Home
|
เว็บพ🎧น🐢ันแจกเครดิตฟรี😂ไม👌👊🤚🔛่📸ต้องฝาก 20🧚‍♀️19

เว็บพนันแจกเครดิตฟรีไม่ต้องฝาก 2019ชาวอ่างทองปร🍔😀ะท้วงไม🎖️่🎨ให้เปิดคันกั้นน้ำ หวั่🏀🎽นน🥩้ำท่วม

เว็บพ🎧น🐢ันแจกเครดิตฟรี😂ไม👌👊🤚🔛่📸ต้องฝาก 20🧚‍♀️19

จากกรณีที่พบว่าเยาวชนมักประสบปัญหาเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ไปจนถึงมีความเสี่ยงที่จะไปเกี่ยวข้องหรือได้รับผ🎨ลกระทบจากปัญหาอาชญากรรมด้านต่าง ๆ ส่วนหนึ่งพบว่า เยาวชนเหล่านี้บางส่วนอยู่ในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ โดยพ่อแม่ต้องออกไปแสวงหาโอกาสและทำงานในต่างพื้นที่เพื่อส่งรายได้กลับมาจุนเจือครอบครัว โดยปล่อยให้บุตรต้องอยู่กับปู่ย่าตายาย หรือที่เรียกว่า "ครอบครัวแหว่งกลาง" ผศ.ดร.ธัญมัชฌ สรุงบุญมี​​ หัวหน้าสาขาวิเว็บพนันแจกเครดิตฟรีไม่ต้องฝาก 2019ชาเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หนึ่งในทีมวิจัย เรื่อง บทบาทของสภาพครัวเรือนต่อการพัฒนาคุณภาพกำลังแรงงานในอนาคต ในชุดโครงการ พัฒนาองค์ความรู้และนโยบายเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือนไทย สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) โดยระบุว่า ครอบครัวที่พ่อแม่ต้องออกไปทำงานต่างพื้นที่และให้ปู่ย่าตายายเลี้ยงดูลูก หรือ ที่เรียกว่า "ครอบครัวแหว่งกลาง" นั้น ข้อดี คือ ช่วยในการบริหารทรัพยากรหารายได้ให้ครัวเรือนในการดูแลบุตร โดยส่วนมากจะช่วยดูแลเด็กในช่วงอายุ 0-5 ปี แต่ข้อเสียก็มี เนื่องจากปู่ย่าตายายอาจไม่มีพละกำลังเพียงพอในกา🐉รดูแลเด็ก เพราะอายุมาก รวมถึงการพูดคุยมีปฏิสัมพันธ์อาจจะน้อยกว่าพ่อแม่ที่อยู่ในวัยหนุ่มสาว ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อพัฒนาการในเด็ก รวมถึงความรู้ในการเลี้ยงดูเด็กอา🥗จไม่ได้อัปเดต หรืออาจไม่เหมาะกับยุคสมัย และปู่ย่าตายายเหล่านี้อาจไม่รู้เท่าทันเทคโนโลยีของเด็กในยุคนี้ นอกจากนี้ยังพบว่า เด็กที่อยู่ครอบครัวแหว่งกลางระดับการศึกษาสุดท้าย จะต่ำกว่าเด็กที่อยู่กับพ่อแม่ โดยเฉลี่ย 1 - 1 ปี ครึ่ง เช่น เด็กที่อยู่กับครอบครัวอาจจะจบชั้น ม.6 แต่เด็กที่ครอบครัวแหว่งกลางจบการเรียนชั้นสุดท้ายที่ ม.4 หรือ ม.5 แต่ก็ยังมีหลายตัวแปรที่ส่งผลต่อการสำเร็จการศึกษาของเด็กในครอบครัวแหว่งกลางเหล่านี้ สอดคล้องกับข้อมูล จากโครงการวิจัย การศึกษาสภาพปัญหาและแนวทางการแก้ไขปัญหาในครอบครัวแหว่งกลาง โดยใช้ครอบครัวและชุมชนเป็นฐาน โดย สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 6 สำนักงานปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยอ้างอิง กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย  ได้กล่าวถึง ผลกระทบทางจิตสังคมของครอบครัวข้ามรุ่นทั้งในเชิงบวกและเชิงลบ ผลกระทบเ🎈ชิงบวก คือ ปู่ย่าตายายมีสุขภาพดีขึ้น การได้เลี้ยงดูหลานจะส่งผลสุขภาพโดยรวม อาทิ ภาวะซึมเศร้าน้อยกว่า และมีความพอใจในชีวิตสูงว่ากลุ่มที่ไม่มีหน้าที่ดูแลหลาน และยิ่งปู่ย่าตายายได้ดูแลหลานนานขึ้นเท่าไหร่ ผลในเชิงบวกเหล่านี้ยิ่งเด่นชัดมากขึ้น  ฐานะทางเศรษฐกิจดีขึ้นจากการที่บิดามารดาเด็กส่งเงินกลับมาให้ปู่ย่าย ผลกระทบเชิงลบ คือ ความผูกพันระหว่างเด็กกับพ่อแม่ กล่าวคือ เด็กที่ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่มีแนวโน้มที่จะไม่สามารถผูกพันแน่นแฟ้นกับพ่อแม่เมื่อเทียบกับเด็กที่ได้อยู่ร่วมกันพร้อมหน้า นอกจากนี้ เด็กอาจต้องรับผิดชอบดูแลปู่ย่าตายาย วัยชรา รวมถึงมีช่องว่างระหว่างวัย อาจทำให้การสื่อสารแบบเปิดใจในเรื่องสำคัญต่าง ๆ อาทิ การเริ่มเป็นหนุ่มสาว และเรื่องเพศ เป็นเรื่องที่ยากลำบากหรือต้องห้าม พัฒนาการและการศึกษาต่อ เนื่องจากเด็กเหล่านี้ มีโอกาสเรียนต่อระดับมัธยมศึกษาน้อยกว่า พัฒนาการของเด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูโดยปู่ย่าตายายนั้นมีโอกาสด้อยกว่าเด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูโดยบิดามารดา และเด็กวัยเรียนที่อยู่ในครอบครัวที่มีสมาชิกเป็นผู้ย้ายถิ่น นอกจากนี้ งานวิจัยดังกล่าว ยังชี้ให้เห็นถึงความต้องการของครอบครัวแหว่งกลาง ใน 6 ด้าน ได้แก่ 1.รัฐควรมีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนให้การเกิดและการเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ เนื่องจากอัตราการเกิดคุณภาพมีต่ำเกินไป จะทำให้ขาดดุลทางโครงสร้างประชากรในอนาคต อาทิ การลดหย่อนภาษีรายได้สำหรับผู้มีบุตรในอัตราก้าวหน้าและแม่ที่ต้องทำงาน หรือสวัสดิการช่วยเหลือการมีบุตร 2.การสนับสนุนสถานรับดูแลเด็กก่อนวัยเรียนที่มีมาตรฐาน เพื่อลดความลำบากของพ่อแม่ที่ต😀้องเลี้ยงดูบุตรระหว่างออกเดินทางไปทำงาน 3.รัฐบาลควรสนับสนุนรณรงค์ให้ครอบครัวมีบุตรเมื่อมีความพร้อม เพื่อลดปัญหาจำนวนบุตร 4.ภาครัฐควรส่งเริ่มภาคเอกชนให้สนับสนุนการทำรทำงานแบบ Work Life Balanced เน้นประสิทธิภาพมากกว่าเวลาในการทำงาน เพื่อให้แรงงานสามารถจัดสรรเวลาในการดูแลบุตรหรือผู้สูงอายุได้ 5.ชุมชน ภาครัฐ (โดยเฉพาะ อปท. หน่วยงานระดับพื้นที่) รวมถึงภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการส่งเสริมและช่วยดูแลผู้สูงอายุ และให้ความรู้ในด้านการรักษาสุขภาพ รวมถึงสุขอนามัย เพื่อการดูแลเด็กให้มีคุณภาพ และ 6.รัฐควรกระจายความเจริญไปยังห้องถิ่นให้มากขึ้น เพื่อเริ่มการมีงานทำในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ยังพบว่า จากข้อมูลการวิจัยดังกล่าวยังพบว่า ปรากฏการณ์ครอบครัวแบบใหม่ที่เรียกว่า "ครอบครัวแหว่งกลาง" จากรายงานสถานการณ์ประชากรไทย พ.ศ.2558  มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากจำนวน 100,000 ครอบครัว ในปี พ.ศ.2530 เพิ่มขึ้นเป็น 📺400,000 ครอบครัว ในปี พ.ศ.2556 โดยส่วนใหญ่ร้อยละ 76 อยู่ในชนบท ในจำนวนนี้เกือบครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 47 อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีหัวหน้าครอบครัวเป็นผู้หญิงร้อยละ 90 มากกว่า มากกว่าครึ่งอายุ 60 ปีขึ้นไป และ ที่มีอายุ 80 ปีขึ้นไปก็เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4 ในปี พ.ศ.2530 เพิ่มขึ้นเป็น 8% ในปี พ.ศ.2556 ทั้งนี้ ภาครัฐได้ตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ดังจะเห็นได้จากยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ.2561 - 2580) และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ.2566 - 2570) ที่มุ่งเน้นการพัฒนาทุนมนุษย์ สร้างโอกาสความเท่าเทียมและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม แผนยุทธศาสตร์กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ระยะ 5 ปี (พ.ศ.ศ.2565 -2570) และแผนปฏิบัติการด้านครอบครัว พ.ศ. 2566 - 2570 มุ่งเน้นส่งเสริมและพัฒนาสถาบันครอบครัวให้มีความเข้มแข็ง มีหลักประกันที่มั่นคง ขจัดความรุนแรงในครอบครัว และส่งเสริมให้สมาชิกในครอบครัวมีสุขภาวะ และสัมพันธภาพที่ดี อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องหาแนวทางการส่งเสริม