คลอดกฎหมายอุ้มบุญ บังคับใช้ 30 ก.ค.นี้ สธ.เตือนทำเชิงพาณิชย์จำคุก 10 ปีปรับ 2 แสน รมว.สธ.เผยกฎหมายคุ
วันนี้ (26 ต.ค.2565) โรงเรียนสุเหร่าใหม่ เขตสวนหลวง เริ่มนำร่องติดตั้ง “เครื่องวัดฝุ่น PM 2.5” เป็นที่แรก เพื่อให้เด็กๆ ที่มาโรงเรียนได้รู้ค่าฝุ่น PM 2.5 และป้องกันตัวเองได้ถูกต้องหากค่าฝุ่นมีปริมาณที
คลอดกฎหมายอุ้มบุญ บังคับใช้ 30 ก.ค.นี้ สธ.เตือนทำเชิงพาณิชย์จำคุก 10 ปีปรับ 2 แสน รมว.สธ.เผยกฎหมายคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ มีผลบังคับใช้สิ้นเดือน ก.ค. 58 เนื้อหาระบุห้ามปฏิเสธรับเด็กเป็นบุตร อุ้มบุญเพื่อการค้า หรือเป็นนายหน้า รวมถึงห้ามซื้อขายนำเข้าอสุจิ ไข่ ตัวอ่อน ชี้หากแพทย์-คู่สามีภรรยา-ผู้รับตั้งครรภ์ ฝ่าฝืน มีโทษสูงสุดจำคุก 10 ปี ปรับ 2 แสนบาท คลอดกฎหมายอุ้มบุญ บังคับใช้ 30 ก.ค.นี้ สธ.เตือนทำเชิงพาณิชย์จำคุก 10 ปีปรับ 2 แสน วันนี้ (29 ก.ค. 2558) ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข แถลงข่าวการบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองçเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ ปี 2558 ว่า กฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ในวันที่ 30 ก.ค. นี้ โดยเจตนารมย์ของกฎหมาย มีขึ้นเพื่อช่วยคู่สามีภรรยาที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมายแpietro pellegri fifa 20ต่มีบุตรยาก ให้สามารถมีบุตรได้ และยังควบคุมป้องกันไม่ให้นำวิธีอุ้มบุญไปใช้ประโยชน์ในทางที่ผิด ไม่ว่าจะเป็นการรับจ้างตั้งครรภ์ การค้ามนุษย์ รวมถึงการทอดทิ้งเด็ก นพ.รชตะกล่าวอีกว่า กฎหมายฉบับนี้ยังกำหนดข้อห้าม ไม่ให้สามีและภรรยาที่ทำอุ้มบุญปฏิเสธรับเด็กเป็นบุตร ห้ามรับตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้า ห้ามเป็นนายหน้าจัดการหรือชี้ช่องให้มีการตั้งครรภ์แทน ห้ามซื้อ เสนอซื้อหรือขาย นำเข้าหรือส่งออกอสุจิ ไข่ ตัวอ่อน โดยสถานประกอบการ แพทย์ คู่สามีภรรยา และผู้รับตั้งครรภ์ ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย “สำหรับบทลงโทษกรณีแพทย์ไม่ปฏฺิบัติตามมาตรฐานแพทยสภา มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากกระทำเชิงการค้ารับจ้างอุ้มบุญ มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท กรณีเป็นนายหน้ามีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท กรณีขายอสุจิ หรือไข่ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ศ.นพ.รชตะ กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีที่ดำเนินการอุ้มบุญก่อนกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ สามารถยื่นรับรองบุตรได้ ซึ่งการปฏิบัติการตามกฎหมายจะดำเนินการภายใต้คณะกรรมการคุ้มครองเด็ก ที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ โดยเป็นตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ จำนวน 15 คน วันนี้ (29 ก.ค. 2558) ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข แถลงข่าวการบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ ปี 2558 ว่า กฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ในวันที่ 30 ก.ค. นี้ โดยเจตนารมย์ของกฎหมาย มีขึ้นเพื่อช่วยคู่สามีภรรยาที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมายแต่มีบุตรยาก ให้สามารถมีบุตรได้ และยังควบคุมป้องกันไม่ให้นำวิธีอุ้มบุญไปใช้ประโยชน์ในทางที่ผิด ไม่ว่าจะเป็นการรับจ้างตั้งครรภ์ การค้ามนุษย์ รวมถึงการทอดทิ้งเด็ก นพ.รชตะกล่าวอีกว่า กฎหมายฉบับนี้ยังกำหนดข้อห้าม ไม่ให้สามีและภรรยาที่ทำอุ้มบุญปฏิเสธรับเด็กเป็นบุตร ห้ามรับตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้า ห้ามเป็นนายหน้าจัดการหรือชี้ช่องให้มีการตั้งครรภ์แทน ห้ามซื้อ เสนอซื้อหรือขาย นำเข้าหรือส่งออกอสุจิ ไข่ ตัวอ่อน โดยสถานประกอบการ แพทย์ คู่สามีภรรยา และผู้รับตั้งครรภ์ ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย “สำหรับบทลงโทษกรณีแพทย์ไม่ปฏฺิบัติตามมาตรฐานแพทยสภา มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากกระทำเชิงการค้ารับจ้างอุ้มบุญ มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท กรณีเป็นนายหน้ามีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท กรณีขายอสุจิ หรือไข่ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ศ.นพ.รชตะ กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีที่ดำเนินการอุ้มบุญก่อนกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ สามารถยื่นรับรองบุตรได้ ซึ่งการปฏิบัติการตามกฎหมายจะดำเนินการภายใต้คณะกรรมการคุ้มครองเด็ก ที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ โดยเป็นตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ จำนวน 15 คน
“ซาอิฟ อัล-อิสลาม กัดดาฟี” ประกาศนำทัพสู้ตาย บุตรชาย 2 คนของ “พ.อ.กัดดาฟี” มีแนวทางขัดแย้งกันเรื่องเส้นตายให้ยอมแพ้ในวันเสาร์นี้ โดยนายซาอิฟ อัล-อิสลาม ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้คุมกำลังปราบปรามการลุกฮือขอ