ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้า การลงทุน ภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นทั่วโลก ไม่เพียงส่งผลกระทบต

ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้า การลงทุน ภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นทั่วโลก ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจที่นับวันจะถดถอยลงอย่างต่อเนื่อง แต่ยังสร้างความสั่นสะเทือนต่อภาวะการเงิน การคลังของประเทศด้วย ก่อนเกิดเหตุการณ์วิกฤต "ต้มยำกุ้ง" ประเทศไทยเคยได้รับการขนานนามว่าจะเป็น "เสือตัวที่ 5 แห่งเอเชีย ต่อจาก ฮ่องกง เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และไต้หวัน เป็นหนึ่งในประเทศที่เนื้อหอม ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติ แม้ที่ผ่านมาไทยจะพยายามเปิดประเทศ โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เดินสายโรดโชว์ในต่างประเทศ เพื่อดึงดูดนักธุรกิจให้เข้ามาลงกระตุ้น ช่วยกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ การเดินหน้าโครงการแลนด์บริดจ์ ที่มีมูลค่ามากกว่า 1 ล้านล้านบาท เป้าหมายคือ การสร้างโอกาสให้กับประเทศไทย หลังอยู่ในภาวะชะงักมานาน อย่างไรก็ตาม หากย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อน เกิดวิกฤตการเงินในเอเชียหรือครั้งสำคัญของโลกครั้งหนึ่งที่ทำให้โลกรู้จักประเทศไทยเป็นอย่🍊0️⃣างดีคือ หรือ วิกฤต "ต้มยำกุ้ง" ถือเป็นวิกฤตการณ์เศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย ทิ้งบทเรียนครั้งสำคัญของการดำเนินนโยบายการเงินที่ผิดพลาดในอดีต ทำให้นักลงทุนไม่น้อยต้องล้มบนฟูก บางครอบครัวเครียดถึงกับต้องปลิดชีพตัวเอง แม้ครั้งนั้น จะมีผลกระทบต่อชีวิตผู้คนเป็นวงกว้างไม่เท่า "วิกฤตโควิด-19" ที่มีคนป่วย และเสียชีวิตจำนวนมาก หลายคนขาดรายได้จากการถูกเลิกจ้าง ธุรกิจต้องล้มเลิก เสียโอกาสในการเรียน ทำเศรษฐกิจกระทบหนักไปทั่วโลก ไทยพีบีเอส ออนไลน์ เปิดวาทกรรม "วิกฤตเศรษฐกิจ"กับ รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์และการเมื🧚‍♀️อง จาก"ต้มยำกุ้ง" - โควิด-19 - สู่ วิกฤต "ต้มกบ" ในปี 2567 อ่านข่าว : "เศรษฐา" ไม่ยืนยัน GDP ไทยปี 66 โต 1.8% โยน สศค.ชี้แจง รศ.ดร.สมชาย อธิบายสภาพเศรษฐกิจในช่วงที่หลายคนเรียกว่า "วิกฤตต้มยำกุ้ง" ในปี 2540 เริ่มจากประเทศไทยในยุครัฐบาล "บิ๊กจิ๋ว" พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ์ ประกาศลอยตัวค่าเงินบาท เป็นวิกฤตทางการเงินที่เริ่มขึ้นในประเทศไทย และส่งผลไปถึงภูมิภาคอาเซียน ไม่แตกต่างจาก วิกฤตเศรษฐกิจในสหรัฐฯ กับ "วิกฤตซับไพรม์" หรือที่หลายคนเรียก ว่า "วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์" ซึ่ง "แฮมเบอร์เกอร์" ที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของอเมริกา โดยปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจเริ่มเกิดขึ้นที่สหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อเนื่องไปทั่วโลก มาถึง "โควิด-19" วิกฤตสุขภาพ นำมาสู่วิกฤตเศรษฐกิจ ที่ทำทั่วโลกสั่นสะเทือนต่อเนื่องหลายปี การเรียกชื่อช่วงนี้ก็เป็นช่วง ที่เกิดวิกฤตการระบาดของโรค ส่งผลกระทบต่อผู้คน เศรษฐกิจวงกว้าง ในช🦋่วง 27 ปีที่ผ่านมา อาจพูดได้ว่า บา คา ร่า 8888 บา คา ร่า 8888ไทยเจอกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ครั้งแรก คือ "วิกฤตต้มยํากุ้ง" ที่เกิดขึ้นในช่วง พ.ศ.2540 - 2541 และครั้งที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คือ วิกฤตเศรษฐกิจจากการระบาดของ "โรคโควิด-19" ในช่วง พ.ศ.2563 จนปัจจุบัน สิ่งที่เหมือนกันของ 2 "วิ🌙กฤตต้มยํากุ้ง" และ "วิกฤตโควิด-19" คือ ทำให้เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบหนัก แล้วความแตกต่างกันของ ทั้ง 2 วิกฤตนี้คืออะไร และเป็นอย่างไร รศ.ดร.สมชาย อธิบายว่า "วิกฤตต้มยํากุ้ง" หรือ "วิกฤตการณ์การเงินในเอเชีย" มีจุดเริ่มต้นขึ้นในประเทศไทย ก่อนลุกลามไปในหลายประเทศ ทั้ง มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้ หรือหลายคนอาจจะเรียกว่า "วิกฤต IMF" เนื่องจาก ไทยต้องขอความช่วยเหลือทางการเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund : IMF) วิกฤตเศรษฐกิจนี้ นำไปสู่การยกเลิกอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ และเปลี่ยนเป็นการปล่อยค่าเงินบาทลอยตัว ในปีนั้นเรามีเงินไม่เพียงพอที่จะรองรับกับหนี้ต่างประเทศ อ่านข่าว : ททท.ประเมิน "ตรุษจีน" มาตรการวีซาฟรีหนุนจีนเที่ยวไทยพุ่ง รศ.ดร.สมชาย กล่าวว่า ไทยมีการเปิดเสรีทางการเงิน แต่ด้วยความที่ไม่รู้และไม่ได้มีการเตรียมตัว ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ แบงค์ชาติ ยังใช้อัตราแลกเปลี่ยนตายตัว แทนที่จะให้มีความยืดหยุ่น ส่วนเอกชนไปกู้เงินต่างประเทศ เพราะเห็นว่าดอกเบี้ยต่ำ ทำให้เกิดการก่อหนี้ รายได้หาย "การส่งออกของไทยเริ่มชะลอตัว ขณะที่ ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยเริ่มขาด📦ดุลมากขึ้น ทำให้เสียความสามารถในการแข่งขัน คือ ซื้อสินค้าและบริการมากกว่าขาย แถมยังมีเงินสำรองไม่พอ" ในที่สุดแบงค์ชาติ ก็ต้องปล่อยให้อัตราแลกเปลี่ยนลอยตัว ซึ่งทำให้จากอัตราแลกเปลี่ยน จาก 26 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็นกว่า 50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จึงเกิดวิกฤตครั้งยิ่งใหญ่ เอกชนในบริษัทตลาดหลักทรัพย์ ตายกันเรียบ ขนาดที่สถาบันการเงิน 56 แห่ง ปิดหมด ทำให้เกิดผลกระทบกับประเทศมหาศาล จึงต้องไปกู้เงินจาก IMF จำนวน 17,600 ล้าน ครั้งนั้นต้องใช้เวลา กว่า 2 ปี ถึงจะฟื้นกันขึ้นมา มาถึงวิกฤตสุขภาพ "โควิด-19" นำมาสู่วิกฤตเศรษฐกิจ ที่ทำทั่วโลกสั่นสะเทือนต่อเนื่องหลายปี รศ.ดร.สมชาย กล่าวว่า ช่วงวิกฤตโควิด-19 แตกต่างจาก สมัยต้มยำกุ้ง เพราะมีคนป่วย เสียชีวิตจำนวนมาก บริษัท ธุรกิจ SMEs ไดรับผลกระทบทุกคน การล็อกดาวน์ในบางช่วง และการปิดประเทศ การเดินทางหยุดชะงัก การระบาดของโควิด-19 ยังส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งบางแห่งเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญของไทย ที่สำคัญคือ การท่องเที่ยวที่เป็นแหล่งรายได้สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักเช่นกัน "ช่วงต้มยำกุ้ง คนที่เดือดร้อนคือคนที่กู้เงินกับสถาบันการเงิน แต่ช่วงโควิดเรียกว่า "เดือดร้อนทุกย่อมหญ้า" รัฐบาลจึงต้องดำเนินหลายมาตรการ หนึ่งในนั้นคือ "การกู้เงิน" และใช้วิธีให้การช่วยเหลือ รัฐบาลมีการออกพันธบัตร มาตรการคนละครึ่ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ว่าการฟื้นตัวก็ยังต่ำมาก" นอกจากนี้ รศ.ดร.สมชาย ยังได้อธิบายถึงสภาพเศรษฐกิจ วิกฤตต้มกบว่า เหมือนกบในหม้อต้ม "เหมือนกบอยู่ในหม้อน้ำที่กำลังต้ม น้ำค่อย ๆ เดือด แต่กบปรับอุณหภูมิตัวเองช้า ๆ ตามน้ำไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังจะตาย จนน้ำเดือดกบตัวนั้นก็ไม่สามารถกระโดดหนีได้แล้ว และต้องตายในที่สุด" หากเทียบกับเศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจเติบโตช้าลง หากหลายแห่งปรับตัวไม่ทัน กับการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี หากไม่ปรับตัว ไทยก็ไม่สามารถแข่งขันได้และจะต้องตายเหมือน "กบต้ม" รศ.ดร.สมชาย กล่าวว่า การที่ประเทศไทยมีอัตราการเติบโตต่ำ ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่เป็นมา 10-20 ปีแล้ว ซึ่งการลดต่ำลงเพราะโลกเปลี่ยนแปลงหาไปสู่ดิจิทัล ประเทศไทยปรับไม่ทัน อ่านข่าว : เปิดข้อมูลสภาพเศรษฐกิจ "ระนอง-ชุมพร" ก่อนมีแลนด์บริดจ์ อัตราการเติบโตของไทยตลอด 10 ปี ยกตัวอย่างง่าย ๆ ตั้งแต่ปี 2010 -2023 ปีที่แล้วไม่มากนักเพราะตัวเลขไม่มากนัก ปี 2022 อัตราการเติมโตของเรา 2.6% ต่อปี อาเซียน 4.3 ต่ำสุดในอาเซียน เป็นอันดับ 9 ชนะอยู่ประเทศเดียวคือ บรูไน การที่เศรษฐกิจแย่ไม่ได้เกิดจากโควิด แต่เกิดจากความสามารถในการแข่งขันเราลด โลกเปลี่ยน อีกอย่างคือ เรายังมีการผลิตสินค้า ที่มีมูลค่าเพิ่มน้อย สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำ คือ กระตุ้นเงินดิจิทัล อาจกระตุ้นได้🦩ปีเดียว แต่ก็มีความเสี่ยง กระตุ้นแล้วมีการบริหารไม่ดี จะมีความเสี่ยงทางด้านการคลัง นักลงทุนก็จะมาจับตามอง ในอนาคตเราจะมีความสามารถในการจ่ายคืนได้แค่ไหน รศ.ดร.สมชาย กล่าวว่า หากไม่มีเรื่องดิจิทัล เศรษฐกิจก็ฟื้นตัว หลายคนจึงบอกว่ารัฐบาลอย่าไปทำเลยเพราะยังไม่มีวิกฤต เพราะเศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัว 3% เพียงแต่รัฐบาลบอกว่ามีวิกฤต มองว่า ถูกทั้งคู่หรือผิดทั้งคู่ คือ ไม่มีวิกฤต แต่มีปัญหา ขณะที่ อายุเฉลี่ยของประชากรไทยที่เพิ่มขึ้น อีก 10 ปี ข้างหน้า อาจถึง 20 ล้านคน จำนวนคนที่ทำงานขณะนี้อยู่ที่ 65% อีก 10 ปีคนทำงานจะเหลือเท่าไร ส่วนนี้ ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และความเสี่ยงของประเทศไทย ในอนาคต รศ.ดร.สมชาย กล่าวทิ้งท้าย อ่านข่าวอื่น ๆ 7 สมาคมอสังหาฯ ยื่นหนังสือ ธปท.ฟื้นมาตรการกู้เต็มเพดาน เฮลั่น ประมงพื้นบ้าน 1.2 หมื่นลำ "กรมประมง" ขึ้นทะเบียนถูกกฎหมาย กองสลากฯ เตรียมออกสลาก 3 ตัว นำร่อง 1 ล้านหมายเลข

วันนี้ (28 พ.ค.2565) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นที่ตลาดนัดจตุจักร เขตบางซื่อ รับฟังความเดือดร้อนของตัวแทนผู้ค้าตลาดนัดจตุจักร โดยมี สมพร อิทธิภูวกุล ว่าที่ ส.ก.เขตลาดพร้าว พรรคเพื

วันนี้ (3 ก.ย.2564) เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ พร้อมตำรวจกองบังคับการปรามปราม ชุดหนุมาน ควบคุมตัว พ.ต.อ.

นิยายชีวิต โดย : Puti Aini Yasmin
เรื่องและภาพโดย : Puti Aini Yasmin
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” ได้ที่นี่..