UID: 05559

วันนี้ (10 ก.ย.2564) ภญ.ศิริกุล เมธีวีรังสรรค์ รองผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม ประธานคณะกรรมการตรวจรั

วันที่ 16 พ.ค.2566 ตำรวจ สภ.เมืองตรั🐼ง เข้าตรวจสอบ รีสอร์🎻ตแห่งห🧚‍♀️นึ่งในพื้นที่ ต.โคกหล่🌈🐶อ อ.เมือง🧩ตรัง หล

เมื่อวันที่ 20 ม.ค.2568 ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ สำนักข่าว CNN รายงาน ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งพิเศษที่มีผลกระทบต่อการระบุเพศในเอกสารราชการของสหรัฐฯ โดยคำสั่งนี้กำหนดให้รัฐบาลกลางยอมรับเพียง 2 เพศ คือ ชายและหญิง และยกเลิกการใช้ตัวเลือกเพศ "X" ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินนโยบายของรัฐบาลไบเดนที่อนุญาตให้ประชาชนสามารถเลือกระบุเพศที่ไม่จำเป็นต้องตรงกับเพศกำเนิดบนเอกสารสำคัญ เช่น หนังสือเดินทาง วีซา และบัตร Global Entry คำสั่งพิเศษมีชื่อว่า "ปกป้องสตรีจากสุดโต่งแห่งอุดมการณ์เรื่องเพศ🌟 และฟื้นฟูความจริงทางชีววิทยาในรัฐบาลกลาง" ยังระบุให้หน่วยงานรัฐบาลทั้งหมดเปล😍ี่ยนการใช้คำว่า "sex" (เพศ) แทนคำว่า "gender" (อัตลักษณ์ทางเพศ) โดยกำหนดให้เพศเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามหลักชีววิทยา นับเป็นการยกเลิกการยอมรับอัตลักษณ์ทางเพศที่หลากหลายที่มีผลจากการดำเนินนโยบายของรัฐบาลไบเดนที่มุ่งสนับสนุนสิทธิของชุมชน LGBTQI+ ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา การดำเนินการของคำสั่งนี้จะมีผลต่อเอกสารราชการต่าง ๆ เช่น หนังสือเดินทาง และ การออกวีซา ซึ่งจ🦸‍♀️ะต้องแสดงเพศที่ตรงกับเพศกำเนิดของบุคคลที่ถือเอกสารดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีผลกระทบต่อการบริหารจัดการพื้นที่ที่แยกตามเพศ เช่น เรือนจำ ศูนย์พักพิงผู้อพยพ และสถานพักพิงสำหรับเหยื่อความรุนแรงทางเพศ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้ที่อยู่ในพื้นที่แยกตามเพศ คำสั่งนี้ยังรวมถึงการกำหนดมาตรการในการตรวจสอบการใช้เงินภาษีของประชาชน เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีการสนับสนุนอุดมการณ์เกี่ยวกับอัตลักษณ์ทางเพศในหน่วยงานรัฐบาลและองค์กรที่เกี่ยวข้อง ข้อกำหนดเหล่านี้จะมีผลในทันทีและจะต้องได้รับการปฏิบัติตามในทุกหน่วยงานของรัฐ การออกคำสั่งพิเศษนี้ถือเป็นการย้อนกลับความพยายามของรัฐบาลไบเดนที่ได้เพิ่มตัวเลือกเพศ "X" บนหนังสือเดินทางตั้งแต่ปี🍦 2565 ซึ่งไม่ได้ต้องการเอกสารทางการแพทย์ในการเปลี่ยนเพศและเปิดโอกาสให้บุคคลที่มีอัตลักษณ์ทางเพศหลากหลายสามารถเลือกระบุเพศของตนเองได้ รวมถึงการขยายสิทธิในการเปลี่ยนข้อมูลเพศในระบบประกันสังคม โดยไม่ต้องแสดงเอกสารทางการแพทย์เพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม คำสั่งของทรัมป์กลับมาเปลี่ยนแปลงนโยบายเหล่านี้ทั้งหมด ผลจากการออกคำสั่งนี้ทำให้ชุมชน LGBTQI+ เกิดความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการสูญเสียสิทธิในการแต่งงานและสิทธิทางกฎหมายอื่น ๆ โดยเฉพาะกา🌵รแต่งงานเพศเดียวกัน ซึ่งได้รับการรับรองตามกฎหมายจากคำตัดสินในคดี Obergefell v. Hodges ปี 2558 การกลับมาดำรงตำแหน่งของทรัมป์และการแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลสูงที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมหลายคน ทำให้เกิดความกลัวว่าคำตัดสินนี้อาจถูกยกเลิกในอนาคต จากความกังวลดังกล่าว 🦁คู่รัก LGBTQ หลายคู่ได้เร่งจดทะเบียนสมรส เพื่อให้ความมั่นคงทางกฎหมายก่อนที่รัฐบาลภายใต้การนำของทรัมป์จะเริ่มมีผลกระทบกับสิทธิที่พวกเขามีอยู่ ข้าราชการและอาสาสมัครหลายคนในหลายรัฐได้ร่วมกันจัดพิธีแต่งงานฟรีให้แก่คู่รักเหล่านี้ เพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถจดทะเบียนสมรสได้ก่อนการเปลี่ยนแปลงของนโยบาย ขณะเดียวกัน คู่รักหลายคู่ยังได้เร่งดำเนินการเปลี่ยนแปลงเอกสารสำคัญ เช่น สูติบัตรและใบขับขี่ เพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แม้ว่าขณะนี้ยังไม่มีการยกเลิกคำตัดสิน Obergefell หรือการยกเลิกสิทธิการแต่งงานเพศเดียวกันโดยตรง แต่ผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายได้เตือนว่า ความเสี่ยงทางกฎหมายยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะจากท่าทีของผู้พิพากษาศาลสูงบางคนที่มีแนวคิดขัดแย้งกับสิทธิของ LGBTQ ขณะเดียวกัน การบังคับใช้กฎหมาย Respect for Marriage Act ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากทั้ง 2 พรรคในสภาคองเกรส จะยังคงบังคับให้รัฐบาลกลางยอมรับใบสมรสของคู่รักเพศเดียวกันที่ถูกต้องตามกฎหมาย การแยกแยะ Sex และ Gender มีความสำคัญ เพราะช่วยให้เราเข้าใจความหลากหลายของเพศได้ดีขึ้น และลดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความเป็นเพศของแต่ละบุคคล นอกจากนี้ ยังช่วยให้เราเห็นว่าบทบาททางสังคมและความคาดหวังทางสังคมที่มีต่อเพศชายและเพศหญิงนั้นเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมา และสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เพศไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ชายหรือหญิงเท่านั้น แต่มีความหลากหลายทางเพศมากมาย เช่น ไบเซ็กชวล เกย์ เลสเบียน ควีร์ หรือไม่ระบุเพศ แต่ละคนมีสิทธิ์ที่จะกำหนดเพศของตนเอง และสังคมควรให้ความเคารพในความหลากหลายทางเพศ อ่านข่าวเพิ่ม : ทรัมป์อยากซื้อ "กรีนแลนด์" เดิมพันใหญ่ยุทธศาสตร์-เศรษฐกิจอาร์กติก เมื่อ "ทรัมป์" ถอนตัว "ข้อตกลงปารสมัคร สล็อต joker โบนัส 100ีส" โลกจะเดือดขึ้นหรือไม่

เมื่อวันที่ 20 ม.ค.2568 ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ สำนักข่าว CNN รายงาน ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งพ