วันนี้ (29 ก.ค.2565) ความคืบหน้ากรณีช้างป่าเขาใหญ่
6 สิงหาคม 2025 - 11:18
วันนี้ (15 ก.ย.2567) กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ
6 สิงหาคม 2025 - 11:18

วันนี้ (25 ส.ค.2565) โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศยกหนี้การศึกษา สูงสุด 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ให้แก่ชาวอเมริกัน ขณะที่กลุ่มลูกหนี้ซึ่งรับเงินช่วยเหลือจากกองทุน Pell Grants ซึ่งเป็นกองทุนให้เปล่าสำห

วันนี้ (22 พ.ค.2565) ที่สนาม หมี่ ดิญ สเตเดียม, เมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม ในการแข่งขันฟุตบอลชาย นัดชิงชนะเลิศ ในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ระหว่าง ทีมชาติไทย และ ทีมชาติเวียดนาม ทีมชาติไทย พบกั

ระดมสมองปฏิรูปการจัดเก็บฐานข้อมูลคนพิการ จัดระดับความช่วยเหลือ จากการเก็บข้อมูลตามสภาพความพิการ เป็นเก็บข้อมูลตามสมรรถนะ และความสามารถของคนพิการในรูปแบบ ICF ชี้ข้อมูลจะเป็นประโยชน์และตรงตามความต้องการของคนพิการมากที่สุด ระดมสมองปฏิรูปการจัดเก็บฐานข้อมูลคนพิการ จัดระดับความช่วยเหลือ สถาบันสร้างเสริมสุขภาพคนพิการ (สสพ.) ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)  คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยสารคาม  จัดประชุมเพื่อชี้แจงผลการดำเนินงานพัฒนาระบบฐานข้อมูลคนพิการโดยใช้รหัส ICF โดยมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม                 พญ.ศิรินาถ ดงศิริ  นักวิจัยโครงการสำรวจความพิการในจังหวัดนครพนม รหัส ICF กล่าวว่า การเก็บข้อมูลคนพิการโดยใช้รหัส ICF คือการเก็บข้อมูลคนพิการทั้งในส่วนของลักษณะความพิการ และสมรรถนะของคนพิการ ซึ่งการเก็บข้อมูลโดยใช้รหัส ICF นั้น จะทำให้หน่วยงานที่ทำงานเกี่ยวข้องกับคนพิการสามารถกำหนดเป้าหมายหรือชี้เป้าของความพิการได้ถูกต้อง ว่าคนพิการที่เราลงเก็บข้อมูลนั้นต้องการการฟื้นฟูสมรรถภาพอะไรบ้าง ทั้งนี้ข้อมูลที่ได้นั้นจะสามารถนำไปใช้ในการวางแผนฟื้นฟูสมรรถภาพที่ตรงกับความพิการของคนพิการมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่นหากมีคนพิการขาดขาด 1 ข้างจำนวน10 คนในพื้นที่ ตามการบันทึกและจัดทำฐานข้อมูลของคนพิการในรูปแบบปรกติ จะบันทึกข้อมูลว่าคนพิการเหล่านี้นั้นนั้นเป็นคนพิการทางการเคลื่อนไหว 10 คน เมื่อจัดของบประมาณก็จะจัดของบประมาณสำหรับขาเทียม1️sa ทดลอง vip 10 ข้าง  แต่หากจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบรหัส ICF จะบันทึกข้อมูลหลังจากที่คนพิการได้ขาเทียมไปแล้วว่าสมรรถนะของคนพิการหลังจากได้ขาเทียมไปแล้วดีขึ้นมากน้อยแค่ไหนอย่างไร ซึ่งข้อมูลของรหัส ICF นั้นจะช่วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับคนพิการวางแผนและประเมินผลการฟื้นฟูสมรรถภาพได้อย่างถูกต้องตรงกับความเป็นจริงด้วย                 นักวิจัยโครงการสำรวจความพิการในจังหวัดนครพนมโดยใช้รหัส ICF กล่าวว่า การเก็บข้อมูลคนพิการโดยใช้รหัส ICF จะแบ่งความรุนแรงของความพิการในการเก็บข้อมูลออกเป็น  5 ระดับคือ  0 หมายถึงไม่มีความผิดปรกติหรือมีความพิการเลย ระดับ  1 คือมีความผิดปรกติหรือมีความพิการน้อย ระดับ  2 คือมีความผิดปรกติหรือมีความพิการปานกลาง ระดับ 3 มีความผิดปรกติหรือมีความพิการมาก ระดับ 4 คือมีความพิการมากที่สุด โดยการลงเก็บข้อมูลรหัส ICF ก็จะจัดแบ่งเป็นโค้ดตามสมรรถนะของการใช้ชีวิตประจำวันด้วยเช่น การมองเห็นถูกจัดแบ่งเป็นโค้ด b210 การได้ยินจะเป็นโค้ด d310 การสื่อสารแบ่งเป็นโค้ด d315 และโค้ดอื่นๆ อีกตามการดำรงชีวิตของคนพิการในแต่ละวัน                 ที่ประชุมได้มีการนำเสนอสถิติการสำรวจความพิการในจังหวัดนครพนมโดยใช้รหัส ICF ในเบื้องต้น 1,007 คน จำแนกตามประเภทของผู้ที่มีความบกพร่องทางด้านร่างกายพบว่ามีคนพิการจำนวน 45 คนที่มีความบกพร่องทางการมองเห็นในขั้นรุนแรงระดับ 4 และมีคนพิการจำนวน 61 คน ที่มีความบกพร่องทางการได้ยินระดับ 4 ทั้งนี้มีคนพิการที่มีความบกพร่องทางการพูด 76 คน บกพร่องทางการสื่อสาร 38 คน บกพร่องทางการเดิน 89 คน และบกพร่องทางการจำ 143 คน ที่รุนแรงมากสุดในระดับ 4  ส่วนการจำแนกตามความสามารถด้านการทำกิจวัตรประจำวัน พบว่ามีคนพิการที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้จากการปัสสาวะ 44 คน อุจจาระ 43 คน รับประทานอาหาร 37 คน แต่งตัว 50 คน เคลื่อนที่ในบ้าน 36 คน ขึ้นลงบันได 59 คน เคลื่อนที่นอกบ้าน 67 คน ซึ่งทั้งหมดถูกจัดให้อยู่ในระดับ 4 ซึ่งเป็นคนพิการที่ความความพิการมากที่สุดที่รัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามาดูแลและช่วยเหลือให้ตรงจุด                 ด้านพญ.วัชรา ริ้วไพบูลย์ ผู้อำนวยการสถาบันสร้างเสริมสุขภาพคนพิการ (สสพ.)กล่าวว่า การประชุมที่เราจัดทำขึ้นในครั้งนี้นั้นก็เพื่อนำเสนอโมเดล หรือต้นแบบในการจัดเก็บข้อมูลสำหรับคนพิการให้มีประสิทธิภาพและช่วยเหลือคนพิการได้ตรงจุดมากขึ้น  เพราที่ผ่านมาการเก็บข้อมูลของคนพิการจะเป็นการเก็บข้อมูลเฉพาะความพิการ แต่การเก็บข้อมูลในรูปแบบ ICF นี้จะเป็นการจัดทำฐานข้อมูลคนพิการในรูปแบบใหม่ที่จะเก็บข้อมูลเรื่องสมรรถนะและความสามารถของคนพิการร่วมกับการเก็บข้อมูลตามลักษณะของความพิการ การเก็บข้อมูล ICF นี้ยังรวมไปถึงการเก็บข้อมูลในเรื่องความสามารถในการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวัน และข้อมูลสิ่งแวดล้อมด้านอื่นๆ ที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตของคนพิการด้วย ซึ่งหากมีการปรับระบบฐานข้อมูลของคนพิการเป็นรูปแบบ ICF ทั้งหมดหน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้องจะสามารถนำข้อมูลนี้ไปประสานกับหน่วยงานหลักในการฟื้นฟูคนพิการ จะเป็นประโยชน์ทั้งในด้านการจัดสรรงบประมาณที่เหมาะสมและตรงตามความต้องการของคนพิการได้ สถาบันสร้างเสริมสุขภาพคนพิการ (สสพ.) ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)  คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยสารคาม  จัดประชุมเพื่อชี้แจงผลการดำเนินงานพัฒนาระบบฐานข้อมูลคนพิการโดยใช้รหัส ICF โดยมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม                 พญ.ศิรินาถ ดงศิริ  นักวิจัยโครงการสำรวจความพิการในจังหวัดนครพนม รหัส ICF กล่าวว่า การเก็บข้อมูลคนพิการโดยใช้รหัส ICF คือการเก็บข้อมูลคนพิการทั้งในส่วนของลักษณะความพิการ และสมรรถนะของคนพิการ ซึ่งการเก็บข้อมูลโดยใช้รหัส ICF นั้น จะทำให้หน่วยงานที่ทำงานเกี่ยวข้องกับคนพิการสามารถกำหนดเป้าหมายหรือชี้เป้าของความพิการได้ถูกต้อง ว่าคนพิการที่เราลงเก็บข้อมูลนั้นต้องการการฟื้นฟูสมรรถภาพอะไรบ้าง ทั้งนี้ข้อมูลที่ได้นั้นจะสามารถนำไปใช้ในการวางแผนฟื้นฟูสมรรถภาพที่ตรงกับความพิการของคนพิการมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่นหากมีคนพิการขาดขาด 1 ข้างจำนวน10 คนในพื้นที่ ตามการบันทึกและจัดทำฐานข้อมูลของคนพิการในรูปแบบปรกติ จะบันทึกข้อมูลว่าคนพิการเหล่านี้นั้นนั้นเป็นคนพิการทางการเคลื่อนไหว 10 คน เมื่อจัดของบประมาณก็จะจัดของบประมาณสำหรับขาเทียม 10 ข้าง  แต่หากจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบรหัส ICF จะบันทึกข้อมูลหลังจากที่คนพิการได้ขาเทียมไปแล้วว่าสมรรถนะของคนพิการหลังจากได้ขาเทียมไปแล้วดีขึ้นมากน้อยแค่ไหนอย่างไร ซึ่งข้อมูลของรหัส ICF นั้นจะช่วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับคนพิการวางแผนและประเมินผลการฟื้นฟูสมรรถภาพได้อย่างถูกต้องตรงกับความเป็นจริงด้วย                 นักวิจัยโครงการสำรวจความพิการในจังหวัดนครพนมโดยใช้รหัส ICF กล่าวว่า การเก็บข้อมูลคนพิการโดยใช้รหัส ICF จะแบ่งความรุนแรงของความพิการในการเก็บข้อมูลออกเป็น  5 ระดับคือ  0 หมายถึงไม่มีความผิดปรกติหรือมีความพิการเลย ระดับ  1 คือมีความผิดปรกติหรือมีความพิการน้อย ระดับ  2 คือมีความผิดปรกติหรือมีความพิการปานกลาง ระดับ 3 มีความผิดปรกติหรือมีความพิการมาก ระดับ 4 คือมีความพิการมากที่สุด โดยการลงเก็บข้อมูลรหัส ICF ก็จะจัดแบ่งเป็นโค้ดตามสมรรถนะของการใช้ชีวิตประจำวันด้วยเช่น การมองเห็นถูกจัดแบ่งเป็นโค้ด b210 การได้ยินจะเป็นโค้ด d310 การสื่อสารแบ่งเป็นโค้ด d315 และโค้ดอื่นๆ อีกตามการดำรงชีวิตของคนพิการในแต่ละวัน                 ที่ประชุมได้มีการนำเสนอสถิติการสำรวจความพิการในจังหวัดนครพนมโดยใช้รหัส ICF ในเบื้องต้น 1,007 คน จำแนกตามประเภทของผู้ที่มีความบกพร่องทางด้านร่างกายพบว่ามีคนพิการจำนวน 45 คนที่มีความบกพร่องทางการมองเห็นในขั้นรุนแรงระดับ 4 และมีคนพิการจำนวน 61 คน ที่มีความบกพร่องทางการได้ยินระดับ 4 ทั้งนี้มีคนพิการที่มีความบกพร่องทางการพูด 76 คน บกพร่องทางการสื่อสาร 38 คน บกพร่องทางการเดิน 89 คน และบกพร่องทางการจำ 143 คน ที่รุนแรงมากสุดในระดับ 4  ส่วนการจำแนกตามความสามารถด้านการทำกิจวัตรประจำวัน พบว่ามีคนพิการที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้จากการปัสสาวะ 44 คน อุจจาระ 43 คน รับประทานอาหาร 37 คน แต่งตัว 50 คน เคลื่อนที่ในบ้าน 36 คน ขึ้นลงบันได 59 คน เคลื่อนที่นอกบ้าน 67 คน ซึ่งทั้งหมดถูกจัดให้อยู่ในระดับ 4 ซึ่งเป็นคนพิการที่ความความพิการมากที่สุดที่รัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามาดูแลและช่วยเหลือให้ตรงจุด                 ด้านพญ.วัชรา ริ้วไพบูลย์ ผู้อำนวยการสถาบันสร้างเสริมสุขภาพคนพิการ (สสพ.)กล่าวว่า การประชุมที่เราจัดทำขึ้นในครั้งนี้นั้นก็เพื่อนำเสนอโมเดล หรือต้นแบบในการจัดเก็บข้อมูลสำหรับคนพิการให้มีประสิทธิภาพและช่วยเหลือคนพิการได้ตรงจุดมากขึ้น  เพราที่ผ่านมาการเก็บข้อมูลของคนพิการจะเป็นการเก็บข้อมูลเฉพาะความพิการ แต่การเก็บข้อมูลในรูปแบบ ICF นี้จะเป็นการจัดทำฐานข้อมูลคนพิการในรูปแบบใหม่ที่จะเก็บข้อมูลเรื่องสมรรถนะและความสามารถของคนพิการร่วมกับการเก็บข้อมูลตามลักษณะของความพิการ การเก็บข้อมูล ICF นี้ยังรวมไปถึงการเก็บข้อมูลในเรื่องความสามารถในการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวัน และข้อมูลสิ่งแวดล้อมด้านอื่นๆ ที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตของคนพิการด้วย ซึ่งหากมีการปรับระบบฐานข้อมูลของคนพิการเป็นรูปแบบ ICF ทั้งหมดหน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้องจะสามารถนำข้อมูลนี้ไปประสานกับหน่วยงานหลักในการฟื้นฟูคนพิการ จะเป็นประโยชน์ทั้งในด้านการจัดสรรงบประมาณที่เหมาะสมและตรงตามความต้องการของคนพิการได้

ระดมสมองปฏิรูปการจัดเก็บฐานข้อมูลคนพิการ จัดระดับความช่วยเหลือ จากการเก็บข้อมูลตามสภาพความพิการ เป็นเก็บข้อมูลตามสมรรถนะ และความสามารถของคนพิการในรูปแบบ ICF ชี้ข้อมูลจะเป็นประโยชน์และตรงตามความต้องการ

จากกรณีที่คณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ ซึ่งมี รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธานกรรมการ มีปลัดกระทรวงศึกษา