วันนี้ (12 พ.ย.2564) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ศาลเมียนมา ตัดสินจำคุกสื่อมวลชนอเมริกันนาน 11 ปี ห
ในปัจจุบันอุตสาหกรรมการขนส่งสินค้าของญี่ปุ่นกำลังเผชิญหน้ากับความท้888koiาทายอย่างมากจากปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ซึ่งจากรายงานของกระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่นในปี 2022 พบว่า 45.2% ของคนขั
ในปัจจุบันอุตสาหกรรมการขนส่งสินค้าของญี่ปุ่นกำลังเผชิญหน้ากับความท้888koiาทายอย่างมากจากปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ซึ่งจากรายงานของกระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่นในปี 2022 พบว่า 45.2% ของคนขับรถในอุตสาหกรรมการขนส่งเป็นพนักงานที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ดังนั้นการนำเทคโนโลยีรถบรรทุกไร้คนขับเข้ามาใช้งานก็จะช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนคนขับในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของญี่ปุ่นที่ต้องเผชิญได้ "รถบรรทุกไร้คนขับ" ได้เริ่มทดสอบบนทางด่วน Tomei ของญี่ปุ่น ตั้งแต่เดือนมกราคม ค.ศ. 2023 โดยได้มีการตรวจสอบความปลอดภัย และทดสอบระบบขับขี่อัตโนมัติกับรถบรรทุกในท้องถิ่นของญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทางด่วนที่ได้มีการทดสอบรถบรรทุกนั้นเป็นทางด่วนเส้นสำคัญของญี่ปุ่น เพราะเป็นทางหลวงสายหลักสำหรับการขนส่งสินค้าในประเทศที่เชื่อมต่อกับเมืองใหญ่ ๆ อย่างโตเกียว นาโกยา และโอซากา ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เปิดรับการทดสอบยานยนต์อัตโนมัติ และรัฐบาลญี่ปุ่นเองยังได้มีการแก้กฎหมายในเดือนเมษายน ค.ศ. 2023 เพื่อให้ยานยนต์ไร้คนขับระด,,,ับ 4 สามารถวิ่งบนถนนสาธารณะได้ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่เกิดจากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของญี่ปุ่น โดยมีรายงานว่ารัฐบาลญี่ป›ç”ุ่นกำลังวางแผนที่จะเปิดตัวช่องทางยานยนต์ไร้คนขับในบางส่วนของทางด่วน New Tomei ซึ่งจะวิ่งขนานไปกับทางด่วน Tomei ภายในปี ค.ศ. 2024 และจะอนุญาตให้รถบรรทุกอัตโนมัติ SAE ระดับ 4 สามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในปี ค.ศ. 2026 มีรายงานว่าทางด่วนเลนใหม่นี้จะติดตั้งเซนเซอร์เครือข่าย 5G และกล้อง เพื่อตรวจสอบสภาพถนนด้วย การทดสอบรถบรรทุกไร้คนขับในญี่ปุ่น ถือเป็นการทดสอบเทคโนโลยีนี้ในประเทศที่มีการขับรถทางด้านซ้ายเป็นครั้งแรก โดยบริษัทต้องปรับเทคโนโลยีให้เข้ากับกฎเกณฑ์และพฤติกรรมการขับขี่ที่แตกต่างกันนี้ เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิ€ทธิภาพ ที่มาข้อมูล: ttnews, techcrunch, prnewswire, technodeที่มาภาพ: tusimple“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech
การเลือกตั้ง อบต.ในจังหวัดพะเยา ที่หลายฝ่ายจับตา รวมถึงกลุ่มเครือข่ายเอเชียเพื่อเลือกตั้งเสรี หรือ อันเฟรล ถึงกับต้องลงพื้นที่เพื่อจับตามการเลือกตั้งครั้งนี้เพราะคาดว่าจะแข่งขันกันสูงในพื้นที่ฐานเสียง
