วันนี้ (5 มิ.ย.2564) สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธ

ระดมสมองปฏิรูปการจัดเก็บฐานข้อมูลคนพิการ จัดระดับความช่วยเหลือ จากการเก็บข้อมูลตามสภาพความพิการ เป็นเก็บข้อมูลตามสมรรถนะ และความสามารถของคนพิการในรูปแบบ ICF ชี้ข้อมูลจะเป็นประโยชน์และตรงตามความต้องการ
วันที่ 27 มี.ค.2565 น.ส.มัชฌมณ แก้วพฤหัสชัย หัวหน้าศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 2 (กระบกคู่) เปิดเผยความคืบหน้าการเฝ้าติดตามและรักษาอาการบาดเจ็บของช้างป่า "พลายโค้ก" บริเวณพื้นที่ข้างโรงเรียนบ้านคลองยา
ระดมสมองปฏิรูปการจัดเก็บฐานข้อมูลคนพิการ จัดระดับความช่วยเหลือ จากการเก็บข้อมูลตามสภาพความพิการ เป็นเก็บข้อมูลตามสมรรถนะ และความสามารถของคนพิการในรูปแบบ ICF ชี้ข้อมูลจะเป็นประโยชน์และตรงตามความต้องการของคนพิการมากที่สุด ระดมสมองปฏิรูปการจัดเก็บฐานข้อมูลคนพิการ จัดระดับความช่วยเหลือ สถาบันสร้างเสริมสุขภาพคนพิการ (สสพ.) ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยสารคาม จัดประชุมเพื่อชี้แจงผลการดำเนินงานพัฒนาระบบฐานข้อมูลคนพิการโดยใช้รหัส ICF โดยมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม พญ.ศิรินาถ ดงศิริ นักวิจัยโครงการสำรวจความพิการในจังหวัดนครพนม รหัส ICF กล่าวว่า การเก็บข้อมูลคนพิการโดยใช้รหัส ICF คือการเก็บข้อมูลคนพิการทั้งในส่วนของลักษณะความพิการ และสมรรถนะของคนพิการ ซึ่งการเก็บข้อมูลโดยใช้รหัส ICF นั้น จะทำให้หน่วยงานที่ทำงานเกี่ยวข้องกับคนพิการสามารถกำหนดเป้าหมายหรือชี้เป้าของความพิการได้ถูกต้อง ว่าคนพิการที่เราลงเก็บข้อมูลนั้นต้องการการฟื้นฟูสมรรถภาพอะไรบ้าง ทั้งนี้ข้อมูลที่ได้นั้นจะสามารถนำไปใช้ในการวางแผนฟื้นฟูสมรรถภาพที่ตรงกับความพิการของคนพิการมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่นหากมีคนพิการขาดขาด 1 ข้างจำนวน10 คนในพื้นที่ ตามการบันทึกและจัดทำฐานข้อมูลของคนพิการในรูปแบบปรกติ จะบันทึกข้อมูลว่าคนพิการเหล่านี้นั้นนั้นเป็นคนพิการทางการเคลื่อนไหว 10 คน เมื่อจัดของบประมาณก็จะจัดของบประมาณสำหรับขาเทียม 10 ข้าง แต่หากจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบรหัส ICF จะบันทึกข้อมูลหลังจากที่คนพิการได้ขาเทียมไปแล้วว่าสมรรถนะของคนพิการหลังจากได้ขาเทียมไปแล้วดีขึ้นมากน้อยแค่ไหนอย่างไร ซึ่งข้อมูลของรหัส ICF นั้นจะช่วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับคนพิการวางแผนและประเมินผลการฟื้นฟูสมรรถภาพได้อย่างถูกต้องตรงกับความเป็นจริงด้วย นักวิจัยโครงการสำรวจความพิการในจังหวัดนครพนมโดยใช้รหัส ICF กล่าวว่า การเก็บข้อมูลคนพิการโดยใช้รหัส ICF จะแบ่งความรุนแรงของความพิการในการเก็บข้อมูลออกเป็น 5 ระดับคือ 0 หมายถึงไม่มีความผิดปรกติหรือมีความพิการเลย ระดับ 1 คือมีความผิดปรกติหรือมีความพิการน้อย ระดับ 2 คือมีความผิดปรกติหรือมีความพิการปานกลาง ระดับ 3 มีความผิดปรกติหรือมีความพิการมาก ระดับ 4 คือมีความพิการมากที่สุด โดยการลงเก็บข้อมูลรหัส ICF ก็จะจัดแบ่งเป็นโค้ดตามสมรรถนะของการใช้ชีวิตประจำวันด้วยเช่น การมองเห็นถูกจัดแบ่งเป็นโค้ด b210 การได้ยินจะเป็นโค้ด d310 การสื่อสารแบ่งเป็นโค้ด d315 และโค้ดอื่นๆ อีกตามการดำรงชีวิตของคนพิการในแต่ละวัน ที่ประชุมได้มีการนำเสนอสถิติการสำรวจความพิการในจังหวัดนครพนมโดยใช้รหัส ICF ในเบื้องต้น 1,007 คน จำแนกตามประเภทของผู้ที่มีความบกพร่องทางด้านร่างกายพบว่ามีคนพิการจำนวน 45 คนที่มีความบกพร่องทางการมองเห็นในขั้นรุนแรงระดับ 4 และมีคนพิการจำนวน 61 คน ที่มีความบกพร่องทางการได้ยินระดับ 4 ทั้งนี้มีคนพิการที่มีความบกพร่องทางการพูด 76 คน บกพร่องทางการสื่อสาร 38 คน บกพร่องทางการเดิน 89 คน และบกพร่องทางการจำ 143 คน ที่รุนแรงมากสุดในระดับ 4 ส่วนการจำแวิเคราะห์ บอล โปรแกรม บอล วัน นี้ วิเคราะห์นกตามความสามารถด้านการทำกิจวัตรประจำวัน พบว่ามีคนพิการที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้จากการปัสสาวะ 44 คน อุจจาระ 43 คน รับประทานอาหาร 37 คน แต่งตัว 50 คน เคลื่อนที่ในบ้าน 36 คน ขึ้นลงบันได 59 คน เคลื่อนที่นอกบ้าน 67 คน ซึ่งทั้งหมดถูกจัดให้อยู่ในระดับ 4 ซึ่งเป็นคนพิการที่ความความพิการมากที่สุดที่รัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามาดูแลและช่วยเหลือให้ตรงจุด ด้านพญ.วัชรา ริ้วไพบูลย์ ผู้อำนวยการสถาบันสร้างเสริมสุขภาพคนพิการ (สสพ.)กล่าวว่า การประชุมที่เราจัดทำขึ้นในครั้งนี้นั้นก็เพื่อนำเสนอโมเดล หรือต้นแบบในการจัดเก็บข้อมูลสำหรับคนพิการให้มีประสิทธิภาพและช่วยเหลือคนพิการได้ตรงจุดมากขึ้น เพราที่ผ่านมาการเก็บข้อมูลของคนพิการจะเป็นการเก็บข้อมูลเฉพาะความพิการ แต่การเก็บข้อมูลในรูปแบบ ICF นี้จะเป็นการจัดทำฐานข้อมูลคนพิการในรูปแบบใหม่ที่จะเก็บข้อมูลเรื่องสมรรถนะและความสามารถของคนพิการร่วมกับการเก็บข้อมูลตามลักษณะของความพิการ การเก็บข้อมูล ICF นี้ยังรวมไปถึงการเก็บข้อมูลในเรื่องความสามารถในการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวัน และข้อมูลสิ่งแวดล้อมด้านอื่นๆ ที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตของคนพิการด้วย ซึ่งหากมีการปรับระบบฐานข้อมูลของคนพิการเป็นรูปแบบ ICF ทั้งหมดหน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้องจะสามารถนำข้อมูลนี้ไปประสานกับหน่วยงานหลักในการฟื้นฟูคนพิการ จะเป็นประโยชน์ทั้งในด้านการจัดสรรงบประมาณที่เหมาะสมและตรงตามความต้องการของคนพิการได้ สถาบันสร้างเสริมสุขภาพคนพิการ (สสพ.) ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยสารคาม จัดประชุมเพื่อชี้แจงผลการดำเนินงานพัฒนาระบบฐานข้อมูลคนพิการโดยใช้รหัส ICF โดยมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม พญ.ศิรินาถ ดงศิริ นักวิจัยโครงการสำรวจความพิการในจังหวัดนครพนม รหัส ICF กล่าวว่า การเก็บข้อมูลคนพิการโดยใช้รหัส ICF คือการเก็บข้อมูลคนพิการทั้งในส่วนของลักษณะความพิการ และสมรรถนะของคนพิการ ซึ่งการเก็บข้อมูลโดยใช้รหัส ICF นั้น จะทำให้หน่วยงานที่ทำงานเกี่ยวข้องกับคนพิการสามารถกำหนดเป้าหมายหรือชี้เป้าของความพิการได้ถูกต้อง ว่าคนพิการที่เราลงเก็บข้อมูลนั้นต้องการการฟื้นฟูสมรรถภาพอะไรบ้าง ทั้งนี้ข้อมูลที่ได้นั้นจะสามารถนำไปใช้ในการวางแผนฟื้นฟูสมรรถภาพที่ตรงกับความพิการของคนพิการมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่นหากมีคนพิการขาดขาด 1 ข้างจำนวน10 คนในพื้นที่ ตามการบันทึกและจัดทำฐานข้อมูลของคนพิการในรูปแบบปรกติ จะบันทึกข้อมูลว่าคนพิการเหล่านี้นั้นนั้นเป็นคนพิการทางการเคลื่อนไหว 10 คน เมื่อจัดของบประมาณก็จะจัดของบประมาณสำหรับขาเทียม 10 ข้าง แต่หากจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบรหัส ICF จะบันทึกข้อมูลหลังจากที่คนพิการได้ขาเทียมไปแล้วว่าสมรรถนะของคนพิการหลังจากได้ขาเทียมไปแล้วดีขึ้นมากน้อยแค่ไหนอย่างไร ซึ่งข้อมูลของรหัส ICF นั้นจะช่วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับคนพิการวางแผนและประเมินผลการฟื้นฟูสมรรถภาพได้อย่างถูกต้องตรงกับความเป็นจริงด้วย นักวิจัยโครงการสำรวจความพิการในจังหวัดนครพนมโดยใช้รหัส ICF กล่าวว่า การเก็บข้อมูลคนพิการโดยใช้รหัส ICF จะแบ่งความรุนแรงของความพิการในการเก็บข้อมูลออกเป็น 5 ระดับคือ 0 หมายถึงไม่มีความผิดปรกติหรือมีความพิการเลย ระดับ 1 คือมีความผิดปรกติหรือมีความพิการน้อย ระดับ 2 คือมีความผิดปรกติหรือมีความพิการปานกลาง ระดับ 3 มีความผิดปรกติหรือมีความพิการมาก ระดับ 4 คือมีความพิการมากที่สุด โดยการลงเก็บข้อมูลรหัส ICF ก็จะจัดแบ่งเป็นโค้ดตามสมรรถนะของการใช้ชีวิตประจำวันด้วยเช่น การมองเห็นถูกจัดแบ่งเป็นโค้ด b210 การได้ยินจะเป็นโค้ด d310 การสื่อสารแบ่งเป็นโค้ด d315 และโค้ดอื่นๆ อีกตามการดำรงชีวิตของคนพิการในแต่ละวัน ที่ประชุมได้มีการนำเสนอสถิติการสำรวจความพิการในจังหวัดนครพนมโดยใช้รหัส ICF ในเบื้องต้น 1,007 คน จำแนกตามประเภทของผู้ที่มีความบกพร่องทางด้านร่างกายพบว่ามีคนพิการจำนวน 45 คนที่มีความบกพร่องทางการมองเห็นในขั้นรุนแรงระดับ 4 และมีคนพิการจำนวน 61 คน ที่มีความบกพร่องทางการได้ยินระดับ 4 ทั้งนี้มีคนพิการที่มีความบกพร่องทางการพูด 76 คน บกพร่องทางการสื่อสาร 38 คน บกพร่องทางการเดิน 89 คน และบกพร่องทางการจำ 143 คน ที่รุนแรงมากสุดในระดับ 4 ส่วนการจำแนกตามความสามารถด้านการทำกิจวัตรประจำวัน พบว่ามีคนพิการที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้จากการปัสสาวะ 44 คน อุจจาระ 43 คน รับประทานอาหาร 37 คน แต่งตัว 50 คน เคลื่อนที่ในบ้าน 36 คน ขึ้นลงบันได 59 คน เคลื่อนที่นอกบ้าน 67 คน ซึ่งทั้งหมดถูกจัดให้อยู่ในระดับ 4 ซึ่งเป็นคนพิการที่ความความพิการมากที่สุดที่รัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามาดูแลและช่วยเหลือให้ตรงจุด ด้านพญ.วัชรา ริ้วไพบูลย์ ผู้อำนวยการสถาบันสร้างเสริมสุขภาพคนพิการ (สสพ.)กล่าวว่า การประชุมที่เราจัดทำขึ้นในครั้งนี้นั้นก็เพื่อนำเสนอโมเดล หรือต้นแบบในการจัดเก็บข้อมูลสำหรับคนพิการให้มีประสิทธิภาพและช่วยเหลือคนพิการได้ตรงจุดมากขึ้น เพราที่ผ่านมาการเก็บข้อมูลของคนพิการจะเป็นการเก็บข้อมูลเฉพาะความพิการ แต่การเก็บข้อมูลในรูปแบบ ICF นี้จะเป็นการจัดทำฐานข้อมูลคนพิการในรูปแบบใหม่ที่จะเก็บข้อมูลเรื่องสมรรถนะและความสามารถของคนพิการร่วมกับการเก็บข้อมูลตามลักษณะของความพิการ การเก็บข้อมูล ICF นี้ยังรวมไปถึงการเก็บข้อมูลในเรื่องความสามารถในการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวัน และข้อมูลสิ่งแวดล้อมด้านอื่นๆ ที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตของคนพิการด้วย ซึ่งหากมีการปรับระบบฐานข้อมูลของคนพิการเป็นรูปแบบ ICF ทั้งหมดหน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้องจะสามารถนำข้อมูลนี้ไปประสานกับหน่วยงานหลักในการฟื้นฟูคนพิการ จะเป็นประโยชน์ทั้งในด้านการจัดสรรงบประมาณที่เหมาะสมและตรงตามความต้องการของคนพิการได้
วันนี้ (7 ต.ค.2567) สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ออกประกาศเฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง ช่วงวันที่
วันนี้ ( 7 มิ.ย.2566) นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และคณะทำงานด้านสาธารณสุข พรรคก้า
แรงงานเมียนมาเป็นกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยมาอย่างยาวนาน
ระดมสมองปฏิรูปการจัดเก็บฐานข้อมูลคนพิการ จัดระดับความช่วยเหลือ จากการเก็บข้อมูลตามสภาพความพิการ เป็นเก็บข้อมูลตามสมรรถนะ และความสามารถของคนพิการในรูปแบบ ICF ชี้ข้อมูลจะเป็นประโยชน์และตรงตามความต้องการของคนพิการมากที่สุด ระดมสมองปฏิรูปการจัดเก็บฐานข้อมูลคนพิการ จัดระดับความช่วยเหลือ สถาบันสร้างเสริมสุขภาพคนพิการ (สสพ.) ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยสารคาม จัดประชุมเพื่อชี้แจงผลการดำเนินงานพัฒนาระบบฐานข้อมูลคนพิการโดยใช้รหัส ICF โดยมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม พญ.ศิรินาถ ดงศิริ นักวิจัยโครงการสำรวจความพิการในจังหวัดนครพนม รหัส ICF กล่าวว่า การเก็บข้อมูลคนพิการโดยใช้รหัส ICF คือการเก็บข้อมูลคนพิการทั้งในส่วนของลักษณะความพิการ และสมรรถนะของคนพิการ ซึ่งการเก็บข้อมูลโดยใช้รหัส ICF นั้น จะทำให้หน่วยงานที่ทำงานเกี่ยวข้องกับคนพิการสามารถกำหนดเป้าหมายหรือชี้เป้าของความพิการได้ถูกต้อง ว่าคนพิการที่เราลงเก็บข้อมูลนั้นต้องการการฟื้นฟูสมรรถภาพอะไรบ้าง ทั้งนี้ข้อมูลที่ได้นั้นจะสามารถนำไปใช้ในการวางแผนฟื้นฟูสมรรถภาพที่ตรงกับความพิการของคนพิการมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่นหากมีคนพิการขาดขาด 1 ข้างจำนวน10 คนในพื้นที่ ตามการบันทึกและจัดทำฐานข้อมูลของคนพิการในรูปแบบปรกติ จะบันทึกข้อมูลว่าคนพิการเหล่านี้นั้นนั้นเป็นคนพิการทางการเคลื่อนไหว 10 คน เมื่อจัดของบประมาณก็จะจัดของบประมาณสำหรับขาเทียม 10 ข้าง แต่หากจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบรหัส ICF จะบันทึกข้อมูลหลังจากที่คนพิการได้ขาเทียมไปแล้วว่าสมรรถนะของคนพิการหลังจากได้ขาเทียมไปแล้วดีขึ้นมากน้อยแค่ไหนอย่างไร ซึ่งข้อมูลของรหัส ICF นั้นจะช่วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับคนพิการวางแผนและประเมินผลการฟื้นฟูสมรรถภาพได้อย่างถูกต้องตรงกับความเป็นจริงด้วย นักวิจัยโครงการสำรวจความพิการในจังหวัดนครพนมโดยใช้รหัส ICF กล่าวว่า การเก็บข้อมูลคนพิการโดยใช้รหัส ICF จะแบ่งความรุนแรงของความพิการในการเก็บข้อมูลออกเป็น 5 ระดับคือ 0 หมายถึงไม่มีความผิดปรกติหรือมีความพิการเลย ระดับ 1 คือมีความผิดปรกติหรือมีความพิการน้อย ระดับ 2 คือมีความผิดปรกติหรือมีความพิการปานกลาง ระดับ 3 มีความผิดปรกติหรือมีความพิการมาก ระดับ 4 คือมีความพิการมากที่สุด โดยการลงเก็บข้อมูลรหัส ICF ก็จะจัดแบ่งเป็นโค้ดตามสมรรถนะของการใช้ชีวิตประจำวันด้วยเช่น การมองเห็นถูกจัดแบ่งเป็นโค้ด b210 การได้ยินจะเป็นโค้ด d310 การสื่อสารแบ่งเป็นโค้ด d315 และโค้ดอื่นๆ อีกตามการดำรงชีวิตของคนพิการในแต่ละวัน ที่ประชุมได้มีการนำเสนอสถิติการสำรวจความพิการในจังหวัดนครพนมโดยใช้รหัส ICF ในเบื้องต้น 1,007 คน จำแนกตามประเภทของผู้ที่มีความบกพร่องทางด้านร่างกายพบว่ามีคนพิการจำนวน 45 คนที่มีความบกพร่องทางการมองเห็นในขั้นรุนแรงระดับ 4 และมีคนพิการจำนวน 61 คน ที่มีความบกพร่องทางการได้ยินระดับ 4 ทั้งนี้มีคนพิการที่มีความบกพร่องทางการพูด 76 คน บกพร่องทางการสื่อสาร 38 คน บกพร่องทางการเดิน 89 คน และบกพร่องทางการจำ 143 คน ที่รุนแรงมากสุดในระดับ 4 ส่วนการจำแวิเคราะห์ บอล โปรแกรม บอล วัน นี้ วิเคราะห์นกตามความสามารถด้านการทำกิจวัตรประจำวัน พบว่ามีคนพิการที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้จากการปัสสาวะ 44 คน อุจจาระ 43 คน รับประทานอาหาร 37 คน แต่งตัว 50 คน เคลื่อนที่ในบ้าน 36 คน ขึ้นลงบันได 59 คน เคลื่อนที่นอกบ้าน 67 คน ซึ่งทั้งหมดถูกจัดให้อยู่ในระดับ 4 ซึ่งเป็นคนพิการที่ความความพิการมากที่สุดที่รัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามาดูแลและช่วยเหลือให้ตรงจุด ด้านพญ.วัชรา ริ้วไพบูลย์ ผู้อำนวยการสถาบันสร้างเสริมสุขภาพคนพิการ (สสพ.)กล่าวว่า การประชุมที่เราจัดทำขึ้นในครั้งนี้นั้นก็เพื่อนำเสนอโมเดล หรือต้นแบบในการจัดเก็บข้อมูลสำหรับคนพิการให้มีประสิทธิภาพและช่วยเหลือคนพิการได้ตรงจุดมากขึ้น เพราที่ผ่านมาการเก็บข้อมูลของคนพิการจะเป็นการเก็บข้อมูลเฉพาะความพิการ แต่การเก็บข้อมูลในรูปแบบ ICF นี้จะเป็นการจัดทำฐานข้อมูลคนพิการในรูปแบบใหม่ที่จะเก็บข้อมูลเรื่องสมรรถนะและความสามารถของคนพิการร่วมกับการเก็บข้อมูลตามลักษณะของความพิการ การเก็บข้อมูล ICF นี้ยังรวมไปถึงการเก็บข้อมูลในเรื่องความสามารถในการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวัน และข้อมูลสิ่งแวดล้อมด้านอื่นๆ ที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตของคนพิการด้วย ซึ่งหากมีการปรับระบบฐานข้อมูลของคนพิการเป็นรูปแบบ ICF ทั้งหมดหน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้องจะสามารถนำข้อมูลนี้ไปประสานกับหน่วยงานหลักในการฟื้นฟูคนพิการ จะเป็นประโยชน์ทั้งในด้านการจัดสรรงบประมาณที่เหมาะสมและตรงตามความต้องการของคนพิการได้ สถาบันสร้างเสริมสุขภาพคนพิการ (สสพ.) ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยสารคาม จัดประชุมเพื่อชี้แจงผลการดำเนินงานพัฒนาระบบฐานข้อมูลคนพิการโดยใช้รหัส ICF โดยมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม พญ.ศิรินาถ ดงศิริ นักวิจัยโครงการสำรวจความพิการในจังหวัดนครพนม รหัส ICF กล่าวว่า การเก็บข้อมูลคนพิการโดยใช้รหัส ICF คือการเก็บข้อมูลคนพิการทั้งในส่วนของลักษณะความพิการ และสมรรถนะของคนพิการ ซึ่งการเก็บข้อมูลโดยใช้รหัส ICF นั้น จะทำให้หน่วยงานที่ทำงานเกี่ยวข้องกับคนพิการสามารถกำหนดเป้าหมายหรือชี้เป้าของความพิการได้ถูกต้อง ว่าคนพิการที่เราลงเก็บข้อมูลนั้นต้องการการฟื้นฟูสมรรถภาพอะไรบ้าง ทั้งนี้ข้อมูลที่ได้นั้นจะสามารถนำไปใช้ในการวางแผนฟื้นฟูสมรรถภาพที่ตรงกับความพิการของคนพิการมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่นหากมีคนพิการขาดขาด 1 ข้างจำนวน10 คนในพื้นที่ ตามการบันทึกและจัดทำฐานข้อมูลของคนพิการในรูปแบบปรกติ จะบันทึกข้อมูลว่าคนพิการเหล่านี้นั้นนั้นเป็นคนพิการทางการเคลื่อนไหว 10 คน เมื่อจัดของบประมาณก็จะจัดของบประมาณสำหรับขาเทียม 10 ข้าง แต่หากจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบรหัส ICF จะบันทึกข้อมูลหลังจากที่คนพิการได้ขาเทียมไปแล้วว่าสมรรถนะของคนพิการหลังจากได้ขาเทียมไปแล้วดีขึ้นมากน้อยแค่ไหนอย่างไร ซึ่งข้อมูลของรหัส ICF นั้นจะช่วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับคนพิการวางแผนและประเมินผลการฟื้นฟูสมรรถภาพได้อย่างถูกต้องตรงกับความเป็นจริงด้วย นักวิจัยโครงการสำรวจความพิการในจังหวัดนครพนมโดยใช้รหัส ICF กล่าวว่า การเก็บข้อมูลคนพิการโดยใช้รหัส ICF จะแบ่งความรุนแรงของความพิการในการเก็บข้อมูลออกเป็น 5 ระดับคือ 0 หมายถึงไม่มีความผิดปรกติหรือมีความพิการเลย ระดับ 1 คือมีความผิดปรกติหรือมีความพิการน้อย ระดับ 2 คือมีความผิดปรกติหรือมีความพิการปานกลาง ระดับ 3 มีความผิดปรกติหรือมีความพิการมาก ระดับ 4 คือมีความพิการมากที่สุด โดยการลงเก็บข้อมูลรหัส ICF ก็จะจัดแบ่งเป็นโค้ดตามสมรรถนะของการใช้ชีวิตประจำวันด้วยเช่น การมองเห็นถูกจัดแบ่งเป็นโค้ด b210 การได้ยินจะเป็นโค้ด d310 การสื่อสารแบ่งเป็นโค้ด d315 และโค้ดอื่นๆ อีกตามการดำรงชีวิตของคนพิการในแต่ละวัน ที่ประชุมได้มีการนำเสนอสถิติการสำรวจความพิการในจังหวัดนครพนมโดยใช้รหัส ICF ในเบื้องต้น 1,007 คน จำแนกตามประเภทของผู้ที่มีความบกพร่องทางด้านร่างกายพบว่ามีคนพิการจำนวน 45 คนที่มีความบกพร่องทางการมองเห็นในขั้นรุนแรงระดับ 4 และมีคนพิการจำนวน 61 คน ที่มีความบกพร่องทางการได้ยินระดับ 4 ทั้งนี้มีคนพิการที่มีความบกพร่องทางการพูด 76 คน บกพร่องทางการสื่อสาร 38 คน บกพร่องทางการเดิน 89 คน และบกพร่องทางการจำ 143 คน ที่รุนแรงมากสุดในระดับ 4 ส่วนการจำแนกตามความสามารถด้านการทำกิจวัตรประจำวัน พบว่ามีคนพิการที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้จากการปัสสาวะ 44 คน อุจจาระ 43 คน รับประทานอาหาร 37 คน แต่งตัว 50 คน เคลื่อนที่ในบ้าน 36 คน ขึ้นลงบันได 59 คน เคลื่อนที่นอกบ้าน 67 คน ซึ่งทั้งหมดถูกจัดให้อยู่ในระดับ 4 ซึ่งเป็นคนพิการที่ความความพิการมากที่สุดที่รัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามาดูแลและช่วยเหลือให้ตรงจุด ด้านพญ.วัชรา ริ้วไพบูลย์ ผู้อำนวยการสถาบันสร้างเสริมสุขภาพคนพิการ (สสพ.)กล่าวว่า การประชุมที่เราจัดทำขึ้นในครั้งนี้นั้นก็เพื่อนำเสนอโมเดล หรือต้นแบบในการจัดเก็บข้อมูลสำหรับคนพิการให้มีประสิทธิภาพและช่วยเหลือคนพิการได้ตรงจุดมากขึ้น เพราที่ผ่านมาการเก็บข้อมูลของคนพิการจะเป็นการเก็บข้อมูลเฉพาะความพิการ แต่การเก็บข้อมูลในรูปแบบ ICF นี้จะเป็นการจัดทำฐานข้อมูลคนพิการในรูปแบบใหม่ที่จะเก็บข้อมูลเรื่องสมรรถนะและความสามารถของคนพิการร่วมกับการเก็บข้อมูลตามลักษณะของความพิการ การเก็บข้อมูล ICF นี้ยังรวมไปถึงการเก็บข้อมูลในเรื่องความสามารถในการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวัน และข้อมูลสิ่งแวดล้อมด้านอื่นๆ ที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตของคนพิการด้วย ซึ่งหากมีการปรับระบบฐานข้อมูลของคนพิการเป็นรูปแบบ ICF ทั้งหมดหน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้องจะสามารถนำข้อมูลนี้ไปประสานกับหน่วยงานหลักในการฟื้นฟูคนพิการ จะเป็นประโยชน์ทั้งในด้านการจัดสรรงบประมาณที่เหมาะสมและตรงตามความต้องการของคนพิการได้
วันนี้ (2 ส.ค.2565) นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เปิ