ดัน "มวยไทย" Soft Power บรรจุโอลิมปิกเกมส์ ปี 2032

เหรียญมีสองด้านเช่นใด AI ก็เป็นแบบนั้น ไม่ว่ามนุษย์จะตื่นเต้นกับการวิจัยและพัฒนาความก้าวหน้าของ AI มากเพียงใด ขณะเดียวกันความหวาดกลัว Aคอมเม้นกีฬาI กลับเพิ่มมากขึ้นในสังคมอย่างน่าประหลาด ไม่ว่าจะเป็นปร

วันนี้ (19 พ.ค.2564) นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ให้สัมภาษณ์

วันนี้ (26 ม.ค.2565) นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย แจ้งว่า การรถไฟฯ ประกาศแจ้งปิดทางช่วงระหว่างสถานีบางซื่อ-บางบำหรุ เป็นการชั่วคราว เพื่อให้กิจการร่วมค้า

เหรียญมีสองด้านเช่นใด AI ก็เป็นแบบนั้น ไม่ว่ามนุษย์จะตื่นเต้นกับการวิจัยและพัฒนาความก้าวหน้าของ AI มากเพียงใด ขณะเดียวกันความหวาดกลัว Aคอมเม้นกีฬาI กลั📖บเพิ่มมากขึ้นในสังคมอย่างน่าประหลาด ไม่ว่าจะเป็นประเด็นของการแย่งตลาดงานของมนุษย์ มีการคาดการณ์ว่า หากใช้ AI มากขึ้น จะทำให้การเรียนรู้ของมนุษย์ลดต่ำลง และหากใช้เพื่อทำทุกอย่างแทน มีแนวโน้มว่า มนุษย์อาจจะถูกครอบงำจนทำอะไรไม่เป็นอีกต่อไป ด้วยว่าทักษะถึง 5 ประเภทที่ AI ทำได้ดีกว่ามนุษย์ หรือทำได้เหนือกว่า กระทั่งคนที่เก่งกาจในทักษะทั้ง 5 ด้านนี้ในตลาดแรงงานยังไม่อาจต่อกรได้ คือ การอ่านจับใจความ, การเขียน ,การกล่าวสุนทรพจน์, การจดจำภาพ ,การใช้ภาษา หรือการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ซึ่งทักษะเหล่านี้ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของ "ความเป็นมนุษย์" ทั้งสิ้น แม้จะเข้าใจได้ถึงความอัจฉริยะของ AI หากมีการตั้งคำถามในมุมกลับกันว่า เป็ เป็นไปได้หรือไม่? ที่จะใช้ AI ไม่ใช่ในฐานะของการแทนที่ความเป็นมนุษย์ แต่เป็นการใช้เพื่อ "ยกระดับความงอกงาม (Flourishing)" ของความเป็นมนุษย์ ที่มา: MIT Media Lab ที่มา: MIT Media Lab ดร.พัทน์ ภัทรนุธาพร Postdoctoral Research at MIT Media Lab ยกตัวอย่าง AI เปรียบเทียบกับตัวละคร "โดราเอมอน" เพราะไม่ว่าโนบิตะ จะโง่เขลาเบาปัญญาขนาดไหน แต่โดราเอมอนก็ทำให้โนบิตะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบมากขึ้น ผ่านการช่วยเหลือ🐙🈵🌽ด้วยของวิเศษต่าง ๆ ไม่ได้เข้ามาครอบงำโนบิตะโดยสมบูรณ์ กลับกัน โนบิตะได้ประโยชน์จากโดราเอมอนมากกว่าเสียอีก ดร.พัทน์ กล่าวว่า จริง ๆ แล้ว การสร้างความเจริญงอกงามในความเป็นมนุษย์ทำได้หลายแบบ และที่ช่วยเหลือได้มากที่สุด คือ ประเด็นด้าน "จิตวิทยา" ว่าด้วย กระบวนการคิดและการตัดสินใจ (Cognitive and Decision-making) ของมนุษย์ ซึ่งเดิมเป็นเรื่องยากมาก เพราะต้องอาศัยชุดข้อมูลระดับมหาศาล หรือการคิดให้รอบคอบ ขณะที่สมองของมนุษย์ไม่สามารถที่จะคาดการณ์ (Speculate) ถึงผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการได้โดยง่าย จึงทำให้การตัดสินใจเกิดความผิดพลาดและอาจนึกเสียใจภายหลัง AI จะเข้ามาช่วยเหลือตรงนี้ ด้วยการสร้างตัวแบบของมนุษย์ในอนาคต เพื่อสร้างตัวเราขึ้นมาในอีก 40-50 ปีข้างหน้า เพื่อสร้างตัวเราในวัยไม้ใกล้ฝั่งที่เพียบพร้อมทั้งประสบการณ์ ความคิดที่ตกผลึก หรือมุมมองที่กว้างกว่าตัวเราในวัยเรียนหรือวัยทำงานในตอนนี้ โดย ดร.พัชน์ เรียกโปรเจ็กต์นี้ว่า "Future You" จากบทความวิจัย Future You: A Conversation with a🎪n AI-Generated Virtual Future Self Reduces Anxious Feelings and Increases Motivation พบว่า เมื่อกลุ่มตัวอย่างได้สนทนากับ AI ที่จำลองตนเองในอนาคต มีอัตรา "ความวิตกกังวล (Anxiety)" ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเปรียบเทียกับการคุยกับครอบครัว คนรัก เพื่อน การปรึกษานักจิตวิทยา หรือการจัดการด้วยตนเอง มากถึงเกือบ 5 เท่า ยิ่งไปกว่านั้น การได้คุยกับตนเองในอนาคต ยังช่วยให้เกิด "ความมั่นใจ (Confident)" มากกว่าการคุยกับครอบครัว คนรัก เพื่อน การปรึกษานักจิตวิทยา หรือการจัดการด้วยตนเอง มากเกินกว่า 4 เท่า หมายความว่า กระบวนการคิดและการตัดสินใจของมนุษย์จะเพิ่มมากขึ้น ก็ต่อเมื่อได้ทราบว่าตนเองในอนาคตนั้นมีกระบวนการคิดและตัดสินใจอย่างไร ที่มา: MIT Media Lab🧙‍♂️ ที่มา: MIT Media Lab ตามหลักจิตวิทยา มนุษย์เรามักจะมี "การคิดทางลัด (Cognitive Shortcut) " หรือ "การคิดบนฐานความเป็นจริงที่จำกัด (Restrain Counterfactual)" หมายถึง ข้อมูลในการตัดสินใจมีมหาศาล มากกว่าสมองมนุษย์จะรับไหว มนุษย์จึงตัดสินใจผ่านอะไรง่าย ๆ ตามความเข้าใจและประสบการณ์ในตอนนั้น ซึ่งลดทอนความซับซ้อนลง แต่การมาถึงของ Future You สามารถจะทำให้ลดเงื่อนไขการตัดสินใจทั้งสองดังกล่าว เพิ่มฐานการตัดสินใจที่เพิ่มมากขึ้น จากการทราบอนาคตจำลองของตนเอง นอกจากนี้ ยังมีอีกประเด็นที่ AI จะเข้ามาช่วยให้มนุษย์สมบูร🎶ณ์แบบมากขึ้น คือ "การป้องปราม" การใช้ AI อย่างไม่ระมัดระวัง โดย ดร.พัชน์ ยกตัวอย่างกรณีศึกษา มีเด็กชายชาวสหรัฐฯ ผู้หนึ่งที่ฆ่าตัวตายเพื่อไปอยู่กับ AI เพราะผู้ตายคบหาดูใจกับ AI และหลังจากคุยปรึกษากัน AI ชวนมาอยู่ด้วย ดร.พัทน์ เรียกสิ่งดังกล่าวว่า "Addictive Intelligence" หมายถึง AI เป็นเพื่อนคู่คิดของมนุษย์มากกว่าที่จะเกิดขึ้นจากการสานสัมพันธ์ปกติ เพราะ AI สามารถที่จะ "ตอบสนองความต้องการ" ของมนุษย์ในฐานะ "สิ่งที่อยากให้เป็น" ได้อย่างทันท่วงที งานวิจัย AI-generated virtual instructors based on liked or admired people can improve motivation and foster positive emotions for learning เสนอว่า แม้ว่าผู้คนจะรู้ทั้งรู้ว่า AI ไม่มีตัวตน มีแต่ลักษณะแบบดิจิทัล แต่หาก AI ผู้นั้นเป็นภาพจำลองของบุคคลที่มีชื่อเสียง ทรงภูมิปัญญา หรือเป็นเอกด้านใดด้านหนึ่ง ผู้คนก็อยากที่จะคุยด้วย มากกว่าบุคคลจริง ๆ ที่เป็นใครก็ไม่รู้ ที่มา: MIT Media Lab ที่มา: MIT Media Lab กลุ่มตัวอย่าง 134 คน อยากคุยกับ AI ของ อีลอน มัสก์ มากกว่า AI ที่เป็นใบหน้าของผู้อื่น ทั้งที่กำหนดตัวแปรเรื่องที่จะพูดแบบเดียวกัน ตรงนี้ นับเป็นความน่ากังวลว่า ผู้คนจะไม่สนใจเนื้อหาสาระ แต่สนใจความดังและความสามารถจากบุคคลจริง ๆ ที่มาสวมทับกับ AI แทน ขณะที่ Chatbot Companionship: A Mixed Method Study of Companion Chatbot Usage Patterns and their Relationship to Lone😜liness in Active Users เสนอว่า ในกลุ่มอายุ 30-35 ปี ไม่ได้ใช้ AI ในฐานะเครื่องมือ (Toolkits) แต่ใช้งานในฐานะ "เพื่อนคู่คิด (Companion) " ซึ่งจะใช้เวลากับ AI เกือบ 2 ชั่วโมงต่อวัน และความถี่ในการใช้งานมากกว่า 15 วันต่อเดือน แต่กลับมีความรู้สึกเหงาและเติมเต็มในอัตราที่เท่ากัน ที่มา: MIT Media Lab ที่มา: MIT Media Lab อย่างไรก็ตาม เห็นได้ว่า AI สามารถทำให้มนุษย์มีสมบูรณ์แบบขึ้นด้วยการช่วยเหลือด้านกระบวนการคิดและการตัดสินใจ และช่วยให้เห็นถึงข้อควรระวังในการใช้งาน AI เอง แต่ ดร.พัชน์ เสนอว่า มีอีกสิ่งหนึ่งที่จะขาดไปไม่ได้ คือ AI ช่วยให้สร้าง "เรื่องเล่า (Narrative)" มนุษย์ไม่อาจตัดขาดจากเรื่องเล่าได้ เพราะเรื่องเล่าจะมีการเสริมสร้างจินตนาการและแรงบันดาลใด ซึ่งส่งผลต่อแรงผลักดันในการดำรงอยู่ของมนุษย์ จะโดราเอมอนก็ดี หรือโลกอนาคตที่ AI ล้างบางมนุษย์ก็ดี ล้วนทำให้เราสรรค์สร้างเทคโนโลยีใหม่ ๆ ออกมาได้อย่างไม่หยุดยั้ง ดร.พัทน์ เสนอแนะว่า สำหรับประเทศไทย อาจต้องใช้ AI ในการ Localised หรือทำให้ใกล้ชิดกับท้องถิ่นและประเด็นทางสังคมเฉพาะที่มนุษย์ประสบพบเจอ เช่น ประเด็นด้าน AI ต่อวงการศาสนา โดยอาจจะสร้างเรื่องราวว่า AI ทำให้มนุษย์ยังคงมีศาสนาเป็นจริยศาสตร์ ความเชื่อ หรือที่พึ่งทางใจต่อไปอีกหรือไม่ ที่มา: MIT Media Lab ที่มา: MIT Media Lab โดยทั่วไป เราอยากให้ AI นั้นมีความเป็นมนุษย์มากยิ่งขึ้น แต่เราอาจจะหลงลืมว่า การปกครอง การศึกษา หรือการกล่อมเกลาทางสังคมของไทย ล้วนถูกออกแบบมาให้เกิดผลผลิตที่เป็นอนาคตของชาติแบบเดียวกันทั้งหมด ไม่แตกต่างอะไรกับหุ่นยนต์ "ตรงนี้ ประเทศไทยต้องตอบให้ได้ ว่า ในขณะที่เราอยากได้ผลผลิตที่เต็มเปี่ยมด้วยความคิดสร้างสรรค์ เพื่อผลักดันประเทศ แต่สิ่งที่เป็นมาตอบโจทย์หรือไม่" ดร.พัทน์ ทิ้งท้ายคำถาม อ่านข่าว มนุษย์อยู่อย่างไร ? เมื่อ AI กำลังจะ "ครองโลก" "อัลกอริทึม" ทำลาย VS สร้างสรรค์ "สุนทรียภาพ" มนุษย์ "นิวเคลียร์" ขับเคลื่อน AI พัฒนาเทคโนโลยียั่งยืน "บนทางคู่ขนาน"

วันนี้ (17 ส.ค.2564) นพ.เฉวตสรร นามวาท ผอ.กองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉินกระทรวงสาธารณสุข แถลงถึงสถานการณ์โรค COVID-19 ว่า ไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 20,128 รคน ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมแล้ว 948,442