Home
|
sc€ƒan 9&#;18kiŒss hack apkเว็บเ&#x;กมส”์

scan 918kiss hack apkเว็บเกมส์"King The Land" ซีรีย์เกาหลีเรŒื่องใหม่กŽŸำลังมาแรง จ

sc€ƒan 9&#;18kiŒss hack apkเว็บเ&#x;กมส”์

หลังจากที่ราชอาณาจักรสยามตกลงเซ็นสนธิสัญญาเบาว์ริงกับสหราชอาณาจักรในรัชสมัยสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พ.ศ. 2398 ถือเป็นยุคเปิดประตูรับอิทธิพลตะวันตกเข้าสู่สยามประเทศเพิ่มขึ้น ไม่เฉพาะการค้า อุตสาหกรรม การปฏิรูประบบเศรษฐกิจต่างๆ ที่สยามเริ่มรับเข้ามา "กฎหมายตราสามดวง" กฎหมายที่เริ่มใช้ในช่วง ร.1 กรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งได้รับอิทธิพลจาก "คัมภีร์พระธรรมศาสตร์" ที่ใช้ในสมัยอยุธยา ก็ถูกยกเลิกไปในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 ตามอิทธิพลตะวันตกเช่นกัน หนึ่งในกฎหมายที่ถูกใช้ในสมัยอยุธยา ที่ถ้าคนในปัจจุบันมองหรือในสายตาชาวต่างชาติที่เข้ามาทำการค้าขายกับสยามในขณะนั้นมองแล้วไม่เกิดความเท่าเทียมกันอย่างที่สุด คงหลีกไม่พscan 918kiss hack apkเว็บเกมส์้น "พระอัยการลักษณะผัวเมีย" ที่ถูกตราขึ้นในปี พ.ศ.1906 ในรัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือ พระเจ้าอู่ทอง ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรอยุธยา เมื่อเมืองขยายตัว ครอบครัวก็ขยายตาม การจัดการด้วยจารีตประเพณีเหมือนสมัยสุโขทัย จึงไม่อาจใช้ได้ในสมัยกรุงศรีฯ กฎหมายครอบครัวจึงถูกนำมาใช้บังคับ แต่อิทธิพลของ คัมภีร์พระธรรมศาสตร์ ที่อยุธยาได้อิทธิพลจากศาสนาพราหมณ์ ฮินดู ประเทศอินเดีย แนวคิดชายมีเมียได้หลายคน ตามหลักประเพณีฮินดู จึงถูกผสมผสานรวมในตั🏉🤺⛹️‍♂️วบทกฎหมาย ด้วยคอนเซปต์ที่ว่า และยังได้บัญญัติชนชั้นของ "เมีย" เข้าไป ตอกย้ำว่า "มีเมียหลายคนได้🌿ไม่ใช่เรื่องผิด" และยังลดข้อโต้แย้งในการแบ่งสรรปันส่วน "มรดก" หรือทรัพย์สมบัติของสามี นี่คือชนชั้นของ "เมีย" ที่ใช้ได้สำหรับคนทั่วไปในสมัยนั้น แต่หากเหล่าขุนนางราชสำนักขึ้นไป เมื่อทำภารกิจให้พระมหากษัตริย์สำเร็จ รางวัลที่ได้ก็มีทั้ง ไพร่พล ยศฐาบรรดาศักดิ์ ที่ดิน ทรัพย์สมบัติ เงินทอง รวมไปถึง "เมีย" ที่ทรงพระราชทานให้เอง หรือหากถูกตาต้องใจใคร ก็สา🌼มารถทูลขอให้พระราชทานให้ ก็ย่อมได้ "เมียพระราชทาน หรือ เมียนาง" ถือเสมือน "ของหลวง" เป็นทรัพย์สมบัติของพระเจ้าแผ่นดิน การพระราชทานให้ ผู้ได้รับจึงต้องห้ามกระทำสิ่งมิอันควรใดๆ ต่อเมียพระราชทาน ในช่วงนั้นมีกฎหมายที่คุ้มครอง เมียนาง ด้วยคือ ขายเป็นทาสแก่ผู้ใดไม่ได้ ส่วนเมียหลวง เมียน้อย หรือเมียทาส สามีมีสิทธิที่จะเอาไปขายได้ นอกจากนี้ ยังต้องปฏิบัติให้ถูกทำนองคลองธรรมจะทุบตีทารุณอย่างเมียอื่นไม่ได้ โดยมีบทลงโทษไว้ว่า อนึ่งเมียแห่งตนนั้น ท้าวพญา ประสาทให้แก่ตน ถ้าแลษัตรีนั้นผิดประการใดแต่ตีด่าให้หลาบ ปราบให้กลัว อย่าให้ล้มตายเสียรูปทรงษัตรีนั้นไป ถ้าหมีได้ทำตามโทษสามสถาน ในพระอัยการลักษณะมรดก เขียนไว้อีกว่า ภริยาอันทรงพระกรุณาพระราชทานให้ได้ทรัพย์ 3 ส่วนกึ่ง ภริยาอันสู่ขอมีขันหมาก บิดามารดายกให้ได้ทรัพย์ 3 ส่วน เหตุภริยาอันพระราชทานให้นั้นสูงศักดิ์กว่า🍕 ภริยาอันมีขันหมากบิดามารดายกให้ อนุภริยาได้ทรัพย์ 2 ส่วนกึ่ง ภริยาทาสให้ปล่อยเป็นไท ในอดีตนั้น เหล่าขุนนางมักส่งบุตรสาวของตนเข้าไปเรียนรู้ขนบประเพณีในวัง ส่วนหนึ่งก็หวังให้ "นางข้าหลวง" ได้เรียนรู้วัฒนธรรมชนชั้นสูง มีโอกาสที่จะได้เป็นเจ้าจอมของพระเจ้าแผ่นดิน ด้วยว่ามีคุณสมบัติของกุลสตรี อีกส่วนก็ถือว่า แม้บุญพาวาสนาไม่นำชัก หากแต่ความอ่อนช้อยในมารยาทที่ถูกขัดเกลาเด่นชัด ก็ย่อมมีโอกาสได้เฝ้าเรือนดองกับครอบครัวข้าราชการชั้นสูงด้วยกัน อย่างไรก็เห็นจะมีแต่ได้ มิมีเสีย การบริหารราชการแผ่นดินสมัยกรุงศรีฯ นั้น ศูนย์รวมของอำนาจอยู่ที่ "ขุนหลวง" ก็จริง แต่ก็ยังต้องเสี่ยงกับการถูกโค่นล้มราชบัลลังก์อยู่เนืองๆ แต่หากพระเจ้าแผ่นดินมีขุนนางที่ผูกใจกันได้ ก็ย่อมสร้างความแข็งแกร่งให้บัลลังก์มากยิ่งขึ้น การผูกใจผู้ใต้บังคับบัญชาในยุคนั้น สามารถส่งผ่าน "เมียพระราชทาน" และยังส่งผ่านการพระราชทานทรัพย์สิน ที่ดิน เงินทอง ได้เช่นกัน สิ่งนี้ จุลภัสสร พนมวัน ณ อยุธยา นักวิชาการอิสระด้านศิลปวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์รัตนโกสินทร์ สะท้อนไว้อย่างน่าฟังว่า การผูกใจข้าราชสำนักที่เห็นเป็นหลักฐานจนถึงปัจจุบันนั้น สามารถมองจาก "บ้านพระราชทาน" ที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โปรดเกล้าฯ สร้างให้กับขุนนางใกล้พระองค์ทั้ง 4 คน ในวรรณคดียุครัตนโกสินทร์ที่ใช้เส้นเรื่องสมัยกรุงศรีอยุธยา "ขุนช้างขุนแผน" ปรากฏมีการพระราชทานเมียเกิดขึ้นในบทเสภา เมื่อ "พลายงาม หรือ จมื่นไวยวรนารถ (พระไวย)" บุตรของขุนแผนและนางวันทอง อาสายกทัพไปรบเชียงใหม่ เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ "ขุนแผน" พ่อของตน จนได้รับชัยชนะ ครานั้นเจ้าเมืองเชียงใหม่ที่แพ้ศึก จำต้องถวายธิดาล้านนาทั้ง 2 คือ นางสร้อยทอง และ นางสร้อยฟ้า ให้พระพันวษา พระพันวษาโปรดนางสร้อยทองแต่ไม่โปรดนางสร้อยฟ้า จึงพระราชทานให้ พระไวย ถือเป็นบำเหน็จที่กรำศึกจนชนะ อ้ายหมื่นไวยกูก็ให้มียศศักดิ์ พร้อมพรักข้าไทเป็นถ้วนฉี่ยังเสียอยู่แต่เมียมันไม่มี จะยกอีสร้อยฟ้าให้แก่มันจะให้สมกับที่มีความชอบ ให้ประกอบยศยิ่งทุกสิ่งสรรค์เป็นขุนนางไม่มีเมียก็เสียครัน จะให้มันมีเมียเสียสักคน แต่ในขณะนั้น พระไวยมีเมียอยู่ก่อนแล้ว คือ "นางศรีมาลา" ส่วนนางสร้อยฟ้าเองก็รู้สึกเป็นทุกข์ เพราะตนไม่รู้ประเพณีฝ่ายไทย สามีก็มิได้รักใคร่กันมาก่อนเพราะเป็นภรรยาประทาน หนำซ้ำในสมัยก่อน คนอยุธยามองว่า ล้านนาก็คือลาว จึงไม่ได้ให้การยกย่องแต่อย่างใด นางสร้อยฟ้า ในวรรณคดี ขุนช้างขุนแผน นางสร้อยฟ้า ในวรรณคดี ขุนช้างขุนแผน นางสร้อยฟ้าจำใจอยู่ใต้หลังคาเรือนเดียวกับนางศรีมาลา ต่างฝ่ายต่างถือว่าตนคือเมียของพระไวย การทะเลาะเบาะแว้งจึงเกิดขึ้นอยู่ไม่ขาด ร้อนถึงเจ้าบ้านจมื่นไวยต้องห้ามทัพกันอยู่เป็นนิจ ศึกนอกก็ต้องรบ ศึกใน (บ้าน) ก็ต้องห้ามทัพ จะแยกย้ายหย่าขาดก็ไม่ได้ ด้วยพระอ🌟ัยการลักษณะผัวเมียที่บัญญัติว่าไว้ ผัวเมียอยู่ด้วยกัน ต่างคนต่างผิดใจกัน จะหย่ากันไซ้ ให้เรียกสินเดิมทั้งสองข้างสินสมรสให้แบ่งเป็นสามส่วน ให้ชายสองส่วน ให้หญิงส่วนหนึ่งแต่หากหญิงมีสินเดิม แต่ชายไม่มีสินเดิม เมื่อหย่ากันให้แบ่งสินสมรสเป็นสามส่วน ให้หญิ🌬️งสองส่วน ให้ชายหนึ่งส่วน และด้วยขนบประเพณีที่ห้ามหญิงมีสิทธิ มีเสียง ห้ามโต้เถียงหรือเป็นฝ่ายขอหย่าผัว "เมียพระราชทาน" ทั้งในวรรณคดี หรือ ในชีวิตจริงยุคนั้น หลายคนจึงจำใจอยู่ และสะสมปัญหาครอบครัวไว้กับตัวมาอย่างยาวนาน กระทั่งการเข้ามาของชาวตะวันตก มีการแลกเปลี่ยนความรู้ มุมมองต่างๆ ทำให้คนไทยเริ่มเข้าใจและผลักดันกฎหมายใหม่ จนได้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ว่าด้วยให้ชายมีภรรยาตามกฎหมายได้คนเดียว ประกาศใช้วันที่ 1 ต.ค.2478