จากกรณีที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุขได้ผลักดัน นโยบายผลักดันให้โรงพยาบาลใช้ยาสมุนไพรทดแทนยาแ
วันนี้ (12 ม.ค.2564) เมื่อเวลา 18.00 น. ที่ สน.วัดพระยาไกร พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พร้อม พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปชัย รอง ผบ
จากกรณีที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุขได้ผลักดัน นโยบายผลักดันให้โรงพยาบาลใช้ยาสมุนไพรทดแทนยาแผนปัจจุบันบางรายการของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ทั้งนี้ในสื่อสังคมออนไลน์ได้มีการตั้งข้อสังเกตถึงการใช้ยาสมุนไพร ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตจากหลายเพจในสื่อสังคมออนไลน์ เช่น เพจ Remrin ที่ตั้งข้อสังเกตว่า การใช้สมุนไพรสามารถเป็นทางเลือกได้ แต่ยาบางตัวถูกใส่เป็นนโยบายลงไปใน¬ç§ตัวชี้วัดว่าโรงพยาบาลต้องจ่ายสมุนไพรให้คนไข้ตามยอดที่กำหนด ถ้าไม่ถึงเป้า ทำไม่ได้ตามตัวชี้วัดที่กำหนดอาจส่งผลให้ประเมินโรงพยาบาลไม่ผ่าน นำไปสู่การจำกัดงบประมาณ โพสต์ดังกล่าว มีแพทย์เข้ามาแสดงความเห็น บางส่วนระบุว่า ตนเองก็ต้องพูดกับคนไข้ตรง ๆ ว่า "เขาเอายาออกจากบัญชียา ให้ใช้ยาสมุนไพรแทน แต่หçมอไม่รู้จักยาสมุนไพรพวกนี้ หมอคงจ่ายให้ไม่ได้ ถ้าอยากได้ยาที่หมอรักษาจริง ๆ อาจจะต้องจดชื่อยาแล้วไปซื้อเอง" ขณะที่ เพจ เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล ก็ตั้งข้อสังเกตที่สอดคล้องกันว่า การใช้ยาสมุนไพรถูกกำหนดให้เป็นตัวชี้วัดด้วย แม้ว่า นายสมศักดิ์ จะให้สัมภาษณ์ว่า อย่าซีเรียส รวมถึงเพจ Drama-addict ที่ระบุว่า กรณีการใช้ยาสมุนไพรนั้น หากนำมาเป็นยาตัวเลือกสามารถยอมรับได้ แต่หากจะนำมาใช้แทนยาแผนปัจจุบันแบบเบ็ดเสร็จเลยอันนี้ไม่ได้ เพราะยาสมุนไพรก็มีทั้งข้อห้ามใช้ในคนไข้หลายกลุ่มเหมือนกับยาแผนปัจจุบัน หากนำยาสมุนไพรมาแทนที่โดยนำมาใช้กับคนไข้ที่มีข้อห้ามใช้ยาสมุนไพรตัวนั้น อาจจะได้รับผลกระทบได้ เช่น กรณี "เถาวัลย์เปรียง" ซึ่งออกฤทธิ์คล้ายกับยาแก้ปวดในกลุ่ม nsaids ข้อห้ามใช้ก็คล้าย ๆ กัน ที่ห้ามใช้ในหญิงมีครรภ์ รวมถึง ยาตัวอื่น ๆ เช่นฟ้าทะลายโจร ซึ่งมีข้อห้ามในการใช้ค่อนข้างมาก รวมถึง ยาสมุนไพรอาจจะมี interaction กับยาแผนปัจจุบันได้หลายตัว ถ้าเป็นคนไข้ที่มียาปัจจุบันกินอยู่แล้วและรับยาสมุนไพรเพิ่มบางทีก็ไม่มีข้อมูลว่าจะเกิดผลอะไรตามมาบ้างหลายตัวยังมีงานวิจัยไม่มากพอ สธ.แจงปมจ่าย "ยาสมุนไพรไทย" ทดแทนบางรายการ ขณะที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีแพทย์แผนไทย แพทย์ทางเลือก และยาสมุนไพรพื้นฐาน เพื่อให้เป็นทางเลhkg99 peni¬ç§puือกแก่โรงพยาบาล ตัวเลขที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ในโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ ที่ผ่านมามีวงเงินอยู่ 1,000 ล้านต่อปี หากสามารถใช้สมุนไพรทดแทนยาต่างประเทศได้ ก็จะเป็นสิ่งที่ต้องสนับสนุนคนไทย พร้อมมองว่า จริงๆเรามีอะไรดีๆ มากมาย แต่ยังไม่มีความมั่นคง เพราะอาจจะทิ้งยาไทยสมุนไพรไทยไปนาน แนวทางนี้จึงเป็นการเปิดโอกาสให้ใช้สมุนไพรไทยกับอาการเบื้องต้น เช่น ปวดท้อง ท้องเสีย เป็นต้น นักข่าวยังสอบถามว่า แนวทางนี้ จะเป็นตัวชี้วัดของโรงพยาบาล ซึ่งเปรียบเสมือนการบังคับให้โรงพยาบาลต้องจ่ายสมุนไพรหรือไม่ นายสมศักดิ์ ชี้แจงว่า ยังไม่ถึงขนาดนั้น เพียงแต่เป็นทางเลือก พร้อมระบุว่า "อย่าไปซีเรียสมาก" ส่งเสริมใช้ยาสมุนไพร ขณะที่ นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ชี้แจงว่า แนวทางนี้จะเป็นการส่งเ,,,สริมการใช้ยาสมุนไพรในโรงพยาบาล ซึ่งดำเนินการตามความสมัครใจ เพื่อสร้างระบบสาธารณสุขที่แข็งแกร่งขึ้นในระยะยาว และเป็นการขับเคลื่อนภูมิปัญญาไทยสู่ระดับสากล โดยจะสนับสนุนให้แพทย์และเภสัชกรจ่ายยาสมุนไพรเพิ่มขึ้นใน 10 กลุ่มโรคที่พบบ่อย เป็นยาสมุนไพรจำนวน 32 รายการในบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพรที่ใช้บ่อย มีประสิทธิภาพ และปลอดภัย เช่น ยาครีมไพล ใช้แทนยานวด สำหรับบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ, ยาแก้ไอมะขามป้อม หรือ ยาประสะมะแว้ง ใช้ทดแทนยาแก้ไอเพื่อบรรเทาอาการไอ ขับเสมหะ , ยามะขามแขก ใช้ทดแทนยาระบายบิซาโคดิล สำหรับอาการท้องผูก เป็นต้น ทั้งนี้ ข้อมูลมูลค่าการใช้ยาในสถานบริการสาธารณสุขของรัฐ ปีงบประมาณ 2567 มูลค่ารวม 70,543 ล้านบาท แบ่งเป็น ยาแผนปัจจุบัน 68,983 ล้านบาท คิดเป็น 97.79% และยาสมุนไพร 1,560 ล้านบาท คิดเป็น 2.21% อ่านข่าว : อย่าซีเรียส! สมศักดิ์ยันไม่บังคับ รพ. ใช้สมุนไพรแทนยาแผนปัจจุบัน สธ.เห็นชอบเพิ่ม "ยาสมุนไพร" ในบัญชียาหลักอีก 106 รายการ ส.อ.ท.กู้วิกฤต 500 โรงงาน “สมุนไพร” เสี่ยงยอดปิดพุ่ง
วันนี้ (14 ต.ค.2564) สภาพเรือนไทยของหอวัฒนธรรมพื้นบ้านไทยวน จ.สระบุรี หลังจมอยู่ในน้ำระดับความลึกเกินกว่า 10 เมตร หรือสูงเกือบมิดหลังคาเรือนไทยริมน้ำป่าสัก นานกว่า 1 สัปดาห์ มีคราบโคลนที่มากับน้ำเกาะต