิบัติการตรวจอาหารทั่วไป หรือ กรมปศุสัตว์ หรือบริษัทรับตรวจสารพิษในอาหารขึ้น” สอดคล้องกับ นายสมพร อิศวิลานนท์ นักวิชาการเศรษฐศาสตร์อาวุโส และผู้เชี่ยวชาญด้านข้าว บอกว่า ปกติข้าวที่เก็บมาหลาย แน่นอนว่าสารอาหารจะเสื่อมลง ยิ่งข้าว 10 ปีต้องไปสีข้าวเพื่อปรับสภาพใหม่ ดังนั้นวิตามินต่าง ๆ ที่อยู่กับข้าวก็จะหายไป และสัมผัสของความอร่อยก็จะหายไปด้วย รวมถึงความหอมของข้าวก็จะหายไปแทนที่ด้วยกลิ่นอับ นายสมพรกล่าวอีกว่า การล้างน้ำ 15 ครั้งช่วยได้แต่ออกไม่หมดสิ่งที🧜♀️่กลัวคือเรื่องของเชื้อรา เพราะมีการแสดงให้เห็นแค่ด้านกายภาพลักษณะเม็ดข้าว แต่ด้านคุณภาพของข้าวไม่พูดให้ชัดเจนว่าปลอดเชื้อราหรือไม่ นายสมพรกล่าวว่า ข้าวล็อตนี้สามารถทานได้แต่โภชนาการจะไม่เหมือนข้าวปกติ หากรัฐจะมีการส่งออกข้าวจริง ต้องมีกรอบและระบุให้ชัดเจนว่าจะจำหน่ายไปที่ไหน เพราะกันไม่ให้เกิดความปั่นป่วนตลาดในประเทศ และตรวจให้ชัดเจนว่าไม่มีเชื้อรา ทั้งนี้ที่ผ่านมา สภาองค์กรของผู้บริโภค และภาคีเครือข่าย ประกาศขอเป็นตัวแทนตรวจสอบคุณภาพข้าวสาร 10 ปี เพื่อคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิประชาชน โดยตั้งคณะกรรมการจากทุกภาคส่วน เพื่อตรวจสอบตามหลักเกณฑ์การตรวจสินค้าระดับการส่งออกข้าวไปต่างประเทศ และประกาศผลการทดสอบให้สาธารณชนทราบ ซึ่งทางสภาฯได้ส่งหนังสือด่วนให้นายภูมิธรรมในการขอเข้าเก็บตัวอย่างข้าวสาร จากโรงสีทุกแห่ง เพื่อส่งห้องปฏิบัติการที่ได้รับรอง ISO17025 ตามมาตรฐานการส่งอออกข้าว และพร้อมเผยแพร่ผลการทดสอบต่อสาธารณะ เม็ดข้าวหอมมะลิในโกดังที่มีเศษผงปนเปื้อน เม็ดข้าวหอมมะลิในโกดังที่มีเศษผงปนเปื้อน คนงานและสื่อมวลชนที่ลงพื้นที่สำรวจโกดังข้าว กำลังขึ้นไปสำรวจในกองข้าว คนงานและสื่อมวลชนที่ลงพื้นที่สำรวจโกดังข้าว กำลังขึ้นไปสำรวจในกองข้าว “ขอให้รัฐบาลยุติการจำหน่ายข้าว เพื่อการบริโภคหรืออาหารสัตว์ หากผลตรวจยืนยันจากห้องทดลองว่า มีสารเคมีตกค้างที่เป็นอันตราย หรือมีสารก่อมะเร็ง ไม่ว่าจะเป็นการบริโภคภายในประเทศหรือต่างประเทศโดยขอให้รัฐบาลดำเนินการเปิดประมูลเพื่อการใช้ประโยชน์ในด้านอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบริโภคหรือห่วงโซ่อาหาร สามารถทำได้ทันที” สำหรับโครงการรับจำนำข้าวเปลือก รัฐบาลยิ่งลักษณ์ พบว่ามีการ รับจำนำข้าวเปลือก 54.35 ล้านตัน มี ค่าใช้จ่าย 9.85 แสนล้านบาท ใช้เงินซื้อข้าวจากชาวนา 8.57 แสนล้าน หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ( คสช.) ตรวจสอบข้าวในสต็อก พบว่า มีข้าวสารในสต็อกรัฐบาล 17.76 ล้านตัน ระบายข้าวไปแล้ว 16.84 ล้านตัน มูลค่าร่วม 179,187 ล้📖านบาท แบ่งเป็นข้าวในโกดัง อคส. ความเสียหาย 500,000 ล้านบาท และข้าวในโกดังอตก. ความเสียหาย 142,024 ล้านบาท รวม 642 ,024 ล้านบาท และส่งให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)ตรวจสอบความเสียหายทางบัญชีที่มีการระบุว่าข้าวหายไป 9.4แสนตันนั้น กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์เคยอกมาชี้แจงว่าเป็นความคลาดเคลื่อนทางบัญชี จนถึงปัจจุบัน ตัวเลขดังกล่าวก็ยังไม่ได้รับความกระจ่างว่าสรุปแล้วข้าวหายหรือตัวเลขทางบัญชีคลาดเคลื่อน เพราะหน่วยงานต่างโยนความรับผิดชอบ แม้รัฐบาลชุดนี้ จะพยายามดันทุรังฟอกขาวให้ข้าว 10 ปีให้สามาถนำกลับมาเปิดประมูลเพื่อให้คนบริโภคได้ โดยเป้าหมาย คือ ส่งออกไปแอฟริกาใต้ที่นิยมกินข้าวเก่า แต่นับจากนี้ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่า ข้าว 15,000 ตัน ซึ่งจะส่งออกไปขายยังแอฟริกาใต้บริโภคหรือสอดไส้กระจายให้คนไทยได้กินกัน ในการเปิดประมูลข้าว 2โกดัง ที่อคส. เป็นเจ้าภาพในปี2557-2558 โดย คสช. จัดเกรดข้าวทั้ง 2 คลังนี้ เป็น เกรด เอ สำหรับคนบริโภค อคส.ประมูลครั้งแรก (57/58) ผู้ชนะประมูลไม่มาชำระเงิน ในจำนวนนี้ เป็นเจ้าของคลังที่ชนะการประมูลด้วย อคส. ยกเลิกสัญญา ฟ้องและให้จ่ายค่าเช่าค่าฝากเก็บ โดยราคาประมูล 26-27 บาท/กก. ประมูลครั้งที่ 2 (1/62) ธ.ค. 2562 ผู้ชนะประมูลไม่มาชำระเงินและรับมอบข้าว ครั้งนี้อคส. ฟ้องและให้จ่ายค่าเช่าและค่าฝากเก็บ ราคาประมูล 20-23 บาท/กก. ประมูลครั้งที่ 3 (1/66) ก.ค.2566 ครั้งนี้ เอกชนคัดค้าน TOR เรื่องแสดงฐานะการเงิน ทำให้อคส. ยกเลิกประมูลและส่งกลับให้คณะกำหนด TOR พิจารณา แต่ใกล้หมดเวลาที่ นบข. อนุมัติ จึงประมวลเรื่องเข้า นบข. ขอขยายเวลา อย่างไรก็ตามปกติ นบข. จะขยายเวลาให้คราวละ 1 ปี ซึ่งวันที่ 1 พ.ย. 2566 นบข.อนุมัติให้ขยายเวลาโครงการถึง 30 ก.ย.2567 และอยู่ในช่วงผลผลิตข้าวหอมมะลิออกสู่ตลาด จึงชะลอให้พ้นช่วงดังกล่าว ประมูลครั้งที่ 4 (1/67) ไม่มีเอกชนเข้าร่วมฟัง TOR เสมือนว่าขาดความร่วมมือและอาจไม่เกิดการแข่งขันราคา เนื่องจากเอกชนทราบว่า รมว.พาณิชย์ สั่งยกเลิกการประมูล ทำให้อคส.ยกเลิกประมูล อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ อคส.ได้ รวบรวมข้าวคงค้างทั้งหมด ทั้งข้าวในคลังกลาง ข้าวนอกคลังกลางและข้าวนอกบัญชี เพื่อจัดประมูลและระบายข้าวเสร็จสิ้น รวม 5 โครงการ คือ นาปรัง 52 ,นาปี 54/55 ,นาปี 55/56 ,นาปรัง 55 และนาปี 48/49 รวมถึงเรียกค่าสินไหมประกันภัยครบทุกกรณี ซึ่งมีนาปี 51/52 โดยเสร็จในการประมูลครั้งที่ 1/65 ที่ผ่านมา โดยรับชำระเงินและส่งมอบแล้ว อ่านข่าว: แกะรอย มหกรรมโชว์กินข้าว 10 ปี กินได้จริงหรือ? ฤาหาทางลง “ภูมิธรรม” สั่ง อคส.ประมูลข้าว 10 ปี ย้ำไม่พบสารก่อมะเร็ง การันตีข้าว 10 ปีโภชนาการยังครบ ไร้อะฟลาท็อกซิน
วันนี้ (10 มิ.ย.25��67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนผู้เสียหายกว่า 20 คนนำหลักฐาæนการโอนเงิน เข้าแจ้งควา
วันนี้ (3 ส.ค.2å¦å566) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ จัดแถลงข่าว "แฉเพื่อชาติ EP 1" ภายหลังพรรคเพื่อไทยแถลงฉีก