หน้าร้อนของประเทศไทยมักเริ่มตั้งแต่เดือน มีนาคม - พฤษภาคม อากาศร้อนอบอ้าวแบบนี้ไม่ใช่แค่ทำให้ "เหงื่

กรณีข่าวสลับตัวเด็กทารกเป็นเด็กไทย และเด็กเมียนมา เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลกระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร หลังจากพ่อตรวจดีเอ็นเอลูกแล้วพบเป็นการสลับตัวเด็กที่ไปคลอดช่วงเดือนส.ค.ที่ผ่านมา วันนี้ (16 ก.ย.2567) นายธน

หน้าร้อนของประเทศไทยมักเริ่มตั้งแต่เดือน มีนาคม - พฤษภาคม อากาศร้อนอบอ้าวแบบนี้ไม่ใช่แค่ทำให้ "เหงื่อไหล" แต่ยังเป็นภัยเงียบสำหรับ คนที่ต้องทำงานในสภาพแวดล้อมที่ "ร้อนจัด" โดยเฉพาะกลุ่มที่ทำงานกลางแดด เช่น เกษตรกร แรงงานก่อสร้าง รวมถึงกลุ่มที่ต้องทำงานในบริเวณที่มีแหล่งกำเนิดความร้อน เช่น ในโรงหลอม หรือบริเวณที่มีเครื่องจักรที่มีความร้อน ในโรงงานหรือมŒีการระบายอากาศไม่ดี กลุ่มเหล่านี้จะมีความเสี่ยงสูงต่อโรคที่เกี่ยวข้องกับ "ความร้อน" นพ.อัครฐาน จิตนุยานนท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ อธิบายว่า โรคเกี่ยวกับความร้อน เกิดจากการที่มนุษย์พยายามรักษาอุณหภูมิกายให้คงที่ที่ 37 องŸäศาเซลเซียส จะมีการระบายความร้อนออกเมื่อมีกระบวนการ "เมตาโบลิก" ในร่างกายหรือมีกิจกรรม หากอากาศภายนอกมีอุณหภูมิสูงกว่าในร่างกายก็จะระบายความร้อนได้ไม่ดี อ่านข่าว :  B.E.F.A.S.T. รู้ทันสัญญาณ "โรคหลอดเลือดสมอง" ร่างกายพยายามระบายความร้อน โดยการหลั่งเหงื่อ การขยายเส้นเลือดที่ผิวหนัง ทำให้เลือดเปลี่ยนทางจากการไปเลี้ยงอวัยวะสำคัญไปที่ผิวหนังเพื่อหลั่งเป็นเหงื่อพาความร้อนออกไป ขณะที่ การหายใจ และวิธีการพาความร้อนออกจากร่างกายจากการสัมผัส เมื่อร้อนมากร่างกายจะขาดน้ำ มีอาการอ่อนเพลีย หน้ามืด หรืออาจเป็นลม ต่อมาจะมีอาการขาดเกลือแร่ร่วมด้วย ทำให้เป็น "ตะคริว" หากยังไม่แก้ไขจะเริ่มมีอาการของการขาดเลือดไปเลี้ยงส่วนสำคัญในร่างกาย ทำให้มีอาการอวัยวะต่างๆ ล้มเหลว ความรู้สติเปลี่ยนแปลง อาจมีอาการเป็นลม หมดสติ และกลายเป็นลมแดด (Heat stroke) ไปในที่สุด ภาวะ Heat stroke นั้นเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ หากไม่รีบช่วยเหลือจะทำให้อวัยวะสำคัญล้มเหลว และถึงแก่ชีวิตได้ อ€ƒ่านข่าว :  รู้และเข้าใจ "เอชไอวี" รู้เร็ว รักษาเร็ว ป้องกันได้ แล้วจะป้องกันได้ยังไง สิ่งที่แรงงานทำได้เพื่อป้องกันโรคที่เกี่ยวข้องกับความร้อน มีคำแนะนำดังนี้ 1. เช็กตัวเองก่อน ว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยง หรือไม่ เช่น อายุมาก อ้วน เป็นโรคเรื้อรังเช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ 2. หลีกเลี่ยงแดดแรง หากเลี่ยงไม่ได้ ต้องใช้วิธีสลับกันเข้าทำงาน 3. ทำงานกลางแจ้งให้เสร็จก่อนบ่ายโมง เนื่องจากจะร้อนจัดช่วงนั้น 4. ดื่มน้ำบ่อยๆ ทุก 15-20 นาที แม้จ›ç”ะไม่หิวน้ำ สถานประกอบการควรจัดน้ำดื่มให้กับแรงงานให้เข้าถึงได้ง่าย การดื่มน้ำเกลือแร่ จะไม่ช่วยเนื่องจากมีน้ำตาล หากดื่มมากจะทำให้น้ำออกจากร่างกายมาก 5. หากรู้สึกร้อนมาก เหงื่อออกมาก หรือหิวน้ำมาก ปัสสาวะน้อยหรือสีเข้ม ให้หยุดงาน และหลบเข้าที่ร่มหรือห้องแอร์ 6. สวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสม ระบายอากาศได้ดี 7. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ หรือดื่มกาแฟ 8. สังเกตอาการผิดปกติเช่น เว€ียนศีรษะ คลื่นใส้ หน้ามืด ต้องหยุดทำงานและหลบเข้าที่ร่ม บอกเพื่อน และติดต่อไปพบแพทย์ทันที 9. หากแรงงานมีอาการมากให้ติดต่อนำไปพบแพทย์ ระหว่างนั้น ให้นำเข้าที่ร่ม ถอดเสื้อผ้า ใช้ผ้าเย็นลูบตัวบริเวณซอกแขน ซอกรักแร้ ซอกขา ลำคอ ลำตัว ถ้ายังรู้ตัวให้ดื่มน้ำ ระหว่างรอส่งตัวไปหาแพทย์ นพ.เกรียงไกร นามไธสง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี กล่าวเพิ่มเติม สถานประกอบการควรสำรวจ หาแรงงานกลุ่มเสี่ยง และสำรวจดูว่าในสถานประกอบการมีสิ่งแวดล้อมในการทำงานที่มีความร้อนมากหรือไม่ จัดการระบายอากาศ หาที่พักในร่ม และให้ความรู้พนักงานเรื่องโรคจากความร้อน เพื่อให้เฝ้าระวังตนเอง ควรหาช่dafabet appองทางสำหรับส่งต่อแพทย์ได้อย่างรวดเร็ว&#x; และสามารถปฐมพยาบาลเบื้องต้นระหว่างรอ ไม่ควรประมาท เนื่องจากโรคลมแดดนั้นมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ อ่านข่าว : ไฟไหม้พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย จ.นครปฐม เจ้าของที่ดินถมสูงเตรียมวางบล็อกคอนกรีตกั้นดิน จ.ระยอง ไฟไหม้โรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่

ทำแผนแท็กซี่ชิงปืนตำรวจยิงเจ้าของบ้านเช่า อ้างไม่พอใจถูกต่อว่าส่งเสียงดัง ตำรวจนำผู้ต้องหาขับรถแท็กซี่ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังก่อเหตุขับรถแท็กซี่ชนตำรวจจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนชิงปืนไปยิงสามีภรรยา