วันนี้ (18 ธ.ค.2566) เวลา 09.00 น ที่ห้องพิจารณา 701 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีกลุ่
อีก 2 สัปดาห์ จะถึงวันเลือกตั้ง ส.ส. 14 พฤษภาคม 2566 “ชลบุรี” เป็นหนึ่งในจังหวัดที่การต่อสู้ร้อนแรง ไทยพีบีเอส พูดคุยกับ “รศ.โอฬาร ถิ่นบางเตียวตรวจ รางวัล วัน ที่ 2 พฤษภาคม” อาจารย์คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบ
อีก 2 สัปดาห์ จะถึงวันเลือกตั้ง ส.ส❤️. 14 พฤษภาคม 2566 “ชลบุรี” เป็นหนึ่งในจังหวัดที่การต่อสู้ร้อนแรง ไทยพีบีเอส พูดคุยกับ “รศ.โอฬาร ถิ่นบางเตียวตรวจ รางวัล วัน ที่ 2 พฤษภาคม” อาจารย์คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา นักวิชาการที่คร่ำวอดกับการเมืองชลบุรีมากกว่า 20 ปี ถึงศึกเดือดสนามเลือกตั้งชลบุรีครั้งนี้ รศ.โอฬาร : การเลือกตั้งครั้งนี้ มันไม่ใช่แค่การเลือกตั้งระดับชาติ แต่เป็น "สงครามการเมือง" สงครามการเมืองในเชิงศักดิ์ศรี เพราะการเมืองชลบุรีเกิดการเปลี่ยนแปลงหลังจากการเสียชีวิตของ "กำนันเป๊าะ" (นายสมชาย คุณปลื้ม) สถานะของบ้านใหญ่ ไม่มีทางมั่นคงแบบเดิมอีก เพราะมีกลุ่มการเมืองใหม่เกิดขึ้น ถ้าเรามองว่า เป็นสถานการณ์การเมืองระดับชาติ ก็คือเป็นการสู้กันระหว่างเพื่อไทย, พลังประชารัฐ, รวมไทยสร้างชาติและพรรคก้าวไกล นั่นคือสิ่งที่รับรู้ ในการเมืองระดับชาติ แต่การเมืองที่ซ่อนและซ้อนอยู่ด้วยกัน คือ “การเมืองของตัวบุคคล” ที่ผ่านขั้วการเมือง ซึ่งเกิดขึ้นหลังการแตกตัวกัน ของบ้านใหญ่ 3 - 4 กลุ่ม เป็นรายบุคคล เป็นรายกลุ่มที่จะปะทะกันอย่างเข้มข้นหลังจากนี้ รศ.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา รศ.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา รศ.โอฬาร : เท่าที่ติดตามการเมือง การเลือกตั้งชลบุรีมาตั้งแต่ปี 2543 ผมคิดว่าการเลือกตั้ง ส.ส.ปีนี้ (2566) น่าจะเป็นการต่อสู้ที่เข้มข้นที่สุดในรอบ 20 ปี เพราะว่าก่อนหน้านี้ การเลือกตั้งแต่ละครั้งบ้านใหญ่มีความได้เปรียบหมด ไม่ว่าจะกลไกอำนาจ กลไกตัวบุคคล มันประเมินได้ตั้งแต่ต้นว่า ผู้ที่จะชนะก็คือ “บ้านใหญ่” แต่สมรภูมิครั้งนี้มันไม่เหมือนเดิม กลุ่มนี้เราอาจจะเรียกว่าคนรุ่นใหม่ หรือ คนชั้นกลาง ที่สามารถดูแลตัวเองได้ในทางเศรษฐกิจและการเมือง คนเหล่านี้เป็นคนชลบุรีเช่นเดียวกับคนที่เคยอยู่มาก่อนหน้านี้ แต่คนเหล่านี้อยากจะเห็นภาพการเมืองอีกแบบหนึ่ง แต่การเมืองเองต่างหากที่ยังไม่ค่อยเปลี่ยน รศ.โอฬาร : ผมให้น้ำหนักที่ “เขต 1” ( อ.เมือง) เพราะเขต 1 เป็นเขตบ้านเกิด เป็นมาตุภูมิของบ้านใหญ่ ( นายสนธยา) และ บ้านใหม่ ( นายสุชาติ) แต่ถามว่าจะประนีประนอมกันได้ไหม สำหรับผมคนที่ติดตามการเมือง คิดว่ามีโอกาส แต่ต้องมีคนเชื่อมและคนๆ นั้น ต้องมีบารมีมากพอที่คนทั้งสองคนนี้ต้องมีอยู่ในใจ แต่ถึงวันนี้ยังไม่มี เมื่อยังไม่มี ดังนั้นการแข่งขันใน เขต 1 นี้จึงสำคัญจึงสำคัญมากเพราะมันเป็นบ้านของทั้ง 2 ท่าน และแม้ว่าตอนนี้ คนที่ส่งลงมาแข่งในเขต 1 ไม่ใช่ตัวจริงทั้งคู่ แต่มันมีนัยยะมากเช่น ผู้สมัครเขต 1 สุภีพันธุ์ เพื่อไทย – ณภัสนันท์ รทชส. ผู้สมัครเขต 1 สุภีพันธุ์ เพื่อไทย – ณภัสนันท์ รทชส. ซึ่งฝั่งบ้านใหญ่ ส่ง น.ส.สุภีพันธุ์ หอมหวล หรือ “สจ.แอ้” ซึ่งคนทั่วไปอาจสงสัยว่า ทำไมบ้านใหญ่จึงส่ง สจ.แอ้ แต่เพราะ สจ.แอ้ เป็นคนรุ่นใหม่ และยังเป็นลูกสาวของนายภาสกร หอมหวล หรือ “ส.ท.เหี่ยว” นายภาสกร หอมหวล มือขวาของ “กำนันเป๊าะ” (นายสมชาย คุณปลื้ม ผู้กว้างขวางของชลบุรี และภาคตะวันออก) ด้วย สท✨.เหี่ยว มือขวากำนันเป๊าะ ช่วย สจ.แอ้ หาเสียง สท.เหี่ยว มือขวากำนันเป๊าะ ช่วย สจ.แอ้ หาเสียง📚 ซึ่ง “ส.ท.เหี่ยว” คนนี้ สำคัญมาก เพราะเป็นคีย์แมนคนสำคัญของกลุ่มบ้านใหญ่ที่คอยดูแลงานการเมือง ดูแลเครือข่ายประชาชนของบ้านใหญ่มาตลอด ประสบการณ์ทางการเมืองของเขามีมาก และเติบโตมาพร้อมกับกำนันเป๊าะ ซึ่งการมีเครือข่ายเยอะมาก ผมคิดว่านี่จึงเป็นการตัดสินใจส่ง สจ.แอ้ ลง และอีกด้านหนึ่งถ้าดูที่เขต 1 นี้ คู่แข่งก่อนหน้านี้ก็คือ รัฐมนตรีสุชาติ ซึ่งคุณสุชาติอาจมองว่า นี่ก็คือบ้านเกิด เขาแพ้ไม่ได้ แต่ถ้าเขาแพ้ภาพลักษณ์คือแพ้เด็ก (สจ.แอ้) เขาจึงก็ต้องเรียกร้องให้นายสนธยา ลงมาแข่งกับเขาที่เขตนี้ ซึ่งก็มองว่าเขาใจกล้า และถ้านายสุชาติ เอาชนะนายสนธยาในเขตนี้ได้ จะทำให้ภาพลักษณ์ของบ้านใหญ่เสียอำนาจ แต่สุดท้ายแล้ว นายสนธยาจึงไม่ได้ออกมาลงสมัคร ยังรวมถึงการทำงานระยะยาวทางการเมือง เขารู้ว่าถ้าแพ้หมายถึงพลพรรคของเขา จะอยู่อย่างไรรวมถึงสถานะทางการเมืองของพรรครวมไทยสร้างชาติด้วย เขาก็มีสิทธิ์ที่ไม่น่าจะเสี่ยงลงไปสู้ จึงเลือกหันไปทางปาร์ตี้ลิสต์แทน อีกทั้ง 2 คน ยังมีเหตุผล ที่บอกว่าจำเป็นต้องดูแลพื้นที่ในภาพรวมทั้งภูมิภาคและทั้งประเทศ ของพรรค ซึ่งต่างมีเหตุผลที่รับฟังได้ทั้งคู่ ทางจึงต้องให้ลอง น ส.ณภัสนันท์ อรินทคุณวงษ์" (อดีตรองนายกเทศมนตรีตำบลเสม็ด) หรือ "แยม" น้องภรรยา นายสุชาติ ซึ่งเป็นนักการเมืองท้องถิ่นลงแทน และยังเป็นการเปิดตัวภายหลัง จากที่บ้านใหญ่ส่ง สจ.แอ้ ลง นายสุชาติ ช่วย ณภัสนันท์ น้องภรรยา หาเสียง นายสุชาติ ช่วย ณภัสนันท์ น้องภรรยา หาเสียง จึงเป็นการต่อสู้ระดับเขต ของสนามเลือกตั้งที่เข้มข้นมาก ซึ่งผลเลือกตั้ง ไม่ใช่แค่ชนะข้างใดข้างหนึ่งแต่เป็นภาพลักษณ์ของกลุ่ม ของตระกูล ของมุ้งการเมือง รศ.โอฬาร : นี่คือระยะเปลี่ยนผ่านสำคัญ อย่างที่บอกว่า เป็นการเมืองเชิงซ้อนไม่ใช่แค่การเลือกตั้งระดับชาติ แต่มันหมายถึงการรักษาสถานะทางการเมืองในท้องถิ่น เพราะว่าอย่างที่บอกต่างฝ่ายต่างมองไปไกลทั้งสิ้น โดยเฉพาะกลุ่มบ้านใหญ่ ต้องการปิดเกมนายสุชาติให้ได้ เพราะรู้ว่าถ้าให้นายสุชาติชนะเพียง 3-4 ที่นั่ง นายส💻ุชาติจะได้โอกาสยึดกุมพื้นที่ระยะยาว ถ้านายสุชาติ ชนะ 3-4 ที่นั่ง ก็จะเกิดการดูดนักการเมืองในพื้นที่มาอยู่ใน “ซุ้มพลังใหม่” พอมาถึงจุดนั้น ก็คือการวางฐานเสียง ต้องขยายพื้นที่ทางการเมือง แปลว่าต่อไปถ้ามีการเลือกตั้งกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน, การเลือกตั้ง อบต., การเลือกตั้งนายกเทศมนตรี ไปจนถึงการเลือกตั้งนายก อบจ. ถ้านายสุชาติ ส่งคนตัวเองลงหมด จะยิ่งทำให้กลุ่มบ้านใหญ่ลำบาก และถ้ากลุ่มซุ้มใหม่ชนะ กลุ่มบ้านใหญ่ยิ่งลำบากอีก เพราะความสัมพันธ์จริงๆ ระหว่างการเมืองท้องถิ่นกับการเมืองระดับชาติ มันมีความสัมพันธ์กันอย่างแนบแน่น ถ้ายึดกุมหัวหาดการเมืองท้องถิ่นได้ มันคือความลำบากเกิดขึ้นแล้ว ในทางกลับกัน ถ้ากลุ่มบ้านใหญ่ของคุณสนธยา ชนะเลือกตั้ง กลุ่มบ้านใหม่ของรัฐมนตรีสุชาติแพ้ ก็จะส่งผลให้กลุ่มบ้านใหญ่สามารถกลับมารักษาสถานะทางการเมือง และอาจจะรื้อฟื้นความยิ่งใหญ่กลับให้เหมือนเดิม ถึงขั้นอาจต้องมีการถอดบทเรียนถอดโครงสร้างปร🎃ากฏการณ์ที่เกิดขึ้น หรือวางเครือข่ายใหม่ การเลือกตั้งครั้งนี้ของ จ.ชลบุรี จึงเป็นความต่อเนื่อง เป็นมหากาพย์การเลือกตั้งของเมืองชลฯ อย่าลืมนะ อีก 2 ปี ก็จะมีการเลือกตั้ง นายก อบจ. มันไวมากนะ หลังจากนั้นก็จะตามมาด้วยการเลือกตั้งนายกเทศมนตรี กับ นายก อบต. ซึ่ง Timeline แต่ละการเลือกตั้ง มันสั้นนิดเดียวเอง ฉะนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ว่าจะฝ่ายใดมันแพ้ไม่ได้เลย รศ.โอฬาร : ถ้าใส่กันเต็มที่นะ ทุกคนทุกฝ่ายก็บอกว่าแลนด์สไลด์ทั้ง 10 เขต ต้องปิดเกมอีกฝ่ายให้ได้ ฝั่งบ้านใหญ่คุณสนธยา ก็บอกต้องปิดเกมรัฐมนตรีสุชาติให้ได้ ฝั่งรัฐมนตรีสุชาติ ก็บอกว่าต้อง 10 เขตเหมือนกันเพื่อปิดเกม “ตระกูลคุณปลื้ม” เพราะการเมืองในพื้นที่ ไม่ใช่แค่กระแสพรรคใดพรรคหนึ่ง มันมีองค์ประกอบมีตัวแปรค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะเรื่องเครือข่ายความนิยมชมชอบ หรือคะแนนจัดตั้ง ซึ่งล้วนเป็นตัวแปรทั้งสิ้น มันอาจจะไม่ง่ายที่ขั้วใดขั้วหนึ่งจะได้คะแนนแบบแลนด์สไลด์ทั้ง 10 เขต หรือจะได้ถึง 7-8 ที่นั่ง ผู้สมัคร ส.ส. พรรคเพื่อไทย ทั้ง 10 เขต ผู้สมัคร ส.ส. พรรคเพื่อไทย ทั้ง 10 เขต ผมคิดว่า พรรคเพื่อไทย บ้านใหญ่ ได้เยอะที่สุดก็ 5-6 ที่นั่ง เพราะเพราะมองจากกระแสพรรคเพื่อไทย ที่ต้องยอมรับว่ากระแสเพื่อไทย มีความได้เปรียบ ผู้สมัคร ส.ส. พรรครวมไทยสร้างชาติ ทั้ง 10 เขต ผู้สมัคร ส.ส. พรรครวมไทยสร้างชาติ ทั้ง 10 เขต ลำดับต่อมาต้องปฏิเสธไม่ได้ว่า ตัวบุคคลที่ลงสมัคร ของทีมรัฐมนตรีสุชาติ มีความน่าสนใจ เป็นบุคคลที่มีคะแนนจัดตั้ง มีเครือข่าย มีต้นทุนในพื้นที่เยอะในหลายเขต 5-6 ที่นั่งเช่นเดียวกัน ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล ทั้ง 10 เขต ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล ทั้ง 10 เขต ต่อมาดูในส่วนของพรรคก้าวไกล ซึ่งก้าวไกลเองประเมินว่าจะได้ 4-5 ที่นั่ง แต่จะได้หรือไม่ ก็ต้องรอดูในวันเลือกตั้ง แต่ถ้าดูก้าวไกล แล้วมองตลาดการเมืองชลบุรี ก็ถือว่าเขามีตลาดของเขาเพราะเมืองชล แม้เป็นการเมืองที่ผูกขาดอยู่ในกลุ่มการเมือง แต่สนามตลาดก็เปลี่ยนไปแล้ว มีชนชั้นกลางเกิดขึ้นจำนวนมาก คนเหล่านี้มีการศึกษา มีฐานะทางเศรษฐกิจ และเป็นคนที่พึ่งพาตัวเองได้ มีฐานะเป็นพลเมือง คนเมืองชลไม่ชอบภาพจำ การเมืองแบบเดิมที่ต้องอยู่กับขั้วใดขั้วหนึ่ง ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นการเมืองที่เขาต้องการ ซึ่งคนกลุ่มนี้ผมคิดว่าเป็นฐานคะแนนของก้าวไกล ที่อยากเห็นการเมืองที่อยู่ในสามัญสำนึกอยู่ในความคิด อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง เพราะเขาเสียภาษีเยอะด้วย ถ้าดู มันไม่ได้เกิดจากการจินตนาการอย่างเลื่อนลอย ผู้สมัคร ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ ทั้ง 10 เขต ผู้สมัคร ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ ทั้ง 10 เขต ขณะเดียวกันพรรคพลังประชารัฐที่ดูเหมือนว่าตอนนี้จะไม่มีกระแส แต่ถ้าดูในเขต 2 นับว่าเขตนี้น่าสนใจ ก็น่าจับตาจะได้เก้าอี้ในเขตนี้ รศ.โอฬาร : สำหรับผมคนท🏉🤺⛹️♂️ั่วไปมองว่าบ้านใหญ่แข่งกับบ้านใหม่ เพราะมองจากกระแส แต่ผมมองว่ามันไม่ใช่ เพราะกำลังสู้กัน 3 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มอำนาจเดิม 2.กลุ่มอำนาจใหม่ และ 3.ขั้วอนาคตที่มันโตขึ้นมาอย่างมีนัยยะสำคัญ ภัทราพร ตั๊นงาม รายงาน
วันนี้ (24 มี.ค.2566) นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลกเขต 1 และ อดีต ส.ส.พรรคก้าวไกล ให้ความเห็นกับผู้สื่อข่าวว่ามีความเป็นห่วงว่าการเลือกตั้งที่กำลังจะถึงนี้จะมีประชาชนจำนวนมากเสียสิ